Baldur's Gate 3

Baldur's Gate 3

Ei tarpeeksi arvosteluja
[BG3] Build#002 อัศวินผู้สไมท์หมดไม่สนลูกใคร
Tekijältä Kingreader-K
บิ้ว Endgame (Act 3 Lv12) สำหรับผู้ชื่นชอบอัศวินสาย Tank เกราะหนักรับแรงกระแทกที่ Smite ได้แรงหนักกว่าเกราะที่ใส่อีก โดยไกด์นี้ จะอธิบายการทำบิ้ว, อุปกรณ์ที่จำเป็น, และวิธีการเล่นให้อย่างละเอียดระดับโมเลกุล

อ้างอิงจากเกม Version 4.1.1.3956130 (Patch 4 Hotfix 11)
   
Palkinto
Lisää suosikkeihin
Lisätty suosikkeihin
Poista suosikeista
Introduction & Overview
เล่น Paladin แล้วรู้สึกว่า Smite ยังแรงไม่พอมั๊ย?
เล่น Tank แบบอึดๆแล้วรู้สึกว่าดาเมจไม่เยอะเท่าเพื่อนๆในทีมมั๊ย?
เบื่อมั๊ย ที่ต้องใช้เวทย์จำกัดจำเกี่ยของ Paladin ที่ไม่ค่อยมีประโยชน์อะไร?
และ เบื่อมั๊ยที่หยิบเครื่องดนตรีมาเล่น แต่เล่นห่วยจนแม้แต่หมาในแคมป์ยังวิ่งหนี?


สวัสดีท่านนักผจญภัยผู้ใฝ่หาบิ้วอันหลากหลายเพื่อแก้เบื่อความจำเจอีกครั้งนะครับ วันนี้พบกับผม K (AKA: Kingreader-K) อีกเช่นเคย กับบิ้วไกด์ที่ 2 แล้วของเกมนี้

ออกตัวก่อนว่า ถ้าเกมนี้มีให้เลือกเมน เหมือนกับเลือกเมนอาวุธในมอนฮันแล้วล่ะก็ คลาส Paladin นี่ก็เรียกได้ว่าเป็นเมนผมเลยครับ เพราะส่วนตัวชื่นชอบความเป็นอัศวินเกราะสวยๆ ถือดาบโล่วิ่งเป็นแนวหน้าเข้าห้ำหั่นกับฝูงศัตรู แถม Paladin เองก็ยังเป็นอีก Class ที่มีมิติในการเล่น Roleplay ที่ดีมากๆอีกด้วย เอาเป็นว่าผมไม่ขอสปอยอะไรละกันนะ แค่อยากให้รู้ว่าผมชอบเล่น Paladin มากๆเค่นั้นเองครับ 555+

บิ้วนี้เป็นบิ้วที่ผมไปลอกมาแล้วเอามาปรับจาก Youtube คลิปนึง (เครดิตลิ้งค์ด้านล่าง) ซึ่งตอนแรก เห็นแล้วแบบ เห้ย! อะไรจะขนาดนั้น ... แต่พอเอามาปรับบิ้วเล่นเอง ก็เห้ย! แรงจริงไม่ติงนัง! แถมยังกลบข้อด้อยของ Paladin แบบ Single Class ไปเกือบหมด บิ้วนี้จึงเป็นบิ้วโปรดสำหรับสายประชิด 1V1 ของผม ณ ปัจจุบันเลยครับ

ถ้าคุณรู้สึกว่าการ Smite ของ Paladin ปกติยังแรงไม่พอละก็ คิดสภาพที่คุณสามารถ Divine Smite ครั้งเดียวได้ดาเมจประมาณ 100+ และยังตีได้สูงสุด 8 ครั้งใน 1 เทิร์นดูสิครับ ... ว่าแล้วก็อย่ารอช้า ไปดูรายละเอียดบิ้วกันเลยดีกว่าาา!!!


Credit
Build นี้ผมปรับมาจากบิ้วในคลิป Youtube ลิ้งค์นี้นะครับ ใครที่คล่อง ENG และอยากดูบิ้ว Original จิ้มไปดูได้เลยครับ
https://www.youtube.com/watch?v=Tzhpb7k1UkI
การสร้างตัวละครที่ Level 01
Paladin Lv1

มาเริ่มกันที่ Level 1 ไม่ว่าจะเป็นการสร้างตัวละครใหม่หรือ Respec ตัวละคร ซึ่งถ้าส่วนไหนไม่จำเป็น ผมจะไม่ลงรายละเอียดให้นะครับ มาเริ่มกันเลยดีกว่า

Origin/Race/Sub-Race - อันนี้ผมแนะนำเผ่า Tiefling Sub-Race: Zariel Tiefling เลยครับ เพราะตอนเลเวล 3 และ 5 จะได้สกิล Smite ฟรีมา (Searing Smite และ Branding Smite) ซึ่งมีประโยชน์ในการทำดาเมจเพิ่มตอนเราหมด Spell Slot แล้ว ... แต่สุดท้าย ก็อยู่ที่ความพอใจของเราเลยครับ เลือกเล่นเผ่าไหนก็ได้ตามใจชอบเลย

Class - Paladin ที่ผมเลือกคลาสนี้ก่อนเพราะต้องการ Proficiency Saving Throw ของ Wis และ Cha ครับ
Subclass - อันนี้ผมแนะนำให้เลือก Oath of Vengeance เพราะจะได้สกิล Inquisitor's Might ที่ใช้ Bonus Action ร่ายเพื่อเพิ่มดาเมจแสงให้เรา 3 หน่วย แถมทำให้ศัตรูติดสถานะ Dazed ได้ด้วย ... แต่จะเลือกอันอื่นก็ไม่มีปัญหาครับ เพราะสิ่งที่เราต้องการจากคลาสนี้จริงๆคือ Divine Smite ซึ่งไม่ว่า Subclass ไหนก็ได้เหมือนกัน
Abilities - อันนี้จำเป็นต้อง Fix นิดนึง เพราะในบิ้วนี้ไม่มีการเลือก Feat เพิ่ม Abilities ครับ ซึ่งอันที่จำเป็นมากๆกับเราจริงๆคือ Str และ Cha ก็เพิ่มทั้งสองอย่างให้เป็น 16 ไปเลย ... จริงๆมันมีวิธีทำให้สองอย่างนี้เป็น 18-20 นะครับ แต่ผมจะเอาไว้พูดถึงทีหลังละกัน ซึ่งในเริ่มต้นผมจะบิ้วไว้ประมาณนี้

Abilities
Score
Strength
16
Dexterity
14
Constitution
8
Intelligence
10
Wisdom
10
Charisma
16

หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมอัพ Con แค่ 8 ครับ? ต้องแยกเป็น 2 กรณีดังนี้ครับ
1. กรณีที่คุณเล่นบิ้วนี้ตั้งแต่เริ่มเกม - ผมแนะนำว่าให้ลด Int กับ Wis มาอัพ Con เป็น 14-16 แทนครับ เพราะจะช่วยให้คุณเล่นได้ง่ายขึ้นในช่วงต้นเกม
2. กรณี Respec ทำบิ้วตอน Endgame - ให้ลด Con เหลือ 8 ได้เลยครับ เพราะเราจะใส่สร้อย Amulet of Greater Health ที่จะปรับค่า Con เรามาเป็น 23 ทันที ของดีใช่มั๊ยล่ะ!

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 02
Paladin Lv2

และแล้วก็มาถึงพระเอกของบิ้วนี้ นั่นก็คือ Divine Smite นั่นเอง!

Divine Smite
สกิลสายโจมตีที่ไม่นับเป็นเวทย์มนต์ ... ใช่ครับ คุณใช้สกิลนี้ได้ตอนอยู่ในวง Silence แต่มันก็ยังกิน Spell Slot อยู่ดีนะ (อย่าถามผมว่าทำไม ผมไม่รู้ 555) ซึ่งจะทำดาเมจตามดาเมจของอาวุธที่ถือ +2-16 ดาเมจแสง (เพิ่ม 1-8 หน่วยทุกๆเลเวลของ Slot เวทย์ที่ใช้) และยังมีโบนัสดาเมจแสงอีก 1-8 หน่วย ถ้าคุณใช้ใส่ศัตรูที่เป็น Undead หรือ Fiend

แต่ไม่ใช่แค่นั้น สิ่งที่ทำให้ Divine Smite โหดเหี้ยมกว่าสกิลอื่นคือ มันสามารถเป็น Reaction: On Hit หรือ Critical Hit ได้ครับ ... หมายความว่า ถ้าคุณตีธรรมดาหรือด้วยสกิล Smite อื่นๆ คุณสามารถเพิ่มดาเมจด้วย Divine Smite ได้อีก (แต่เปลือง Spell Slot เหมือนเดิมนะ) ... ทำให้ Paladin เป็นคลาสที่ทำดาเมจใส่ศัตรูตัวเดียวได้สูงมากๆครับ ในแพทช์เก่าๆ เราสามารถ Divine Smite ซ้อน Divine Smite เวลสูงๆได้ แต่ในแพทช์ปัจจุบัน ไม่สามารถทำได้แล้วครับ แถมยังเนิร์ฟดาเมจไม่ให้เกิน 5-40 อีก ... เอาน่ะ โหดเกินไปเดี๋ยวเกมจะไม่มันส์เอาเนาะ

และนี่คือข้อดีที่สุดของ Paladin แล้วครับและเมื่อเราได้ Divine Smite มาเราจะหยุดการอัพเวล Paladin ไว้แค่นี้ ... อะไรนะ? Paladin เป็นเมนผมไม่ใช่เหรอ? ... ใช่ครับ แต่หลังจากนี้แล้ว Paladin ไม่ได้มีอะไรสำคัญมากกับบิ้วนี้แล้ว ปล่อยไว้แค่นี้แหละ 5555

Fighting Style - ของจำเป็นสำหรับสายต่อสู้เลยครับ โดยในบิ้วนี้เราจะได้เลือก Style ถึง 3 อย่าง ... แต่ยังไง ผมขอล็อคคอเลือกตามผมนะครับ เพราะไม่งั้นคุณอาจจะถูกบังคับไปเลือก Fighting Style ที่ไม่จำเป็นแทน ... ในรอบนี้ให้เลือก Defence ครับ เพราะจะเพิ่ม AC+1 ให้เราทันทีเมื่อเราใส่เกราะ ซึ่งแน่นอน เราต้องใส่สิ

Prepare Spells - ช่างมันครับเลือกทีหลังได้ ทุกวันนี้ผมก็ยังไม่รู้ว่ามันมีมาให้เลือกเปลี่ยนตอนเวลอัพให้เสียเวลาทำไมกัน 5555

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 03
Paladin Lv2 / Fighter Lv1

ถึงเวลามูฟออน ไปคลาสต่อไปครับ ให้คุณเลือก Fighter ได้เลย โดยในเลเวลนี้ เราจะได้สกิลเพิ่มเลือดของ Fighter มาและได้เลือก Fighting Style อีก 1 อัน

Fighting Style - เลือก Archery ครับ เพราะจะเพิ่ม Attack Roll ของ Range ให้อีก +2 แต้ม ... ห๊ะ อะไรนะครับ? บิ้วนี้ใช้ธนูด้วยเหรอ? ... ตอบให้เลยว่า หลักๆไม่ได้ใช้ครับ แต่มันมีทางเลือกให้คุณได้ใช้อยู่นะ ดังนั้นอัพไว้รับรอง คุณอาจจะได้ใช้ประโยชน์มันจากบางสถานการณ์แน่นอนครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 04
Paladin Lv2 / Fighter Lv2

เวลนี้ อัพง่ายๆเลยครับ เพราะเราไม่ต้องเลือกอะไรเลย สบายๆ แต่จำเป็นยิ่งยวดเพราะสิ่งที่เราจะได้จาก Fighter เวล 2 คือ Action Surge

Action Surge
สกิลเฉพาะตัวของ Fighter ที่สามารถใช้ได้ฟรีโดยไม่ต้องเสียแต้มอะไร แต่ต้องใช้ตอนอยู่ใน Combat เท่านั้น ใช้ได้ 1 ครั้ง / 1 Short Rest ครับ ... โดยเมื่อเราใช้ Action Surge มันจะเพิ่ม Action Point ให้เรา 1 แต้มทันที ทำให้คุณสามารถโจมตี แดช หรือร่ายเวทย์ช่วยเพื่อนได้ในเทิร์นนั้น ถือเป็นของดีที่สายโจมตีประชิดต้องมีไว้เลยครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 05
Paladin Lv2 / Fighter Lv3

Subclass - รอบนี้เราจะได้เลือก Subclass ของ Fighter กัน ... แน่นอนครับ ถ้าเรามาสายคริแล้วละก็ต้องเลือก Champion สิ เพราะจะได้ Passive ที่เรียกว่า Improved Critical Hit ครับ

Improved Critical Hit
โดยปกตินั้น ใน Attach Roll จะใช้เต๋า 1d20 ซึ่งก็คือลูกเต๋า 20 หน้า การจะติดคริได้นั้น จะต้อง Roll ให้ได้ 20 แต้มเท่านั้น คิดเป็น % ก็ประมาณ 5% ... แต่สกิลนี้จะช่วยลดแต้มในการ Roll ให้ติดคริติคัลได้ลง 1 แต้ม ซึ่งก็หมายความว่า ถ้าเรา Roll ได้ 19-20 ก็จะติดคริทันที (กลายเป็นโอกาส 2 ใน 20 หรือ 10%) ซึ่งเอฟเฟ็คนี้ สามารถ Stack กันได้ หมายความว่า ถ้าเรามีของที่ช่วยเพิ่มอัตราคริอีก ก็จะมีโอกาสคริได้มากขึ้นเรื่อยๆครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 06
Paladin Lv2 / Fighter Lv3 / Wizard Lv1

ในเลเวลนี้ เราจะเปลี่ยนคลาสกันอีกครั้ง ไปเพิ่ม Wizard ครับ ... อ่ะ ไม่ต้องตกใจว่าทำไมถึงมาเอา Wizard ทำไมไม่อัพ Fighter เวล 4 เพื่อเอา Feat แทน ... จะทำแบบนั้นก็ได้ครับ แต่คุณจะเสียโอกาสทำเรื่องพวกนี้ไป
- Spell Slot เลเวล 4 จำนวน 2 ช่อง (ถ้าไม่อัพ Wizard ตอนเราเลเวล 12 จะมี Spell Slot เวล แค่ 1 ช่อง)
- ความสามารถการเรียนเวทย์ Utilities เวล 1-4 จาก Scrolls ของ Wizard เช่น Shield, Knock, และเวทย์ที่สำคัญกับบิ้วของเราอย่าง Haste

ดังนั้น ผมมองว่า Feat 1 อย่างแลกกับ Features ของคลาส Wizard ที่เราจะเสียไปนี้ มันไม่คุ้มกัน แต่ถ้าคุณอยากบิ้วให้สามารถเลือก Feat เพิ่มได้อีกอัน ก็ให้เพิ่มเวลของ Fighter เป็น 4 ที่เวลนี้แทนครับ

Cantrips - เลือกอะไรก็ได้ครับ 3 อัน เพราะไม่ได้ใช้หรอก
Spells - อันนี้ผมแนะนำให้เลือก Shield ไว้ 1 อัน เผื่อกรณีเอาไว้ใช้งานก่อนที่เราจะได้เรียนเวทย์ Haste จาก Scroll ครับ ... ส่วนอันอื่น ก็เน้นเลือกสาย Utilities เอาครับ เพราะจริงๆก็ไม่ได้ใช้
Prepare Spells - ถ้าคุณอัพ Int ไว้ที่ 10 จะเลือกจำเวทย์ได้ 1 อัน ก็เลือก Shield ไปครับ


การอัพเกรดตัวละครที่ Level 07
Paladin Lv2 / Fighter Lv3 / Wizard Lv1 / Bard Lv1

เอาล่ะครับ เราจะมาเลือกอัพคลาสที่ 4 กัน และจะอยู่กับคลาสนี้ยาวๆจนเวล 12 เลย ซึ่งคลาสผู้โชคดี(และโคตรดี) นั่นก็คือ Bard นั่นเอง โดยจะมีสกิลพิเศษของคลาสนี้มา นั่นคือ ...

Bardic Inspiration
บัฟเพื่อนให้สามารถใช้ Reaction ในการเพิ่ม Attack Roll, Ability Check, หรือ Saving Throw ได้ ซึ่งนับว่าดีมากๆในการเล่นแบบเป็นทีม แต่สำหรับบิ้วนี้ สามารถใช้แต้ม Bardic Inspiration นี้ในการโจมตีได้ด้วยครับ ถือว่าเป็นของดีที่มีประโยชน์รอบด้านทีเดียวเลยล่ะ

Cantrips - เลือกอะไรก็ได้ครับ 2 อัน อยู่ที่ความชอบเลยครับ ผมไม่มีอะไรแนะนำเป็นพิเศษ
Spells - เวทย์ของ Bard นี่ต้องเลือกหน่อยครับ เพราะเราจะเปลี่ยนไม่ได้ เป็นเวทย์แนว Always Prepared ผมแนะนำเวทย์สายฮีลและ Utilities เช่น Cure Wound, Healing Word, Sleep เป็นต้น ... เลือกไปก่อนก็ได้ครับ พอมีเวทย์เวลสูงๆ เราค่อยเลือก Replace Spells เอา ... ถ้าอยากรู้ว่าส่วนตัวผมเลือกอะไรบ้าง ลองดูในคลิปหัวข้อ Bonus ดูครับ
Starting Instrument - เลือกเครื่องดนตรีเริ่มต้นฟรีได้เลยครับ ถ้าไม่ชอบ เราก็หาเครื่องดนตรีอื่นมาใส่ทีหลังได้อยู่แล้ว
Abilities - เลือก Skills เพิ่ม 1 อย่าง ถ้ายังเหลือแมพให้สำรวจก็เพิ่ม Perception กับ Survival ได้เลยครับ แต่จะเลือกอะไรก็ได้นะ เพราะยังไงตอนเริ่มเราก็เลือกของสำคัญๆอย่าง Athletics / Acrobatics / Persuasion ทั้ง 3 อันไว้อยู่แล้ว


การอัพเกรดตัวละครที่ Level 08
Paladin Lv2 / Fighter Lv3 / Wizard Lv1 / Bard Lv2

Spells - เลือกเวทย์เวล 1 อีก 1 อย่างครับ อะไรก็ได้เช่นเคย

ในการอัพเวลนี้ เราจะได้สกิลพิเศษของ Bard มาอีก 1 อัน คือ Song of Rest ครับ ซึ่งจะมีผลเหมือนกับเรา Short Rest ให้กับทั้งทีมได้ 1 รอบ ดีจัดๆเลย แต่บิ้วนี้ยังไงเราก็ต้อง Long Rest บ่อยๆคงไม่ได้มีประโยชน์มาก แต่กับช่วงที่ต้องเจอไฟท์โหดๆต่อๆกัน ก็ถือว่ามีประโยชน์มากครับ

จริงๆแล้วในเวลนี้ เราจะได้ Passive ที่ชื่อว่า Jack of All Trades มาด้วย ซึ่งจะเอาไว้ช่วยเพิ่มโบนัสครึ่งนึงของ Proficiency เราเข้าไปใน Skills Check ที่เราไม่มี Proficiency ครับ พูดง่ายๆก็คือ โบนัสสกิลเช๊คให้กับทุกสกิลที่เหลือน่ะแหละ ใช้ได้ดีในการผ่านสกิลเช๊คทั้งหลายในบทสนทนาครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 09
Paladin Lv2 / Fighter Lv3 / Wizard Lv1 / Bard Lv3

และแล้วก็มาถึงเลเวลที่เราต้องเลือก Subclass ของ Bard แล้ว ข้อมูลของเวลนี้อาจจะเยอะๆหน่อยนะครับ

Spells - อันนี้มีเวทย์เวล 2 มาให้เลือกใช้แล้ว น่าจะเดาออกแล้วนะครับว่าผมจะบอกว่าอะไร
Replace Spells - เวทย์เวล 1 อันไหนที่ไม่ใช้ ก็เอามาเปลี่ยนเป็นเวทย์เวล 2 ได้ครับ

Subclass - ส่วนนี้ ขอบังคับเลือกนะครับ 5555 เลือกเป็น College of Swords ครับผม เพราะเราจะได้เลือก Fighting Style เพิ่มอีก 1 อัน และ Blade Flourish สกิลที่จะมาเพิ่มทางเลือกและความยืดหยุ่นให้กับบิ้วของเราอย่างมากครับ

Blade Flourish
สกิลนี้จะแยกย่อยเป็น 6 สกิลให้เราได้เลือกใช้กัน (ประชิด 3 ระยะไกล 3) แต่ จริงๆแล้วคือมีแค่ 3 ประเภทเท่านั้นครับ โดยผมจะขออธิบายเป็นประเภทๆดังนี้

1. Defensive Flourish
เป็นสกิลที่ใช้อาวุธประชิดหรืออาวุธระยะไกล และใช้แต้ม Bardic Inspiration 1 แต้ม เมื่อโจมตีโดนศัตรูแล้วจะทำให้เราได้ AC+4 ในเทิร์นนั้นๆ ถือเป็นท่าที่เอาไว้จบเทิร์นเวลาเราอยู่ในวงล้อมศัตรูเลยครับ เพราะเมื่อรวมกับ AC25 จากอุปกรณ์ทั้งหมด จะเพิ่มไปถึง 29 เลยทีเดียว (ถ้าร่าย Haste ไว้ด้วยก็จะได้เป็น 31) ซึ่งแทบจะเรียกได้ว่ามีโอกาสหลบการโจมตีที่ที่เข้ามาได้แทบจะ 80-90% เลยครับ

2. Mobile Flourish
อันนี้เป็นท่าโปรดของผมเลย เป็นสกิลที่ใช้อาวุธประชิดหรืออาวุธระยะไกล และใช้แต้ม Bardic Inspiration 1 แต้ม เมื่อโจมตีโดนจะผลักศัตรูตัวนั้นๆกระเด็นไป 6 เมตร (เหมือนๆ Pushing Attack) ... แต่ที่เด็ดกว่าคือ เราจะสามารถใช้ Movement Point ในการวาร์ปตามศัตรูตัวนั้นไปได้ครับ ... ลองนึกถึงตอนที่โดนรุมหรือต้องการดันศัตรูไปในทางที่เราจะวิ่งไปด้วยท่านี้ พอผลักไปแล้วก็วาร์ปตามไปเก็บงานได้ ที่สำคัญ ใช้อาวุธระยะไกลก็ได้ผลเหมือนกันนะเออ

3. Slashing Flourish
อันนี้เป็นอีกท่าที่เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับบิ้วเราครับ เป็นสกิลที่ใช้อาวุธประชิดหรืออาวุธระยะไกล และใช้แต้ม Bardic Inspiration 1 แต้ม โจมตีศัตรู 2 ตัว ... ซึ่งถ้าเป็นอาวุธประชิดจะเป็นการโจมตีคล้าย Sweeping Atttack หรือโจมตีเป็น Arc ระยะ 2 เมตร ... แต่ที่เด็ดจริงๆคืออาวุธระยะไกลครับ เพราะสามารถเลือกเป้าได้ 2 เป้า หรือจะเลือก เป้าเดียวแล้วยิง 2 นัดก็ได้! ผมถึงได้เกริ่นไว้แล้วว่า Fighting Style Archery อาจจะมีประโยขน์โดยเฉพาะตอนที่คุณมีท่านี้ไว้ใช้งานนี่แหละครับ


Fighting Style - อันนี้สำคัญอยู่ ต้องเลือก Duelling ครับ มันจะเพิ่มดาเมจให้ +2 เมื่อเราใช้อาวุธระยะประชิดที่ไม่ใช่พวก Two Handed หรือ Versatile แล้วไม่ได้ถืออีกอาวุธในมือ Off Hand ... แต่สามารถถือโล่ได้นะ ทำให้เรามีดาเมจเพิ่มฟรีๆอีก 2 หน่วยครับ


Skills - ในเวลนี้ เราสามารถเลือกเพิ่ม Skills ได้อีก 1 อัน ก็เลือกอันที่ต้องการได้เลยครับ แต่ผมแนะนำ Intimidation ไว้สำหรับใช้ในบทสนทนา ไม่ก็ Perception ไว้ใช้ตอนสำรวจแมพหรือดันเจี้ยนครับ


การอัพเกรดตัวละครที่ Level 10
Paladin Lv2 / Fighter Lv3 / Wizard Lv1 / Bard Lv4

Cantrips - อะไรก็ได้ครับ พิมพ์จนคนอ่านเดาทางได้แล้วเนี่ย
Spells - เลือกเวทย์เวล 2 อีก 1 อันครับ เช่นเดิม อะไรก็ได้ (อีกแล้ว)
Replace Spells - ไม่ชอบเวทย์ไหนก็คัดออกแล้วเปลี่ยนใหม่ได้เลยครับ

Feat - มาถึงส่วนสำคัญที่เราต้องเลือกซะที ให้ตายสิ ... Feat เพียง 1 อันในบิ้วนี้ ... ไม่ให้สิทธิ์เลือกครับ เพราะเราต้องเลือก Savage Attacker เท่านั้น

Savage Attacker
เป็น Passive ที่สายโจมตีประชิดควรต้องมีเลยครับ เพราะเมื่อเราโจมตีด้วยอาวุธประชิด เราจะ Roll ดาเมจสองรอบ แล้วใช้แต้มที่สูงที่สุด (คล้ายๆ Advantage) ซึ่งมีผลกับ Divine Smite ด้วยนะ ดังนั้น ล็อคคอเลือกอันนี้เท่านั้นครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 11
Paladin Lv2 / Fighter Lv3 / Wizard Lv1 / Bard Lv5

Spells - ตอนนี้มีเวทย์เวล 3 มาให้เลือกแล้ว ผมแนะนำอันนี้เลยครับ ... Glyph of Warding

Glyph of Warding
เป็นเวทย์วงกับดัก ซึ่งเราสามารถเลือกได้ว่าจะเปิดวงกับดักเป็นธาตุอะไร มีระยะกว้างและใช้งานได้ดีครับ แต่ต้องระวังโดนเพื่อนด้วยนะ สำหรับบิ้วเราที่ไม่มีสกิล AOE เท่าไหร่ การเลือกเวทย์นี้มาใช้จะกลบจุดด้อยเรื่องนี้ได้ครับ เพียงแต่ดาเมจอาจจะไม่ได้เยอะแยะมากมาย แต่ก็สามารถทำดาเมจเป็นวงกว้างในธาตุที่เราต้องการได้ เป็นอีก 1 ในความยืดหยุ่นที่ผมได้กล่าวไว้ในข้างต้นครับ

ส่วนเวทย์เวล 3 อันอื่น ผมไม่มีอะไรแนะนำครับ เลือกได้ตามชอบและใจปรารถนาเลย

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 12
Paladin Lv2 / Fighter Lv3 / Wizard Lv1 / Bard Lv6

และแล้วก็มาถึงเลเวลสุดท้ายแล้ว กับ Bard เวล 6 สาย College of Swords ที่จะทำให้เราได้ Extra Attack มาใช้งานครับ ซึ่งการได้โจมตี 2 ทีต่อ Action Point 1 แต้ม เป็นอะไรที่ต้องมีแน่นอนกับบิ้วนี้ เพราะมันมีผลกับ Divine Smite พระเอกของเราด้วยยังไงล่า

Spells - อะไรก็ได้อีกแล้วหนา
Replace Spells - ไม่ใช่ไม่อยากบอกหนา แต่เลือกเลยหนา

Equipment อุปกรณ์สวมใส่ที่จำเป็น
MINOR SPOILER ALERT!!!

เช่นเดิมครับ กับอุปกรณ์สวมใส่ที่จำเป็นนี่ ยังไงก็คงหลีกเลี่ยงการสปอยได้ยาก ... แต่ก็เช่นเดิม ผมจะทำแถบปิด Spoiler เอาไว้ และจะ Spoil ให้น้อยที่สุดครับ

หากใครกลัวพลาดหรือแค่อยากรู้ว่าชิ้นไหนทำอะไรได้บ้างจริงๆ ให้ข้ามไปดูสรุปข้อมูลได้เลยครับ

Helmet ส่วนหัว/หมวก
Sarevok's Horned Helmet

ไอ้ของชิ้นนี้หลบสปอยยากมากครับ เอาเป็นว่า หาได้ใน Act 3 ใครอยากรู้ก็ต้องเปิดดูเนาะ ดรอปจาก Boss ของ Baldur's Gate ภาคแรก ที่ชื่อว่า Sarevok Anchev โดยเราต้องเข้าไปที่ Murder Tribunal และต้องฆ่า Sarevok เพื่อให้ได้มาเท่านั้นครับ

Cloak ส่วนผ้าคลุม
Cloak of Protection

หาซื้อได้จาก Quartermaster Talli ที่ Last Light Inn ใน Act 2

Armor/Clothing ส่วนเกราะ/ชุด
Armor of Persistence

หาซื้อได้จาก Dammon ที่ Baldur's Gate ใน Act 3 Dammon จะต้องไม่ตายใน Act 1 (ต้องเลือกช่วย Druid Grove) และ Act 2 (ต้องเลือกช่วย Isobel) นะครับ ถึงจะมีให้ซื้อใน Act 3 ได้

Gloves ส่วนถุงมือ
Helldusk Gloves

หาได้จาก House of Hope ใน Act 3 ... ดรอปจากปีศาจที่ชื่อว่า Haarlep ในห้องที่มีสระน้ำฟื้นพลัง ให้เดินไปด้านหลังสระจะเจอมันนอนอยู่บนเตียงครับ

Boots ส่วนรองเท้า
Helldusk Boots

หาได้จากหีบในห้องส่วนตัวของ Gortash ที่ Wyrm's Rock Fortress ใน Act 3
(รูปมันบั๊กหน่อยนะครับ มันไม่ขึ้นโชว์ในหน้าต่าง Examine)

Amulet ส่วนสร้อยคอ
Amulet of Greater Health

ได้จาก House of Hope ใน Act 3 อยู่ในห้องโชว์ Artifact ที่เดียวกันกับ Orphic Hammer

Rings ส่วนแหวน
Risky Ring

หาซื้อได้จาก Araj Oblodra ที่ Moonrise Towers ใน Act 2 ... แหวนนี้คือต้องมีเลยครับ ของจำเป็นอันดับสองเลย

Killer's Sweetheart

หาได้จาก Gauntlet of Shar ใน Act 2 ดรอปอยู่ที่พื้นห้องหลังผ่านการต่อสู้กับตัว Copy ของทีมเราเองในห้อง Self-Same Trial

Melee Weapon ส่วนอาวุธประชิด
Deva Mace

ไอ้ของลับสุดยอดนี่คือ ต้องติด Tag Must Have อันดับ 1 ของบิ้วนี้เลยครับ หาได้จากชั้นใต้ดินของโบสถ์ Stormshore Tabernacle ใน Act 3
โดยผมจะเรียบเรียงขั้นตอนคร่าวๆ ดังนี้
1. ลงไปชั้นใต้ดินและเปิดหีบขโมยของในนั้นมา เราจะติดคำสาป Castigated By Divinity ... แนะนำว่า อยากได้ไอ้นี่กี่อัน ก็เอาจำนวนคนไปขโมยของในหีบให้ติดคำสาปตามจำนวนที่อยากได้เลยครับ
2. ให้เราใช้เวทย์ Remove Curse ร่ายใส่คนที่ติด Castigated By Divinity (แนะนำว่าให้ทำที่ Camp) มันจะมี Deva ออกมาเป็นศัตรูกับเรา ให้เราฆ่ามันแล้วมันจะมีศพ Deva อยู่ แต่มันจะยังไม่ดรอป Mace ให้เรานะครับ
3. ให้เราทำวนกลับไปทำข้อ 2 จนครบจำนวนคนที่ติด Curse ... และจำตำแหน่งศพ Deva ไว้ จากนั้นไป Long Rest 1 คืน แล้วกลับมาที่ศพของ Deva เราจะเจอถุงใส่ของ ซึ่งข้างในจะมี Deva Mace อยู่ครับ ... ได้ 1 อันต่อ 1 ศพ
4. Update หลัง Hotfix 21 ใช้วิธีแบบข้อ 3 ไม่ได้แล้วนะครับ แต่ให้เราฆ่า Deva แล้วเก็บศพเข้าตัวมา หลังจากนั้นไปพิมพ์ Search หาคำว่า 'Deva Mace' ในช่องเก็บของ จะเจอเจ้านี่ ก็กดส่งไปให้เพื่อนในทีมแล้วหลังจากนั้นเราจะมี Deva Mace ไว้ใช้เช่นเดิมครับ
อันนี้ถ้าใครสามารถทำได้ก็ให้ทำไว้เลยนะครับ เพราะพวกผมเองก็ไม่แน่ใจว่า เป็น Design ของ Developer เพื่อให้มันเป็นอาวุธลับหรือมันเป็นบั๊กกันแน่ แต่ของชิ้นนี้มันมีใน Database ของเกม ดังนั้น ถ้าได้มาแล้วก็ไม่น่าจะหายครับ แค่ไม่รู้ว่าแพทช์ใหม่ๆหลังจากนี้มันจะปรับในจุดนี้รึป่าวแค่นั้นเอง


Shield ส่วนโล่
Viconia's Walking Fortress

โล่ที่ดีที่สุดในเกม ดรอปจาก Viconia ที่ House of Grief ใน Act 3 ... โดยถ้าเล่นปกติ เราต้องเลือกฆ่าเธอถึงจะได้ของนะครับ แต่ถ้าจะเลือกปล่อยไปแล้วอยากได้โล่ด้วย หลังจบไฟท์ก่อนคุยให้กดคลิกขวาที่ Viconia แล้วกด Loot ของทั้งหมดมาก่อน จากนั้นค่อยคุยให้ปล่อยไปได้ครับ ผมเทสแล้วว่าสามารถทำได้จริง ณ Patch 6 Hotfix 25

Range Weapon ส่วนอาวุธระยะไกล
The Dead Shot

หาซื้อได้จาก Fytz the Firecracker ที่ Stormshore Armoury ใน Act 3
สรุปความจำเป็นของอุปกรณ์แต่ละชิ้น
Sarevok's Horned Helmet - ใส่เพื่อเอาสกิลลดค่าการ Roll ของ Critical ลงอีก 1 แต้ม (เพิ่มอัตราคริ 5%) นอกนั้นยังได้ Darkvision และกันการติดสถานะ Frightened ได้ด้วย
Cloak of Protection - ใส่เพื่อเพิ่ม AC+1 และ Saving Throw +1 เพิ่มประสิทธิภาพการ Tank
Armor of Persistence - ใส่เพื่อให้ได้ AC20 และยังได้ Resistance ของการโจมตีกายภาพทั้ง 3 แบบ (Slashing, Bludgeoning, Piercing) จากสกิล Blade Ward และ +1-4 Saving Throw จากสกิล Resistance ... อีกทั้งยังลดดาเมจทุกประเภทที่โดนลงอีก 2 หน่วย เป็น 1 ในเกราะหนักที่ดีที่สุดในเกมครับ
Helldusk Gloves - ใส่เพื่อเพิ่มดาเมจไฟ 1-6 หน่วย เวลาใช้อาวุธโจมตี
Helldusk Boots - ใส่เพื่อให้สามารถใช้สกิล Hellcrawler (คล้ายวาร์ปแบบ Misty Step แต่ทำดาเมจไฟในจุดที่วาร์ปไปด้วย) และที่สำคัญ มีสกิล Reaction Infernal Evasion ที่ถ้าเราเฟลในการ Saving Throw เราจะสามารถใช้แต้ม Reaction ให้ Saved แทนได้ ดีมากๆเพราะเอามากลบจุดอ่อนจากการใส่ Risky Ring
Amulet of Greater Health - ปรับ Constitution ของเราให้เป็น 23 ของดีที่ต้องมีไว้ในครอบครอง
Risky Ring - แหวนเทพแห่งสายโจมตี เพราะตอนโจมตีด้วยอาวุธ จะได้ Advantage เสมอ พูดง่ายๆคือ Roll เต๋าสองลูกสำหรับ Attack Roll ทุกครั้ง และถ้า Roll ได้แต้ม 17-20 จะได้ Critical ทันทีเนื่องจากบิ้วนี้มีการลดการ Roll ของคริลง 3 แต้ม ... แต่ก็มีข้อเสียอยู่ คือ แลกมากับการ Roll ของ Saving Throw แบบ Disadvantage หรือก็พูดง่ายๆคือ Roll 2 เต๋าแล้วเอาแต้มน้อยสุดในการ Saving Throw นั่นเอง ซึ่งจุดนี้สามารถใช้สกิล Infernal Evasion ของรองเท้าช่วยแก้ได้
Killer's Sweetheart - เมื่อเราฆ่าศัตรูได้ จะสามารถบังคับติด Critical ในการโจมตีต่อไปได้ 1 ครั้ง / 1 Long Rest ถือว่าดีมากๆในสถานการณ์ที่เราต้องการดาเมจสูงๆ
Deva Mace - อาวุธเทพสำหรับสาย Smite (และสายประชิดทุกคน) เพราะนอกจากดาเมจทางกายภาพของกระบองแบบปกติแล้ว ยังมี Stat พิเศษนั่นคือ ดาเมจแสงอีก 4-32 หน่วย ซึ่งคิดคร่าวๆ ถึงแม้ใช้อาวุธโจมตีแบบธรรมดาก็เหมือนกับได้ Divine Smite ฟรีๆอีก 1 ทีเลยล่ะ เป็นของดีและของลับสุดยอดที่ทุกคนควรต้องมีไว้ครอบครอง ... และเป็นสาเหตุของ Deva ที่เรา Summon มา มันตี Wrathful Smite ได้แรงเอามากๆนั่นเอง
Viconia's Walking Fortress - ใส่เพื่อเพิ่ม AC+3 และได้สกิล Warding Bond (ไม่ได้ใช้ครับ) กับสกิล Reflective Shell ซึ่งดีมากเวลาเล่น Tank แล้วเจอกับกลุ่มศัตรูสายระยะไกล เพราะเมื่อเราเปิดใช้สกิลนี้ มันจะอยู่เป็นเวลา 2 เทิร์น และในระยะเวลานั้น มันจะสะท้อนการโจมตีระยะไกลแบบ Missile ที่เล็งมาที่เราทุกชนิด ใช่ครับ เวทย์ระยะไกลก็สะท้อนได้เช่นกัน เป็นอีกสกิลสำหรับ Tank ที่ Must Have อีกแล้ว ... นอกจากนั้นยังมี Shield Bash แบบพิเศษที่สามารถทำดาเมจ Force ได้ด้วย
The Dead Shot - ใส่เพื่อเอาสกิลลดค่าการ Roll ของ Critical ลงอีก 1 แต้ม (เพิ่มอัตราคริ 5%) และเอาไว้ยิงไกลเพื่อใช้คู่กับสกิลของ Bard
Items อื่นๆที่จำเป็นสำหรับบิ้ว
Scroll of Haste

เราอัพคลาส Wizard มาเพื่อการนี้ครับ เรียนเวทย์ Haste ไว้ใช้แล้วคุณจะรู้สึกถึงความเป็นเทพได้ทันที

Elixir of Bloodlust

ยาเทพที่ทุกคนต้องมี ผลของมันคือ เมื่อฆ่าศัตรูได้ จะได้ Action Point คืนมา 1 แต้ม มีผล 1ครั้ง/1เทิร์น นั่นหมายความว่า ถ้าคุณฆ่าศัตรูได้ในเทิร์นนั้น คุณจะ Smite ฟรีได้อีก 2 ครั้งครับ

Spellcrux Amulet

สร้อยที่สามารถฟื้น Spell Slot เวลใดก็ได้ ได้จำนวน 1 ครั้ง ถือว่าเป็นสร้อยสำรองที่ต้องพกติดตัวไว้เลยครับ หาได้จากคุกของ Moonrise Tower ใน Act 2 ครับ อย่าพลาดเชียวล่ะ อันนี้ของดีจัดๆ

Pearl of Power Amulet

เหมือนกับ Spellcrux Amulet ครับ แต่รี Spell Slot ได้แค่เวล 1 2 3 เท่านั้น เป็นสร้อยสำรองที่ดีอีกอันนึง เพราะบิ้วเรามีเวทย์ถึงแค่เวล 4 เอง หาซื้อได้จาก Omeluum ที่ Myconid Colony ใน Underdark ของ Act 1 ครับ

Potion of Angelic Slumber

ยาเทพที่หายากสุดๆ แน่นอนครับ เพราะมันคือยาของดียังไงล่ะ ... เมื่อกินยานี้แล้ว เราจะสลบไป 2 เทิร์น (แนะนำให้ใช้นอก Combat) เมื่อเราตื่นขึ้นมา จะได้ผลเหมือนกับเรา Long Rest ครับ เลือดและ Spell Slot จะรีกลับมาให้จนเต็มทันที ... แต่ผมไม่แนะนำให้ใช้บ่อยๆนะครับ เพราะยานี้หายากมาก เอาเก็บไว้ใช้ตอน Endgame หรือตอนที่อยู่ใน Danger Zone ที่ไม่สามารถวาร์ปกลับแคมป์ได้จะดีกว่าครับ
Illithid Powers & Passive Bonus ที่จำเป็น
MAJOR SPOILER ALERT!!!

มาถึงจุดที่ต้องพูดถึงกันหน่อย เรื่องสกิลของ Tadpole ครับ บิ้วที่แล้วที่ผมไม่ได้พูดถึงเพราะดาเมจมันสูงมาก และไม่จำเป็นต้องใช้สกิลอะไรของ Tadpole เลยนอกจาก Freecast แต่บิ้วนี้อาจจะต้องอัพครับ เนื่องจากเป็นบิ้วระยะประชิดสาย Critical ดังนั้น ผมขอแจงสกิล Tadpole และ Passive บางอย่างที่จำเป็นนะครับ โดยผมจะไม่ปิดแถบสปอยนะ แต่จะแจ้งไว้ตรงนี้ก่อนว่ามันมีสปอยเนื้อหาหลักอยู่ ใครไม่อยากโดนสปอยก็ข้ามได้เลยนะครับผม

ผมจะแบ่งออกเป็นสองส่วนหลักๆก่อนละกันครับ คือ 1.Illithid Powers และ 2.Permanent Passive Buff ที่จำเป็นสำหรับบิ้วนี้

Illithid Powers ที่จำเป็นกับบิ้วนี้

ผมจะยกมาแค่อันที่จำเป็นๆนะครับ แต่ถ้ามีโอกาสอัพเต็มก็ทำได้เลยครับ ได้ใช้คุ้มแน่นอนเพราะสกิลพวกนี้มัน OP เอามากๆ และก็ไม่ได้ส่งผลกับเนื้อเรื่องในเกมมากมายอย่างที่เรากลัวด้วยครับ

Luck of the Far Realms
เมื่อเราโจมตีศัตรูโดน จะสามารถบังคับติด Critical ได้ ใช้ได้ 1 ครั้ง / 1 Long Rest ถือว่าเป็นสกิลที่จำเป็นสำหรับสายคริเลยครับ
Cull the Weak
เมื่อเราลดเลือดศัตรูให้ต่ำกว่าจำนวน Tadpole ในหัวเรา ศัตรูจะตายทันทีและระเบิดทำดาเมจพลังจิตใส่ศัตรูใกล้เคียงอีก 1-4 หน่วย เป็นสกิลที่ดีมาก สำหรับคนที่ใช้พลังของ Tadpole เยอะๆอยู่แล้ว เพราะถ้าคุณอัพเกรดจนครบ แค่คุณลดเลือดศัตรูลงมาเหลือแค่นิดหน่อยก็สามารถฆ่าศัตรูตัวนั้นได้ทันที พูดง่ายๆคือ ยิ่งใช้หนอนมาก สกิลนี้ก็ยิ่งได้ผลดีมากขึ้น และบอกลาความเซ็งตอนศัตรูเหลือเลือด 1 ไปได้เลย
Freecast
ตามชื่อครับ เราจะร่ายเวทย์ฟรีได้ 1 ครั้ง ซึ่งตอนนี้มีบั๊กอยู่นะ (ดูในคลิปหมวด Bonus ได้ครับ) จะอัพไปสกิลนี้ได้ เราต้องเลือกยอมเปิดใจรับพลังจาก Astral Tadpole ที่ได้จาก The Emperor ในตอนต้น Act 3 ครับ
Fly
อีกสกิลที่ตรงตามตัวเป๊ะๆเลย ทำให้เราสามารถเคลื่อนที่ได้ดีกว่าเดินปกติมากๆ (ดูตัวอย่างได้ในคลิป Tactician Solo Test หมวด Bonus ได้ครับ) ซึ่งสกิลนี้จะได้มาฟรีๆ เมื่อเรายอมเปิดใจรับพลังจาก Astral Tadpole ที่ได้จาก The Emperor ในตอนต้น Act 3 ครับ (แต่ต้องยอมลดสวยลดหล่อ มีเส้นเลือดดำขึ้นหน้านะ 5555)

ส่วนอันอื่นๆนั้นก็แล้วแต่เลยครับ เพราะสกิลอย่าง Blackhole หรือ Mind Blast ก็ดีมากๆ แต่คุณควรต้องได้บัฟ Awakened จาก Githyanki Crèche ก่อนถึงจะคุ้ม (จะอธิบายบัฟนี้ในหัวข้อ Permanent Passive Buff ครับ) แต่ถ้าอัพเต็มได้ก็จะดีครับ เพราะ Cull the Weak นั้นใช้ได้ผลดีขึ้นมาก

Permanent Passive Buff ที่จำเป็นกับบิ้วนี้

ผมจะยกมาแต่อันที่จำเป็นนะครับ แต่ถึงไม่มีหรือพลาดไปแล้วก็ไม่ได้มีผลอะไรมาก แค่ถ้าได้บัฟพวกนี้มาจะทำให้เราใช้บิ้วนี้ได้ดีขึ้นครับ ... ส่วนใหญ่จะเป็นแต้ม Abilities +1 +2 ฟรีถาวร ซึ่งเราจะเอาไปลง Str กับ Cha ซะส่วนใหญ่อยู่แล้ว ก็ขึ้นอยู่กับเราเลยครับว่าจะเอาไปลงกับค่าไหน ว่าแล้วมาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง

[Act 1] Passive: Awakened จากเครื่อง Zaith'isk ใน Crèche Y'llek
บัฟนี้จำเป็นมากๆสำหรับคนที่ใช้พลัง Tadpole และไม่ค่อยได้ใช้ Bonus Action เป็นดาเมจหลัก เช่น พวกนักเวทย์ทั้งหลาย และบิ้วนี้ก็เช่นกันครับ ... เมื่อคุณ Awakened แล้วมันจะทำให้ Illithid Powers ทุกอย่างที่ใช้ Action Point มาใช้ Bonus Action แทน ถือว่าเป็นทางเลือกในการใช้ Bonus Action ที่ดีครับ แต่ยังไง ถ้าเล่นตี้ก็ต้องลองดูความจำเป็นและเหมาะสมของ Role คนในทีมด้วยนะครับ บางคนอาจจะต้องการมันมากกว่าเรานะ

[Act 1] Abilities+1 จากหนังหัวของป้าแม่มด Ethel
ได้จากการปราบป้า Ethel ในรังแม่มดที่ Act 1 ก่อนป้าจะตายจะทำการต่อรองให้เราไว้ชีวิตโดยแลกกับหนังหัวเพิ่มค่า Abilities ค่าใดค่าหนึ่ง จำนวน 1 แต้มครับ ... เช่นเดิม ลองดูความจำเป็นคนในทีมด้วยก็ดีครับ

ถ้าเราจะเอาค่าโบนัสจากข้อนี้ ผมแนะนำให้เลือก Str หรือ Cha ครับ แล้วไป Respec ปรับให้ค่าที่เราเลือกมาให้เป็น 17 แทน จะได้หน้าตาประมาณนี้

Abilities
+1STR
+1CHA
Strength
17
16
Dexterity
14
14
Constitution
8
8
Intelligence
10
10
Wisdom
8
8
Charisma
16
17

แล้วพอเรา Respec เสร็จเราจะมีค่าที่เลือกเป็น 18 ทันทีครับ โดยเกมนี้เราจะได้ Modifier เพิ่มตอน Abilities ลงเลขคู่เท่านั้น ดังนั้นพยายามจัดการให้มันเป็นเลขคู่ให้มากที่สุดครับ

[Act 2] STR+2 จากยา Potion of Everlasting Vigor
ยานี้ได้จากการเอา Astarion ไปกินเลือด Araj Oblodra ที่ Moonrise Towers ใน Act 2 ครับ (เป็นเควสของ Araj Oblodra ที่ขอตัวอย่างเลือดจากเรา) พอทำเควสจบก็จะได้ยาที่ชื่อว่า Potion of Everlasting Vigor มา คนที่กินยานี้จะได้ Str+2 ถาวรทันที ซึ่งเหมาะมากกับสายโจมตีระยะประชิดครับ ... รวมถึงบิ้วนี้ด้วย

[Act 3] Abilities+2 จากกระจก Mirror of Loss
หลังจากทำเควสของ Shadowheart ใน House of Grief แล้ว เข้าไปห้องด้านในที่เจอพ่อแม่ของน้อง จะมีกระจก Mirror of Loss อยู่ ตรงนี้ผมแนะนำให้เซฟไว้ก่อนนะครับ เพราะกระจกนี่ต้องผ่าน Skill Check หลายรอบมาก ผมจะเรียงไว้ให้คร่าวๆประมาณนี้
1. การ Activate กระจก ต้องผ่าน Skill Check สองอย่างคือ Religion (DC20) และ Arcana (DC25)
2. หลัง Activate กระจกแล้ว คนที่จะเพิ่ม Stat ต้องผ่าน Skill Check Religion (DC25) ของใครของมันเป็นรายบุคคลไป
3. หลังจากผ่านเช๊คทั้งหมดแล้ว เราจะสามารถมอบ Abilities 1 ใน 6 อันไหนก็ได้ของเราให้กับกระจก 2 แต้ม แล้วจะสามารถเลือกเพิ่ม Abilities 1 ใน 6 อันไหนก็ได้ของเรา 2 แต้มแทน เช่น คุณอาจะแลก Wis-2 แล้วเอา Cha+2 แทน
4. หลังจากเลือกได้แล้ว ให้ใช้ Remove Curse ลบคำสาปที่โดน -2 อยู่ ก็จะทำให้เรามีบัฟ +2 Abilities ที่เราเลือกไว้ฟรีๆอย่างถาวรครับ
5. ทำซ้ำข้อ 2-4 กับตัวละครอื่นๆได้ ยกเว้นจะเฟล Skill Check คนนั้นจะอดบัฟนี้ไปเลยถาวรครับ

ซึ่งข้อนี้ผมก็แนะนำให้ลดอะไรก็ได้ เพราะเดี๋ยวเราก็แก้ Curse อยู่ดี แล้วไปเพิ่ม Str+2 หรือ Cha+2 ที่มีประโยชน์กับเราแทน

สรุปรวมบัฟ +Abilities ถาวรที่ได้จาก 3 ข้อ
ถ้าได้ครบแล้วปรับดีๆ ผมดูแล้วทำได้ 3 เคสตามตารางด้านล่าง เราจะมี Stat ที่ควรจะเป็น ดังนี้ครับ
Abilities
STR+5
STR+2/CHA+3
STR+3/CHA+2
Strength
22
18
20
Dexterity
14
14
14
Constitution
8
8
8
Intelligence
10
10
10
Wisdom
8
8
8
Charisma
16
20
18
ซึ่งจริงๆถึงค่าจะน้อยกว่านี้ก็ไม่เป็นไรนะ ตัวที่ผมปั้นมาเทสให้ดูนี่ก็ Str 18 Cha 16 เท่านั้น เพราะรอบนี้ผมพลาดยากับหนังหัวป้าไปครับ

EDIT1 : เพิ่มเติมข้อมูลเรื่องการสุ่มได้ Patriar's Memory Cha+1 จากคลิปด้านล่าง (ขอขอบคุณข้อมูลจากคุณ Chaowpong Benjakul ด้วยครับ)

วิธีทำตามในคลิปด้านล่างได้เลยครับ แต่ผมจะพิมพ์อธิบายไว้คร่าวๆประมาณนี้
1. Activate กระจกเหมือนเดิม
2. อย่าเพิ่งผ่าน Religion Check รายบุคคล ให้แลก Stat -2 เพื่อสุ่มหา Patriar's Memory ครับ ... ใช่ครับ สุ่มนะครับ อาจจะไม่ได้ 100% ดังนั้นควร Quicksave ไว้ก่อนด้วยครับ
3. สุ่มจนกว่าจะได้ข้อความแบบในรูปด้านล่าง
4. กลับไปทำ Religion Check แล้วแลก Stat ตามปกติครับ

โดยถ้าเราได้ Cha+1 จากกระจกเพิ่มด้วย Abilities ที่ควรจะเป็น จะเพิ่มมาอีก 2 เคสครับ คือ Str+2/Cha+4 หรือ Str+4/Cha+2 ก็ลองเอาไปปรับตอน Respec ใหม่กันดูนะครับ

https://www.youtube.com/watch?v=ISy1fKM_mWo
วิธีการเล่นของบิ้วนี้โดยละเอียด
Role และแนวทางการเล่น
อย่างที่เกริ่นไว้ตั้งแต่เริ่มเลยครับ ว่าบิ้วนี้เป็นบิ้วสาย Tank แบบอัดดาเมจ 1V1 ใน Combat สูงที่สุดเท่าที่ทำได้ ด้วยความ OP ของ Divine Smite ที่ซึ่งแม้โดนเนิร์ฟแล้วก็ยังแรงชนิดที่ว่าทำเอาเกมเสียบาลานซ์ไปพอตัว มันจึง เหมาะมากสำหรับ Role แบบ Vanguard หรือแนวหน้าที่มีหน้าที่จัดการแนวหน้าของศัตรู ... ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือ Spell Slot จะหมดไวมาก ชนิดที่เรียกได้ว่า เล่น 1 ไฟท์ พัก 1 Long Rest กันเลยทีเดียว (แบบไม่ใช้ Glitch ใช้ Bug นะ) ... ต้องแก้จุดนี้ด้วยการคำนวณดาเมจดูดีๆครับ ถ้าศัตรูใกล้ตาย แค่โจมตีธรรมดาก็อาจจะจบงานแบบไม่ต้อง Smite ก็ได้

จริงๆแล้ว บิ้วนี้สามารถเป็นบิ้ว Versatile ได้ด้วย เพราะสามารถทำได้หลายๆอย่างนอกจากแนวหน้า เช่น เล่นดนตรีล่อ NPC ให้เพื่อน, ยิงธนูระยะไกล Support ทีม, เป็นคนคอยเจรจาหรือขายของให้ทีมเพราะ Cha เยอะ, หรือแม้กระทั่งร่ายเวทย์ฮีล บัฟหรือทำดาเมจให้ทีมก็ยังได้ ... ทำไม่ได้อย่างเดียวคือ Stealth ครับ ไม่เหมาะอย่างแรง

ดังนั้น ถ้าคุณเล่นบิ้วนี้ล่ะก็ แค่ทำใจยอมรับเรื่องต้องนอนบ่อยๆให้ได้ แล้วเตรียมตัวตามด้านล่าง ออกไปสแปม Divine Smite ให้สาแก่ใจได้เลยครับ

การเตรียมพร้อมแบบ Step by Step
1. กินยา Elixir of Bloodlust
สรรพคุณตามที่แจ้งไว้แล้วครับ เท่ากับว่าถ้าคุณฆ่าศัตรูได้ในเทิร์นนั้น คุณจะโจมตีหรือ Smite เพิ่มได้อีก 2 ทีเลย
2. ก่อนเข้า Combat ให้ร่าย Haste ใส่ตัวไว้
เหมือนกับข้างบนครับ การมี Action Point เพิ่ม 1 แต้มคือการ Smite ได้ 2 ครั้ง แถมบิ้วนี้ยังมีสร้อยช่วยให้ Con ถึง 23 และได้ Con Save Advantage ด้วย ทำให้หลุด Concentrate จากเวทย์ได้ยากมากๆครับ

การใช้งานบิ้วนี้ในการต่อสู้แบบ Step by Step
จริงๆอันนี้ ผมไม่ต้องเขียนเป็นข้อๆก็ได้นะเนี่ย แค่เตรียมพร้อมแล้วเข้าไป Divine Smite ใส่ให้หมดแค่นั้นเลยครับ โดยถ้าจะเล่นเป็น Pattern จริงๆ ผมจะใช้ Step ประมาณนี้
1. โจมตีเป้าหมายที่เลือดเยอะหรืออันตรายที่สุดก่อน ด้วย Divine Smite Lv4 แบบบังคับติด Critical
ขั้นนี้จะเป็นการโจมตีที่แรงที่สุดของคุณ เพราะการที่ Divine Smite เวล 4 ติดคริด้วยนั้น จะทำดาเมจรวมๆประมาณ 120-140 หน่วยได้เลย (ถ้าไม่ติดจะอยู่ประมาณ 60-70 หน่วย) ซึ่งก็จะมีน้อยตัวมากที่จะทนการ Smite อีก 3 รอบ (+2 รอบถ้าใช้ Action Surge) ของเราได้ ยกเว้น Boss บางตัว ซึ่งไฟท์นั้นอาจจะต้องเล็งศัตรูที่เก่งและเลือดเยอะรองลงมาแทน
2. โจมตีซ้ำให้เป้าหมายตายให้ได้ เพื่อเอา Bloodlust
ตรงนี้ต้องเอาให้ได้ครับ เพื่อไม่ให้เทิร์นนั้นเสีย Action Point ฟรีนี้ไป ยังไงก็ต้องฆ่าศัตรูในข้อ 1 ให้ตายให้ได้
3. เมื่อได้ Action Point ฟรีแล้ว ให้วางแผนไปเก็บตัวอันตรายรองลงมา
ก็ทำคล้ายๆข้อ 1-2 ต่อไปครับ เพราะตอนนี้เราจะมีสกิลบังคับคริของแหวน Killer's Sweetheart เราก็สามารถใช้ Divine Smite เวล 4 ให้ติดคริ ทำดาเมจสูงสุดใส่ตัวที่รองลงมาอีกรอบครับ
4. เก็บศัตรูให้ได้มากที่สุดแล้วค่อย End Turn
อันนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของคุณ อย่างน้อยคุณก็สามารถเก็บตัวอันตรายๆได้ถึง 2 ตัวแทบจะแน่นอน ถ้ามีศัตรูที่เลือดน้อยๆเหลือ คุณอาจจะเก็บเพิ่มได้อีก ก็จัดการให้มากที่สุดครับ
5. เริ่มเทิร์นใหม่ ทำวนซ้ำข้อ 1-4 ไปเรื่อยๆ จนกว่าศัตรูหรือ Spell Slot จะหมด
ถ้าศัตรูหมดก่อนก็จบไปครับ แต่ถ้า Spell Slot หมดก่อนก็ยังมีการโจมตีธรรมดา และท่า Blade Flourish เหลืออยู่อีก 4 ครั้ง (ถ้าเลือกเผ่า Zariel Tiefling มาก็มี Smite ฟรีอีก 2 ท่า) และถึงจะตีธรรมดา คุณก็ยังทำดาเมจได้ประมาณครั้งละ 20-40 ครับ ดังนั้น ก็ยังสามารถใช้งานได้ แต่อาจจะไม่ได้เต็มประสิทธิภาพของบิ้วแค่นั้นเอง

บิ้วทางเลือกสำหรับคนที่ไม่ชอบ Long Rest บ่อยๆ
จริงผมลองมาหลายทางมากครับ ก็มีบิ้วนี้แหละที่ลงตัวสุดแล้วจากการเทสมา 5-7 บิ้ว แต่สำหรับคนที่ชอบสาย Warlock และไม่ชอบ Long Rest บ่อยๆ ผมเองก็มีทางเลือกมาเสนอขายให้เช่นกันครับ

Paladin (Vengeance) Lv2 / Fighter (Champion) Lv 5 / Warlock (The Fiend) Lv5
บิ้วนี้ก็เป็นอีกบิ้วที่ Smite ได้แรง แถมตีได้ 3 ครั้ง ต่อ 1 Action Point ด้วยสกิล Deepened Pact ของ Pact of the Blade … สามารถใช้อุปกรณ์และ Abilities เดียวกันกับบิ้วนี้ได้เลย

ข้อเสียของบิ้วทางเลือกนี้ คือ จะมี Spell Slot เวล 1 แค่ 2 ช่อง และ Warlock Slot เวล 3 แค่ 2 ช่อง (ฟื้นได้หลัง Short Rest อีก 2 รอบรวม 4 ช่อง) ดังนั้น จะเน้นตีด้วยการโจมตีธรรมดามากกว่า ซึ่งจากที่ผมเทสแล้ว Damage Output จะดรอปลงไปมากและเสียความยืดหยุ่นจากคลาส Wizard และ Bard ไป

ข้อดีคือ สามารเลือก Feat ได้มากกว่า 1 อย่าง และโจมตีได้สูงสุด 12 ครั้งใน 1 เทิร์น ซึ่งในบางไฟท์ ถ้าคุณดวงดี ตีธรรมดาติดคริบ่อยๆก็เพียงพอที่จะเก็บศัตรูหมดไฟท์นั้นได้เหมือนกัน และยังสามารถ Short Rest คืน Warlock Slot เวล 3 ไว้ใช้ Smite ได้อีก 2 ครั้ง … ก็ถือว่าเป็นบิ้วทางเลือกไว้ลองใช้เล่นดูได้ครับผม
แนวทางการอัพเลเวลและไอเท็มก่อน Endgame
เนื่องจากมีหลายๆท่านถามเข้ามาเรื่องไอเท็มที่สามารถใช้ได้จาก Act 1 และ Act 2 เพราะยังไปไม่ถึง Endgame ใน Act 3 พร้อมทั้งมีหลายๆท่านถามเรื่องการอัพหรือรีคลาสในช่วงเลเวลนั้นๆ ผมเลยขอทำหมวดนี้เพิ่มให้เพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นให้กับผู้ที่สนใจเอาไปปรับใช้กันนะครับ

แนวทางการอัพเลเวลในแต่ละขั้น
ในไกด์ของผมส่วนใหญ่จะเป็นการอัพเลเวลยาวๆไปจนเลเวล 12 เลย ทำให้หลายๆท่านที่เล่นตั้งแต่แรกเริ่ม อาจจะใช้บิ้วนี้ได้ไม่เต็มที่ ผมเลยขอทำตารางแนะนำแนวทางการอัพเลเวล พร้อมเหตุผลคร่าวๆมาให้เป็นทางเลือกสำหรับคนที่เริ่มเล่นและเติบโตไปพร้อมกับบิ้วนี้ครับผม

LEVEL
แนวทางการอัพเลเวล/Respec
เหตุผลคร่าวๆในการอัพ/Respec
1
Paladin 1
เพื่อให้ใส่เกราะหนักได้ตั้งแต่ต้นเกม
2
Paladin 2
เพื่อเอาสกิล Divine Smite มาใช้งาน
3
Paladin 3
เพื่อให้ได้สกิล Vow of Enmity และ Hunter's Mark มาใช้ชั่วคราว
4
Paladin 4
เพื่อเอา Feat Savage Attacker
5
Paladin 5
เพื่อให้ได้สกิล Extra Attack
6
Paladin 5 / Fighter 1
เพื่อเอา Fighting Style เพิ่มอีก 1 อย่าง
7
Paladin 5 / Fighter 2
เพื่อเอาสกิล Action Surge
8
Paladin 2 / Bard 6
Respec ใหม่เพื่อเอาสกิลทั้งหมดของ Bard มาใช้
9
Paladin 2 / Fighter 1 / Bard 6
เพื่อเอา Fighting Style เพิ่มอีก 1 อย่าง
10
Paladin 2 / Fighter 2 / Bard 6
เพื่อเอาสกิล Action Surge
11
Paladin 2 / Fighter 3 / Bard 6
เพื่อเอาสกิล Improved Critical Hit
12
Paladin 2 / Fighter 3 / Wizard 1 / Bard 6
Respec ใหม่ เพื่อให้สามารถเรียนเวทย์จาก Scrolls ได้และลงท้ายด้วย Bard เพื่อใช้ Cha ในการร่ายเวทย์จากไอเท็ม

ไอเท็มและอุปกรณ์ทางเลือกก่อนถึง Endgame
ในส่วนนี้มีคนต้องการเยอะครับ สำหรับบางบิ้วนั้นจะเทพได้ก็ต่อเมื่อมีของ Endgame เท่านั้นจริงๆ ... แต่ผมจะพยายามหาทางอุปกรณ์ทางเลือกมาแนะนำให้ทุกท่านได้เอาไว้ใช้งานก่อนมีของเทพละกัน สำหรับใครที่อยากรู้ข้อมูลของอุปกรณ์แต่ละชิ้น ลองเอาชื่อไป Search หาใน https://bg3.wiki/ ได้เลยครับ

ประเภทอุปกรณ์สวมใส่
ACT1
ACT2
ACT3
หมวก/ส่วนหัว
Holy Lance Helm
Helmet of Arcane Acuity
Sarevok's Horned Helmet
ผ้าคลุม
The Deathstalker Mantle (ถ้ามี Dark Urge)
Cloak of Protection
Cloak of Protection
เสื้อ/ชุดเกราะ
Adamantine Splint Armour
Adamantine Splint Armour
Armor of Persistence
ถุงมือ
Gloves of Belligerent Skies
Luminous Gloves
Helldusk Gloves
รองเท้า
Disintegrating Night Walkers
Evasive Shoes
Helldusk Boots
สร้อยคอ
Amulet of Branding
Surgeon's Subjugation Amulet
Amulet of Greater Health
แหวนวงที่ 1
Crusher's Ring
Risky Ring
Risky Ring
แหวนวงที่ 2
Caustic Band
Killer's Sweetheart
Killer's Sweetheart
อาวุธ Melee มือหลัก
Phalar Aluve
The Blood of Lathander
Deva Mace
อาวุธ Melee มือรอง
Safeguard Shield
Sentinel Shield
Viconia's Walking Fortress
อาวุธ Range
Hunting Shortbow
Darkfire Shortbow
The Dead Shot

ช่วงต้นเกมจะเป็นอะไรที่ลำบากสำหรับบิ้วนี้มากครับ เพราะถึงจะมีดาเมจสูงตั้งแต่ต้นๆเกม แต่ก็ใช้ Slot เวทย์เปลืองมากๆ เรียกได้ว่าสไมท์จนเหนื่อยอยากนอนเร็วกันทุกวันเลยทีเดียว 555 และที่สำคัญ ไอเท็มสำหรับอวยบิ้วก็อยู่ Act 3 แทบจะทั้งหมด ทำให้ตอนช่วงต้นเกมต้องผันตัวจาก Melee DPS ไปเล่นแนว Tank แทนก่อนครับ

พอขึ้น Act 2 จะเริ่มได้ของที่จำเป็นสำหรับบิ้วมาหลายอัน ทำให้สามารถปรับขึ้นมาได้มาก โดยเฉพาะช่วงเลเวล 8 ที่เราสามารถบิ้ว Paladin 2 + Bard 6 ได้ จะทำให้ได้ Slot เวทย์มาเยอะขึ้น และยังใช้ Blade Flourish จาก College of Sword ช่วยเสริมดาเมจได้ด้วย

แต่สุดท้าย ก็ต้องมาจบที่ Act 3 หรือตอนเลเวล 11 ครับ เพราะจะทำให้เราสามารถหา Deva Mace มาใช้งานได้ ซึ่งจะทำให้ DPS ในการโจมตีสูงขึ้นอย่างทันตา เรียกว่า เปลี่ยนร่างจากคนธรรมดาเป็นเทพไปเลย และเมื่อเรามีอุปกรณ์ลดการโรลคริเพิ่ม ก็จะทำให้บิ้วนี้สมบูรณ์สุดครับ แต่ก็ช่วง Endgame นู่นเลยแหละ แถมยังคงความกิน Slot เวทย์ไวเช่นเดิมด้วย ดังนั้น ผมแนะนำหลังจากได้ Deva Mace แล้วให้ใช้ Divine Smite เป็น Reaction หลังจากตีโดนเท่านั้นครับ แม้ Animation Smite มันจะเท่ห์แค่ไหนก็ตาม แต่การประหยัด Slot เวทย์ไว้ใช้ Smite จัดการศัตรูหรือบอสเก่งๆก็เป็นหัวใจหลักของบิ้วนี้เช่นกันนะ เก็บ Divine Smite เลเวล 3-4 ไว้ใช้ตอนติดคริหรือบังคับคริได้นี่คือทางเลือกที่ดีที่สุดเลยครับ
Conclusion
จบกันไปแล้วกับข้อมูลของไกด์บิ้วที่สองนี้ครับ สำหรับผู้มีรสนิยมชื่นชอบ Paladin หรือการ Smite เป็นชีวิตจิตใจ ก็อย่าลืมเอาไปลองของกันได้นะ และที่ผมทำไกด์บิ้วนี้อย่างรวดเร็วก็ไม่ใช่อะไรนะครับ พอดีว่าเดี๋ยวจะไม่มีเวลาว่างทำเพราะน่าจะติดงานหนักช่วงปลายปี เลยต้องทำไว้ก่อนครับ ... ดีที่ผมทำและเทสบิ้วนี้ไว้แล้วพร้อมๆกับบิ้วแรกเลยไม่เสียเวลามากเท่าไหร่

สารภาพเลยว่านี่ก็แทบไม่มีเวลา Recheck Wording ในไกด์เลยครับ แต่แค่มีคนอ่านมาได้จนถึงนี่ ผมก็ดีใจมากๆแล้ว ถ้าทำอะไรผิดพลาดไปก็ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย และหากมีข้อมูลตรงไหนผิดเพี้ยนไปก็แจ้งได้เลยครับ ... ตอนนี้คงพักทำบิ้วไกด์ ไปหาเทสหาทำบิ้วใหม่ๆต่อก่อน ถ้าเจอเพชรในตมอีกเมื่อไหร่จะเอามาแชร์ให้อีกนะครับ

ขอให้ผจญภัย และ Smite กันอย่างสนุกสนานนะครับทุกท่าน
Bonus รวมคลิปการบิ้ว วิธีเล่น และเทสรัน
สำหรับใครที่ขี้เกียจอ่านเรียงความยาวๆของผมนะครับ ลองดูในคลิปด้านล่างได้เลย ผมทำเผื่อไว้ให้แล้ว ... สามารถพูดคุยสอบถามได้จากในคลิปหรือในไกด์นี้ได้เลยนะครับ

คลิปการทำบิ้วตั้งแต่ Level 01-12


คลิปวิธีเล่นแบบคร่าวๆและอุปกรณ์ที่ใช้


คลิป Tactician Solo Test Run

Link Guide&Build อื่นๆที่ผมได้ทำไว้
สำหรับใครที่ขี้เกียจเลื่อนหา หรืออาจจะหาไกด์ไหนไม่เจอ ลองกดไปดูในสารบัญรวมเล่มนี้ได้เลยครับ
https://test-steamproxy.haloskins.io/sharedfiles/filedetails/?id=3140547253
6 kommenttia
Doppelwalker 7.5.2024 klo 21.27 
ใช่ครับ knock นางแล้ว loot ได้ ผมลองแล้ว
Kingreader-K  [tekijä] 7.5.2024 klo 9.49 
ผมไปลองละครับ ระหว่างสู้อยู่ถ้าเราจัดการ Viconia ก่อนจะยัง Loot ไม่ได้นะครับ (Loot กุญแจได้แต่เอาของ ทั้ง 3 อย่างไม่ได้) แต่หลังจบไฟท์ ก่อนคุยให้กดคลิกขวา Loot ก่อนแล้วปล่อยไปได้ครับ เดี๋ยวผมเอาข้อมูลไปเพิ่มในไกด์ให้ ขอบคุณมากครับ
Kingreader-K  [tekijä] 7.5.2024 klo 9.22 
อ่อ ผมเคยเห็นโพสใน Reddit อยู่เหมือนกันครับ ว่าให้กด Loot ก่อนคุยแล้วปล่อยให้รอดได้ แต่ส่วนตัวไม่เคยทำแบบนั้นเลย เดี๋ยวรันหน้าไปลองดู ขอบคุณสำหรับข้อมูลด้วยครับ
Doppelwalker 7.5.2024 klo 8.05 
victoria โล่ไม่จำเปนต้องฆ่าครับ แค่ loot ระหว่างสู้ก็ได้
Kingreader-K  [tekijä] 24.11.2023 klo 6.36 
ลองดูครับคุณต้น ผมเองตอนนี้ก็นั่งหาทำบิ้วใหม่ๆอยู่ มีอะไรน่าสนใจบอกได้นะครับ 55555
Ton Na Ja 24.11.2023 klo 4.36 
ขอบคุณครับ