Baldur's Gate 3

Baldur's Gate 3

Not enough ratings
[BG3] Build#005 บิ้วนักรบสายตบไม่มียั้ง
By Kingreader-K
บิ้ว Endgame (Act 3 Lv12) สำหรับผู้ที่อยากได้บิ้วสายนักสู้แบบง่ายๆ เล่นสบายๆ แต่ดาเมจจัดจ้าน โดยไกด์นี้ จะอธิบายการทำบิ้ว, อุปกรณ์ที่จำเป็น, และวิธีการเล่นให้อย่างละเอียดระดับโมเลกุล

อ้างอิงจากเกม Version 4.1.1.4216792 (Patch 5 Hotfix 14)
   
Award
Favorite
Favorited
Unfavorite
Introduction & Overview
คุณเคยอยากเล่นบิ้วง่ายๆ ที่ไม่ต้องอัพอะไรซับซ้อนหรือไม่?
คุณชอบเล่นสายทำดาเมจกายภาพแรงๆ แบบเก็บหมดแก๊งค์ใน 1 เทิร์นมั๊ย?
หรือคุณเคยคิดอยากเล่นบิ้วนักรบที่โจมตีได้สูงสุดเทิร์นละ 13 ครั้งหรือไม่?


... ถ้าใช่ ก็บิ้วนี้เลยครับ เหมาะกับคุณแน่นอน ... ก่อนอื่นก็ขอสวัสดีนักผจญภัยผู้ใฝ่หาการทำบิ้วใน Game of the Year 2023 ทุกท่านด้วยนะครับ (เกมเค้าได้รางวัลแล้วก็เอามาอวดกันหน่อย 5555) พบกับผม Kingreader-K [www.twitch.tv] เจ้าเก่าที่วันนี้มาพร้อมกับบิ้วไกด์ที่ 5 กันแล้วครับ

ที่หายไปซักพัก ไม่ใช่อะไรนะครับ นอกจากงาน(ในชีวิตจริง)จะเยอะแล้ว ผมยังง่วนกับการจบ Honour Mode ที่อัพมาใหม่ใน Patch 5 ด้วย ... จริงๆก็ Rush จบไปตั้งแต่ต้นเดือนแล้วแหละครับ แต่ไม่มีเวลาได้ลองหาบิ้วหรือนั่งปั้นบิ้วอะไรเล่นเลยเพราะเมามันส์กับระบบ Legendary Action และความยากของ Honour Mode ซึ่งทำให้เกมนี้กลับมาสนุกและมีชีวิตชีวาขึ้นอีกมากๆเลยครับ ... อ่ะ พักคุยเรื่อง Honour Mode ไว้แค่นี้พอ สำหรับใครที่เคลียร์จนได้ Achievement และลูกเต๋าทองคำมาแล้ว ก็ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ คุณได้ก้าวเข้ามาสู่ประตูของ Hardcore Gamer แล้วครับ 5555+

เคยมีคนถามว่า ถ้าเพิ่งเริ่มเล่นจะเล่นคลาสอะไรหรือบิ้วไหนก่อนดี วันนี้ผมเลยมาขอนำเสนอบิ้วสาย Fighter ที่จะทำให้คุณชื่นชอบคลาสนี้ไปเลยครับ เพราะนอกจากจะอึดจนสามารถเป็นแนวหน้าของตี้ได้แล้ว ยังตี(หรือยิง)ได้เยอะมากๆ นับได้มากสุดประมาณ 13 ครั้งใน 1 เทิร์นเลยทีเดียว นับว่าเป็นจุดเด่นที่สุดของคลาสนี้เลย แม้หลายๆคนอาจจะบอกว่า เป็นคลาสที่น่าเบื่อ แต่เลขดาเมจที่จะทำได้นั้น ก็เรียกได้ว่าลบกลบความน่าเบื่อนั้นไปได้เลยล่ะ ... ว่าแล้วเราก็ไปดูรายละเอียดกันเลยดีกว่าครับ

การสร้างตัวละครที่ Level 01
Fighter Lv1

แน่นอนครับ สายนักรบเราก็ต้องเริ่มกันที่คลาส Fighter อย่างไม่ต้องสงสัย ... จริงๆก็ไม่ได้แค่เริ่มนะ แต่ต้องอยู่กับคลาสนี้ไปยาวๆเลยล่ะครับ

Origin/Race/Sub-Race - สำหรับสายนักสู้ทั้งหลาย ผมแนะนำเผ่า Half-Orc เลยครับ เพราะมีสกิล Relentless Endurance กันตายได้ 1 ครั้ง และสกิล Savage Attacks ที่จะทำให้คุณได้ดาเมจเพิ่มขึ้นตอนติดคริครับ นอกจากนั้น ยังมี Darkvision ไว้มองในที่มืดด้วย ... แต่ถึงจะเลือกเผ่าอื่นก็สามารถเล่นบิ้วนี้ได้เช่นกันครับ

Class - Fighter สิครับ ผมจะพิมพ์ทำไมก็ไม่รู้เนาะ 555+

Fighting Style - อันนี้ผมขอแนะนำให้เลือก Defence ครับ เพราะเราจะได้ AC+1 ตลอดเวลา ถือว่าดีมากๆในทุกๆสถานการณ์ แต่ถ้าคุณไม่สนเรื่อง AC มากก็เลือกเป็น Great Weapon Fighting ได้ครับ ... แต่ส่วนตัวผมมองว่าไม่คุ้มเท่า Defence นะ

Abilities - เน้นเพิ่ม Str เป็น 17 และ Con เป็น 16 ครับ ... ส่วนอย่างอื่นจะเท่าไหร่ก็ได้ครับ แต่ผมจะอัพ Dex ไว้ 13 แล้วหาบัฟ +1 มาเพิ่มให้เป็น 14 และ Wis 12 แต่คุณสามารถอัพ Dex14/Wis10 ก็ได้ ... ส่วนข้างล่างนี้คืออันที่ผมอัพไว้เผื่อดูเป็นแนวทางครับ

Abilities
Score
Strength
17
Dexterity
13
Constitution
16
Intelligence
8
Wisdom
12
Charisma
8

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 02
Fighter Lv2

เวลนี้ อัพง่ายๆเลยครับ เพราะเราไม่ต้องเลือกอะไรเลย สบายๆ แต่จำเป็นยิ่งยวดเพราะสิ่งที่เราจะได้จาก Fighter เวล 2 คือ Action Surge

Action Surge
สกิลเฉพาะตัวของ Fighter ที่สามารถใช้ได้ฟรีโดยไม่ต้องเสียแต้มอะไร แต่ต้องใช้ตอนอยู่ใน Combat เท่านั้น ใช้ได้ 1 ครั้ง / 1 Short Rest ครับ ... โดยเมื่อเราใช้ Action Surge มันจะเพิ่ม Action Point ให้เรา 1 แต้มทันที ทำให้คุณสามารถโจมตี แดช หรือร่ายเวทย์ช่วยเพื่อนได้ในเทิร์นนั้น ถือเป็นของดีที่สายโจมตีประชิดต้องมีไว้เลยครับ

สำหรับบิ้วนี้ คุณจะสามารถตีศัตรูได้ 2 ครั้งต่อ 1 เทิร์นตั้งแต่เวล 2 หรือตั้งแต่เริ่ม Act 1 เลย ... ก็ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบของบิ้วนี้เลยครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 03
Fighter Lv3

Subclass - บังคับเลือก Battle Master ครับ Subclass ยอดนิยมอัพดับ 1 ของคลาส Fighter เลย โดยเราจะได้ Feature สำคัญมานั่นก็คือ...

Superiority Dice x4
อธิบายง่ายๆ เป็นแต้มสำหรับใช้สกิลของ Battle Master ครับ โดยเราจะได้ดาเมจเพิ่ม 1-8 หน่วย (อัพเป็น 1-10 หน่วย ตอนเวล 10) สำหรับบางท่าครับ ... โดยท่าพวกนี้เราจะเรียกว่า Manoeuvre ซึ่งผมจะขออธิบายทุกอันไว้ตรงนี้เพื่อให้ทุกคนเข้าใจก่อนนะครับว่าอันไหนทำอะไรได้บ้าง

Commander's Strike - ใช้ Action และ Reaction ของเรา ให้เพื่อนเราโจมตีศัตรูได้โดนใช้ Reaction ของเพื่อนคนนั้น ... เหมือนจะดีในบางสถานการณ์นะครับ แต่หลังๆ Reaction มีความจำเป็นพอสมควร ดังนั้น ผมยังถือว่าได้ไม่คุ้มเสียครับ
Disarming Attack - ใช้ Action ออกท่าโจมตี Melee หรือ Range เพื่อปลดอาวุธและได้ดาเมจเพิ่มจาก Superiority Dice ... อันนี้ถือว่าดีมากครับ เพราะสามารถมีโอกาสปลดอาวุธศัตรูเก่งๆได้ ทำให้เป็น 1 อันที่ควรเลือกไว้เลย
Distracting Attack - ใช้ Action ออกท่าโจมตี Melee หรือ Range เพื่อให้การโจมตีศัตรูตัวนี้ของเพื่อนเราติด Advantage 1 ครั้ง และได้ดาเมจเพิ่มจาก Superiority Dice ... เหมาะสำหรับการรุมตีบอสหรือตัวเก่งๆ แต่เราไม่ได้ประโยชน์โดยตรง ผมเลยเฉยๆกับท่านี้ครับ
Evasive Footwork - ใช้ Superiority Dice เพื่อทำให้ศัตรูที่ตีระยะประชิดใส่เราติด Disadvantage เป็นเวลา 1 เทิร์น ... เนื่องจากใช้ฟรีไม่เสีย Action อะไร แต่เป็นสกิลเน้นป้องกันมากกว่า ก็ขึ้นอยู่กับว่าเข้ากับสไตล์ที่คุณต้องการหรือไม่ครับ
Feinting Attack - ใช้ Action และ Bonus Action ออกท่าโจมตี เพื่อให้ติด Advantage และได้ดาเมจเพิ่มจาก Superiority Dice ... อันนี้ผมมองว่าไม่คุ้มสุดๆ ตัดออกจากตัวเลือกไปได้เลยครับ 555+
Goading Attack - ใช้ Action ออกท่าโจมตี Melee หรือ Range เพื่อบังคับให้ศัตรูตีแต่คุณเพราะถ้าไปตีคนอื่นจะติด Disadvantage และได้ดาเมจเพิ่มจาก Superiority Dice ... อันนี้ผมเฉยๆครับ เพราะใช้ได้ในบางสถานการณ์เท่านั้น
Manoeuvring Attack - ใช้ Action ออกท่าโจมตี Melee หรือ Range เพื่อโจมตี โดยหลังโจมตีสำเร็จจะสามารถเพิ่มระยะเดินให้เพื่อนได้แถมเพื่อนจะไม่โดน Opportunity Attack และได้ดาเมจเพิ่มจาก Superiority Dice ด้วย ... อันนี้ใช้ดีมาก สำหรับสถานการณ์ที่ต้องการให้เพื่อนเคลื่อนที่และโจมตีไปด้วยกัน หรือเอาไว้ให้เพื่อนที่เป็นแนวหลังหลบ Opportunity Attack ของศัตรูครับ
Menacing Attack - ใช้ Action ออกท่าโจมตี Melee หรือ Range เพื่อโจมตีศัตรูให้ติด Frightens และได้ดาเมจเพิ่มจาก Superiority Dice ... เป็นอีกท่าที่ดีมากๆ เพราะเมื่อศัตรูติด Frightens แล้วจะเดินไปไหนไม่ได้ เหมาะกับการล็อคศัตรูไว้กับที่ครับ
Precision Attack - ใช้ Superiority Dice เพื่อทำให้การโจมตีถัดไปของเราได้โบนะส Attack Roll เท่ากับ Superiority Dice ... เป็นท่าสำหรับใช้เพิ่มโอกาสการตีโดน เหมาะกับเวลาเจอศัตรูที่ AC สูงๆครับ
Pushing Attack - ใช้ Action ออกท่าโจมตี Melee หรือ Range เพื่อโจมตีและผลักศัตรูไป 4.5 เมตรและได้ดาเมจเพิ่มจาก Superiority Dice ... อันนี้ดีมาก เวลาที่คุณต้องการผลักศัตรูให้ตกแมพ หรือกระเด็นออกไปครับ เช่น ผลัก Steel Watcher ให้ตกน้ำหรือตกป้อมตายไปเลยในทีเดียวก็ยังได้
Rally - ใช้ Bonus Action เพิ่มเลือดชั่วคราว 8 หน่วยให้ตัวเราหรือเพื่อนในทีม ... ใช้ดีในช่วงแรกๆของเกม แต่ไม่มีประโยชน์ในช่วงกลางๆถึงท้ายเกมครับ
Riposte - ใช้ Reaction ในการโจมตีสวนกลับเมื่อศัตรูตีเราไม่โดนและได้ดาเมจเพิ่มจาก Superiority Dice ... เป็นท่าจำเป็นเลย เพราะเมื่อศัตรูตีเราวืด เราจะสามารถใช้ Reaction สวนกลับได้ แถมแรงกว่าตีปกติด้วย
Sweeping Attack - ใช้ Action ออกท่าโจมตี Melee เป็นวงกว้างและสามารถโดนศัตรูได้หลายตัว ... ดูเหมือนจะดี แต่ท่านี้ดันไม่ได้คิดดาเมจจากอาวุธนี่สิครับ ดังนั้นดาเมจมันจะเบามากๆจนแทบไม่มีประโยชน์อะไรเลย ทิ้งจากตัวเลือกไปได้เลยครับ
Trip Attack - ใช้ Action ออกท่าโจมตี Melee หรือ Range เพื่อทำให้ศัตรูและได้ดาเมจเพิ่มจาก Superiority Dice ... อันนี้ดีมากเพราะทำให้ศัตรูล้มได้ เมื่อศัตรูล้มแล้วจะหลุด Concentrate และทุกคนที่โจมตีในระยะ 3 เมตรจะได้ Advantage ครับ เป็น 1 ท่าที่ต้องเลือกไว้ใช้เลย

โดยในเลเวลนี้ เราจะเลือกได้ 3 ท่าครับ ผมแนะนำ Disarming Attack, Riposte และ Trip Attack ก่อนครับ เพราะได้ใช้ประโยชน์จากท่าพวกนี้เยอะ ... หรือคุณจะเลือก Menacing Attack หรือ Pushing Attack ก็ได้ใช้ประโยชน์เหมือนกัน

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 04
Fighter Lv4

Feat - มาเลือก Feat แรกกันครับ ... จริงๆมีอยู่สามอันที่จำเป็นสำหรับบิ้ว Fighter แต่อันแรกผมแนะนำให้เลือกเป็น Heavy Armour Master ครับ เพราะนอกจากจะลดดาเมจทางกายภาพที่ได้รับเวลาใส่เกราะหนัก Heavy ลง 3 หน่วยแล้ว ยังได้ Str+1 ด้วย ดังนั้น จะทำให้ Str เราเป็น 18 ได้ Modifier +4 พอดี ซึ่งจะทำให้เราใช้ประโยชน์จากมันได้เต็มที่ตั้งแต่ตอนต้นเกมครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 05
Fighter Lv5

เลเวลอัพรอบนี้ไม่ต้องเลือกอะไรเลยครับ เพราะเราจะได้สกิล Passive ที่เราต้องการมาเลย ก็คือ Extra Attack นั่นเอง ... การโจมตีได้ 2 ครั้งต่อ 1 Action Point นี่ถือเป็นสิ่งจำเป็นตอนเริ่มเกมเลย ... ซึ่งคลาสสายบู๊ส่วนใหญ่จะได้สกิล Extra Attack มาตอนเลเวล 5 แทบจะทั้งนั้นครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 06
Fighter Lv6

อันนี้เป็นจุดที่พิเศษ 1 อย่างของคลาส Fighter คือคุณสามารถเลือก Feat ฟรีได้ตอนเวล 6 ครับ ซึ่งตรงนี้ผมแนะนำให้เลือกอันนี้เลย

Savage Attacker
สกิลนี้จะทำงานเมื่อกราทำดาเมจด้วยอาวุธ Melee ซึ่งเราจะ Roll เต๋าดาเมจสองรอบแล้วจะเอาดาเมจที่มากที่สุดแทน หลักการคล้ายๆ Advantage แต่นับเป็นรายเต๋าที่ Roll เลย ยกตัวอย่างเช่น
- ใช้อาวุธ Greataxe ซึ่งดาเมจ Slashing เป็น 1d12 ก็จะโรลเต๋า 12 หน้า 2 ลูกแล้วเอาลูกที่มากสุด 1 ลูก
- ใช้อาวุธ Greatsword ซึ่งดาเมจ Slashing เป็น 2d6 ก็จะโรลเต๋า 6 หน้า 4 ลูกแล้วเอาลูกที่มากสุด 2 ลูก (จริงๆคือ Roll เทียบกันลูกต่อลูกนะครับ เช่น คู่แรกโรลได้ 2 กับ 5 ก็เอา 5 ... ลูกสองโรลได้ 3 กับ 4 ก็เอา 4)

ดังนั้น เวลาเราทำดาเมจ ถ้าต้องการโอกาสดาเมจเยอะๆก็ยิ่งต้องมีเต๋าดาเมจเยอะๆครับ ซึ่ง Savage Attacker จะมีผลกับเต๋าดาเมจทั้งหมดที่ Roll ในการโจมตีนั้นๆเลย เช่น ดาเมจพิษ 1-6 จากสร้อย หรืออย่างดาเมจธาตุที่เพิ่มมาจาก Elemental Weapon 1-4 หน่วยก็เช่นกัน ... ซึ่งสำหรับสายโจมตีแล้ว Feat นี้คือจำเป็นมากๆครับ เพราะมันจะดันให้ดาเมจคุณอยู่ในระดับกลาง-สูงแทบจะตลอดเวลา

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 07
Fighter Lv7

เวลนี้เราจะได้ Superiority Dice เพิ่มอีก 1 กลายเป็น 5 แต้มต่อ 1 Short Rest และยังสามารถเลือก Manoeuvre เพิ่มได้อีก 2 อย่าง ... รอบนี้ก็แนะนำเลือก Menacing Attack กับ Pushing Attack ครับ ... แต่ถ้าคุณเลือก 2 อันนี้ไว้ก่อนแล้ว ก็เลือกอันที่แนะนำไว้ตอนเลเวล 3 ได้เลย แค่ 5 ท่านี้ก็เพียงพอจะทำให้นักรบของคุณเทพได้แล้วครับ ซึ่ง ณ จุดนี้คุณจะอยู่ประมาณ Act 2 แล้ว ได้ใช้งานท่าทั้งหมดนี้แน่นอน

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 08
Fighter Lv8

Feat - มาเลือก Feat อันสุดท้ายของบิ้วนี้กันครับ ซึ่งก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก Great Weapon Master นั่นเอง ... เพราะ Feat นี้นอกจากจะมีโหมด All-In ที่ลด Attack Roll -5 แต่ได้ดาเมจ +10 แล้ว ... ก็ยังมีสกิล Passive ชื่อ Great Weapon Master: Bonus Attack ด้วย อธิบายง่ายๆคือ เมื่อคุณฆ่าศัตรูได้หรือตีติดคริในเทิร์นนั้นๆ คุณจะสามารถใช้ Bonus Action ทำการโจมตีได้อีก 1 ครั้งครับ ตีเพิ่ม 1 ครั้งอาจจะดูเหมือนไม่เยอะ แต่ถ้าบิ้วจนเต็มแล้ว คุณสามารถทำดาเมจต่อการโจมตี 1 ครั้งได้ประมาณ 50-70 หน่วยนี่ก็เรียกได้ว่านับศพศัตรูเพิ่มได้อีก 1 ศพเลยนะ

ส่วนเรื่องดาเมจจาก All-In นั้น อยู่กับสถานการณ์และการตัดสินใจของคุณเลยครับ จะเปิดหรือปิดยังไงก็ได้ แต่จำไว้ว่า +10 ดาเมจเป็นเลขตายตัวนะครับ ซึ่งถ้าคุณจำเป็นต้องเสี่ยงเพื่อเอาดาเมจตรงนั้นแล้วยังมีโบนัสมาแก้ทาง -5 Attack Roll อยู่ ก็อาจจะคุ้มค่าที่จะเสี่ยงครับ ยกเว้นคุณ Roll ได้ 1 เป็น Critical Miss อันนั้นก็ดวงใครดวงมันครับ 5555+

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 09
Fighter Lv9

เป็นการทำบิ้วไกด์ที่ง่ายดีจริงๆ เพราะไม่ต้องเลือกอะไรเลยครับ 555 ... โดยเวลนี้เราจะได้สกิลชื่อ Indomitable มา โดยถ้าเรา Roll เต๋า Saving Throw ทั้งหลายแล้ว Fail มันจะขึ้นมาให้เราใช้สกิลนี้เพื่อโรลเต๋าใหม่แล้วใช้ผลใหม่อีกรอบครับ อันนี้ไม่ได้ใช้หลักการแบบ Advantage นะ แต่เป็นการรีโรลแล้วเอาผลลัพธ์ใหม่ ซึ่งถ้า Save DC สูงๆมันก็อาจจะยังเฟลได้ ดังนั้นก่อนใช้ ก็ลองดูก่อนก็ได้ครับว่าจำเป็นหรือไม่ เพราะในเทิร์นนั้นคุณอาจจะโดน Saving Throw หลายรอบก็เป็นได้นะ ถ้าผลที่โดนไม่หนักหนามากหรือ Save DC สูงเกินไป ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 10
Fighter Lv10

มาถึงจุดนี้ เราจะปรับ Superiority Dice จาก 1d8 เป็น 1d10 แล้วครับ ซึ่งก็จะมีผลกับท่า Manoeuvre ทุกท่าที่มีการเพิ่มดาเมจจาก Superiority Dice ... แต่ดาเมจสูงสุดเพิ่มขึ้นแค่ 2 หน่วยก็อาจจะไม่ได้มีผลอะไรมากครับ

เวลนี้เราสามารถเลือก Manoeuvre เพิ่มได้อีก 2 ท่า ผมแนะนำ Manoeuvring Attack และ Goading Attack ครับ หรือถ้าคุณอยากจะกลบข้อด้อยของ Great Weapon Master: All-In โดยที่ยังมีของแก้ไม่เยอะ ตรงนี้ก็เลือกเป็น Precision Attack ก็ได้นะครับ แต่ผมมองว่าตอนที่เวล 10 นี่คุณจะอยู่ประมาณ Act 2 แบบเกือบจบไม่ก็ Act 3 แล้ว ดังนั้น น่าจะมีของแก้เรื่อง -5 Attack Roll เพียงพอแล้วครับ ยกเว้นว่าคุณจะเล่นความยากระดับสูงๆแล้วเงินไม่พอซื้อของบางอย่างมาใส่

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 11
Fighter Lv11

และแล้ว ก็มาถึงสกิลพระเอกระดับ Exclusive ของคลาสนี้แล้ว นั่นก็คือ Improved Extra Attack หรือก็คือ Extra Attack แบบขั้นกว่า ที่จะทำให้คุณสามารถโจมตีได้ 3 ครั้ง ต่อ 1 Action Point ครับ ... ถูกแล้ว! คุณจะสามารถโจมตีได้น้อยสุดเทิร์นละ 3-4 ครั้งกันแล้วตั้งแต่เลเวลนี้

ดังนั้น ถ้าเราใช้ยา Bloodlust, สกิล Haste และสกิล Action Surge ของคลาสนี้แล้ว เราจะมีแต้ม Action Point 4 แต้ม และโจมตีด้วย Weapon Attack ได้ 12 ครั้งครับ รวมกับ Great Weapon Master: Bonus Attack อีก 1 ครั้ง ก็ได้ทั้งหมดจำนวน 13 ครั้งใน 1 เทิร์นเลย เป็นหนึ่งในคลาสที่โจมตีได้เยอะที่สุดในเกมครับ

หมายเหตุ: ถ้าเล่นระดับ Honour จะตีได้ไม่ถึง 13 ครั้งนะครับ เพราะ Action Point ที่ได้จาก Bloodlust จะไม่ได้รับผลของ Extra Attack ... แต่พวก Action Surge ยังได้อยู่ครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 12
Fighter Lv11 / Cleric Lv1

พอมาถึงตรงนี้ จริงๆ คุณสามารถอัพ Fighter ยาวจนเวล 12 ได้นะครับ เพราะจะได้เลือก Feat อันที่ 4 ด้วย แต่สำหรับบิ้วนี้ Feat จำเป็นมีแค่ 3 อันที่เราเลือกไปแล้วเท่านั้นครับ ... ดังนั้น เราจะขอแนะนำตัวเลือกที่เหมาะสมอื่นแทน นั่นก็คือ Multiclass ไปที่ Cleric นั่นเอง

Subclass - สำหรับบิ้วนี้ เลือก Light Domain เลยครับ เพราะเราจะได้สกิลที่ชื่อว่า ...

Warding Flare
เมื่อศัตรูโจมตีโดนคุณ คุณสามารถใช้ Reaction เพื่อให้ศัตรูติด Disadvantage ได้ ใช้ได้ดีมากครับ เพราะมันจะทำงานและขึ้นมาให้เลือกในกรณีที่ศัตรูโจมตีคุณโดนเท่านั้น และการใช้สกิลนี้จะมีโอกาสช่วยให้ศัตรูโจมตีเราไม่โดนได้ (สามารถดูตัวอย่างจากในคลิปเทส Solo หมวด Bonus ได้เลยครับ)

Cantrips - เลือกที่ชอบได้เลยครับ แต่แนะนำให้เลือก Guidance ไว้ 1 อย่าง ที่เหลืออะไรก็ได้เลย
Deity - เลือกเทพที่นับถือมาครับ ลองเลือกที่คุณชอบได้เลย มีผลกับ Dialogue แต่ไม่ได้มีผลกับบิ้วเราครับ
Prepare Spells - อันนี้เลือกทีหลังได้ แต่ผมแนะนำให้เลือก Sanctuary ไว้ครับ เพราะเอาจริงๆก็ไม่ได้ใช้อะไรหรอก แต่เพื่อให้คุณมีทางเลือกในกรณีฉุกเฉินได้แค่นั้นครับ

Equipment อุปกรณ์สวมใส่ที่จำเป็น
MINOR SPOILER ALERT!!!

จริงๆในบิ้วที่ 5 นี้ ก็จะใช้ของบางอย่างซ้ำๆกับบิ้วเดิมๆแหละครับ แต่สำหรับบิ้วนี้ ผมมีแนะนำให้ใช้อาวุธ 2 อัน อันนึงสำหรับทำดาเมจสูงๆ และอีกอันสำหรับปรับบิ้วให้ Tank ได้ดีขึ้น โดยในส่วนของรายละเอียด ผมจะเอาไว้อธิบายในหมวดวิธีเล่นละกันครับ

สำหรับอุปกรณ์สวมใส่ที่จำเป็นนี่ ยังไงก็คงหลีกเลี่ยงการสปอยได้ยาก ... แต่ก็เช่นเดิม ผมจะทำแถบปิด Spoiler เอาไว้ และจะ Spoil ให้น้อยที่สุดครับ

หากใครกลัวพลาดหรือแค่อยากรู้ว่าชิ้นไหนทำอะไรได้บ้างจริงๆ ให้ข้ามไปดูสรุปข้อมูลได้เลย

Helmet ส่วนหัว/หมวก
Helmet of Balduran

ของอีก 1 ชิ้นที่หลบสปอยได้ยากอีกแล้วครับ โดยเราจะได้มาจาก The Dragon's Sanctum ใน Act 3 ... ในตอนที่เราเจอซากมังกร Ansur ให้เดินเข้าไปด้านใน จะมีหมวกวางอยู่บนแท่นใกล้ๆกับทางออกครับ สามารถเข้าไปหยิบได้ก่อนสู้กับ Ansur ได้นะครับ

Cloak ส่วนผ้าคลุม
Cloak of Displacement

หาซื้อได้จาก Entharl Danthelon ที่ Danthelon's Dancing Axe ใน Act 3

Armor/Clothing ส่วนเกราะ/ชุด
Armor of Persistence

หาซื้อได้จาก Dammon ที่ Baldur's Gate ใน Act 3 Dammon จะต้องไม่ตายใน Act 1 (ต้องเลือกช่วย Druid Grove) และ Act 2 (ต้องเลือกช่วย Isobel) นะครับ ถึงจะมีให้ซื้อใน Act 3 ได้

Gloves ส่วนถุงมือ
Legacy of the Masters

หาซื้อได้จาก Dammon ที่ Forge of Nine ใน Act 3

Boots ส่วนรองเท้า
Boots of Persistence

หาซื้อได้จาก Dammon ที่ Forge of Nine ใน Act 3

Amulet ส่วนสร้อยคอ
Broodmother's Revenge

ได้จาก Kagha ใน Act 1 เป็นส่วนนึงของเควส Investigate Kagha เราจะฆ่าเธอหรือทำให้สลบเพื่อ Loot ก็ได้ครับ

Rings ส่วนแหวน
Caustic Band

หาซื้อได้จาก Derryth Bonecloak ที่ Myconid Colony ใน Underdark Act 1

The Whispering Promise

ไอ้แหวนนี่ในข้อมูลหาซื้อได้หลายที่มากครับ แต่ที่ผมได้มาคือตอนเจอ Volo ครั้งแรกที่ Druid Grove ยังไงก็ลองดูตามด้านล่างนี้นะครับ
- Volo ที่ Druid Grove ใน Act 1
- Grat the Trader ที่ Goblin Camp ใน Act 1
- Roah Moonglow ที่ Moonrise Towers ใน Act 2

Melee Weapon ส่วนอาวุธประชิด
Balduran's Giantslayer

หาได้จาก The Dragon's Sanctum ใน Act 3 ... หลังจากที่เราจัดการมังกร Ansur ได้ จะดรอปจากศพมันครับ หรือเราให้คนในกลุ่มที่ไม่ได้อยู่ในบทสนทนาเข้าไปหยิบมาจากศพก่อนจะสู้ก็ได้ แต่ผมไม่แน่ใจว่า Patch หลังๆยังใช้วิธีนี้ได้อยู่รึป่าวครับ

The Skinburster

หาได้จาก Crèche Y'llek ใน Act 1 ... ในตู้ Display case ห้องที่เจอกับ Inquisitor Ch'r'ai W'wargaz (ชื่อนี่พิมพ์อย่างยาก)

Drakethroat Glaive

หาซื้อได้จาก Roah Moonglow ที่ Moonrise Towers ใน Act 2

Range Weapon ส่วนอาวุธระยะไกล
Gontr Mael

หาได้จาก Steel Watch Foundry ใน Act 3 … ดรอปจากบอส Steel Watch Titan หลังจัดการแล้วอย่าลืมเก็บมานะครับ เพราะถ้าเราเลือกระเบิดโรงงานแล้วจะกลับเข้าไปอีกไม่ได้แล้วครับ
สรุปความจำเป็นของอุปกรณ์แต่ละชิ้น
Helmet of Balduran - ใส่เพื่อให้ได้ฮีลฟรีทุกเทิร์น ไว้สำหรับ Activate สกิลจากสร้อยและแหวนครับ แถมศัตรูยังไม่สามารถติดคริใส่เราหรือทำเรา Stun ได้ แถมยังได้ AC+1 อีก ... อ่ะ เอาเป็นว่า หมวกเทพที่สายนักรบต้องมีละกันครับ
Cloak of Displacement - เมื่อเริ่มเทิร์นเราจะติดสกิลเบลอ ทำให้ศัตรูที่โจมตีเราติด Disadvantage โดนจะมีผลนี้จนกว่าเราจะได้รับดาเมจ
Armor of Persistence - ใส่เพื่อให้ได้ AC20 และยังได้ Resistance ของการโจมตีกายภาพทั้ง 3 แบบ (Slashing, Bludgeoning, Piercing) จากสกิล Blade Ward และ +1-4 Saving Throw จากสกิล Resistance ... อีกทั้งยังลดดาเมจทุกประเภทที่โดนลงอีก 2 หน่วย เป็น 1 ในเกราะหนักที่ดีที่สุดในเกมครับ
Legacy of the Masters - ใส่เพื่อให้ได้โบนัส Attack Roll +2 และดาเมจ +2 สามารถเอาไว้หักลบกลบหนี้กับโหมด All-In ได้ครับ
Boots of Persistence - ใส่เพื่อเอาสกิล Longstrider ให้เดินไกลขึ้น 3 เมตร และสกิล Freedom of Movement ด้วย
Broodmother's Revenge - เมื่อเราได้รับการ Heal จะได้ผลเหมือนเคลือบพิษให้อาวุธเรา 3 เทิร์น โดยอาวุธเราจะทำดาเมจพิษเพิ่มได้ 1-4 หน่วย เมื่อใช้กับหมวกที่ใส่ ก็คือจะถูกเคลือบทุกเทิร์นเลยทีเดียว เหมือนได้ดาเมจพิษฟรีตลอดเวลาครับ
Caustic Band - ใส่เพื่อเพิ่มดาเมจ Acid 2 หน่วยฟรีๆเวลาใช้อาวุธโจมตี
The Whispering Promise - ใส่เพื่อเวลาฮีลตัวเองด้วยหมวก จะได้บัฟสกิล Bless (+1-4 Attack Roll และ +1-4 Saving Throw) เป็นเวลา 2 เทิร์น
Balduran's Giantslayer - อันนี้เป็น Greatsword ที่ดีที่สุดในเกมครับ สาย Str ที่โจมตีด้วยอาวุธสองมือ ยังไงก็ต้องจบที่ดาบเล่มนี้เลย เหมาะกับการทำดาเมจขั้นสุดของบิ้วนี้
The Skinburster - อาวุธเมนสำรองสำหรับบิ้วนี้ครับ โดยเมื่อเราโจมตีโดนด้วยอาวุธนี้ เราจะได้บัฟสกิล Force Conduit มา 2 ชาร์จ ซึ่งเหมาะกับการเล่นแบบดาเมจกึ่ง Tank ... โดย Force Conduit จะลดดาเมจกายภาพที่เราโดนลงตามจำนวนแต้มของมัน สูงสุดที่ 7 แต้ม
Drakethroat Glaive - ไม่ได้ใส่ แต่เอาไว้ร่ายสกิล Draconic Elemental Weapon ให้กับอาวุธหลักที่เราใช้แค่นั้น
Gontr Mael - ใส่เพื่อเอาสกิล Celestial Haste ของธนูนี้เท่านั้นครับ ซึ่งให้ผลเหมือน Haste เลยแต่ตอนหลุด Concentrate จะไม่ทำให้มึน และระยะเวลามีผลแค่ 5 เทิร์นครับ ... และยังเอาไว้ใช้กับพวกท่า Manoeuvre ระยะไกลทั้งหลายได้ดีมากๆอีกด้วย เช่น Disarming Range Attack เป็นต้น
Items อื่นๆที่จำเป็นสำหรับบิ้ว
Elixir of Bloodlust

ยาเทพที่ทุกคนต้องมี ผลของมันคือ เมื่อฆ่าศัตรูได้ จะได้ Action Point คืนมา 1 แต้ม มีผล 1ครั้ง/1เทิร์น นั่นหมายความว่า ถ้าคุณฆ่าศัตรูได้ในเทิร์นนั้น คุณจะโจมตีฟรีได้อีก 3 ครั้งครับ ซึ่งสำคัญมากๆเลยสำหรับบิ้วนี้
Illithid Powers & Passive Bonus ที่จำเป็น
MAJOR SPOILER ALERT!!!

จริงๆบิ้วนี้ถึงไม่ใช้ Illithid Powers ก็สามารถเล่นได้ครับ แต่ Permanent Buff เพิ่ม Str+4 นี่ ยังไงก็จำเป็นครับ ซึ่งเหมือนเดิม ผมจะแบ่งออกเป็นสองส่วนหลักๆก่อน คือ 1.Illithid Powers ที่แนะนำและ 2.Permanent Passive Buff ที่จำเป็นสำหรับบิ้วนี้ อะไรที่ไม่จำเป็นผมจะไม่พูดถึงละกันนะครับ

Illithid Powers ที่แนะนำให้ใช้กับบิ้วนี้

Luck of the Far Realms
เมื่อเราโจมตีศัตรูโดน จะสามารถบังคับติด Critical ได้ ใช้ได้ 1 ครั้ง / 1 Long Rest ถือว่าเป็นสกิลที่จำเป็นสำหรับสายนักรบเลยครับ
Cull the Weak
เมื่อเราลดเลือดศัตรูให้ต่ำกว่าจำนวน Tadpole ในหัวเรา ศัตรูจะตายทันทีและระเบิดทำดาเมจพลังจิตใส่ศัตรูใกล้เคียงอีก 1-4 หน่วย เป็นสกิลที่ดีมาก สำหรับคนที่ใช้พลังของ Tadpole เยอะๆอยู่แล้ว เพราะถ้าคุณอัพเกรดจนครบ แค่คุณลดเลือดศัตรูลงมาเหลือแค่นิดหน่อยก็สามารถฆ่าศัตรูตัวนั้นได้ทันที พูดง่ายๆคือ ยิ่งใช้หนอนมาก สกิลนี้ก็ยิ่งได้ผลดีมากขึ้น และบอกลาความเซ็งตอนศัตรูเหลือเลือด 1 ไปได้เลย
Fly
อีกสกิลที่ตรงตามตัวเป๊ะๆเลย ทำให้เราสามารถเคลื่อนที่ได้ดีกว่าเดินปกติมากๆ (ดูตัวอย่างได้ในคลิป Tactician Solo Test หมวด Bonus ได้ครับ) ซึ่งสกิลนี้จะได้มาฟรีๆ เมื่อเรายอมเปิดใจรับพลังจาก Astral Tadpole ที่ได้จาก The Emperor ในตอนต้น Act 3 ครับ (แต่ต้องยอมลดสวยลดหล่อ มีเส้นเลือดดำขึ้นหน้านะ 5555)

Permanent Passive Buff ที่จำเป็นกับบิ้วนี้

[Act 2] STR+2 จากยา Potion of Everlasting Vigor
ยานี้ได้จากการเอา Astarion ไปกินเลือด Araj Oblodra ที่ Moonrise Towers ใน Act 2 ครับ (เป็นเควสของ Araj Oblodra ที่ขอตัวอย่างเลือดจากเรา) พอทำเควสจบก็จะได้ยาที่ชื่อว่า Potion of Everlasting Vigor มา คนที่กินยานี้จะได้ Str+2 ถาวรทันที ซึ่งเหมาะมากกับสายโจมตีระยะประชิดครับ ... รวมถึงบิ้วนี้ด้วย

[Act 3] Abilities+2 จากกระจก Mirror of Loss
หลังจากทำเควสของ Shadowheart ใน House of Grief แล้ว เข้าไปห้องด้านในที่เจอพ่อแม่ของน้อง จะมีกระจก Mirror of Loss อยู่ ตรงนี้ผมแนะนำให้เซฟไว้ก่อนนะครับ เพราะกระจกนี่ต้องผ่าน Skill Check หลายรอบมาก ผมจะเรียงไว้ให้คร่าวๆประมาณนี้
1. การ Activate กระจก ต้องผ่าน Skill Check สองอย่างคือ Religion (DC20) และ Arcana (DC25)
2. หลัง Activate กระจกแล้ว คนที่จะเพิ่ม Stat ต้องผ่าน Skill Check Religion (DC25) ของใครของมันเป็นรายบุคคลไป
3. หลังจากผ่านเช๊คทั้งหมดแล้ว เราจะสามารถมอบ Abilities 1 ใน 6 อันไหนก็ได้ของเราให้กับกระจก 2 แต้ม แล้วจะสามารถเลือกเพิ่ม Abilities 1 ใน 6 อันไหนก็ได้ของเรา 2 แต้มแทน เช่น คุณอาจะแลก Wis-2 แล้วเอา Cha+2 แทน
4. หลังจากเลือกได้แล้ว ให้ใช้ Remove Curse ลบคำสาปที่โดน -2 อยู่ ก็จะทำให้เรามีบัฟ +2 Abilities ที่เราเลือกไว้ฟรีๆอย่างถาวรครับ
5. ทำซ้ำข้อ 2-4 กับตัวละครอื่นๆได้ ยกเว้นจะเฟล Skill Check คนนั้นจะอดบัฟนี้ไปเลยถาวรครับ

ซึ่งพอเราได้บัฟจากทั้ง 2 ข้อด้านบนมา เราจะมี Str เป็น 22 ครับ ซึ่งก็เพียงพอที่จะเล่นบิ้วนี้ได้สบายๆแล้ว
วิธีการเล่นของบิ้วนี้โดยละเอียด
Role และแนวทางการเล่น
แทบจะไม่ต้องบอกกล่าวกันเลย คลาสแบบนี้ บิ้วแบบนี้ คือ Role แบบ DPS/Tank หรือ Vanguard แน่นอน ... แต่มาถึงตรงนี้ผมอยากจะแยกแนวทางการเล่นบิ้วนี้ไว้ 2 สาย ดังนี้ครับ
1. สายเน้น DPS ใช้อาวุธเป็นดาบ Balduran's Giantslayer
ถ้าเล่นอาวุธนี้คือ เท่ากับเน้นดาเมจกายภาพหนักๆเลยครับ เพราะคุณจะได้โบนัสดาเมจจาก Str Modifier แบบสองเท่าเลย (โดยปกติจะได้แค่เท่าเดียว) ... อย่างในกรณีบิ้วนี้ จะมี Str Modifier +6 คุณจะได้ดาเมจ Slashing จากปกติ +6 เป็น +12 เลย ดังนั้น ผมจะไล่ลิสท์โบนัสดาเมจคร่าวๆให้นะครับ

> +3 จาก Weapon Enchantment ระดับ Legendary
> +1 จากบัฟ Weapon Enchantment ของสกิล Draconic Elemental Weapon
> +2 จากถุงมือ Legacy of the Master
> +6 จาก Strength Modifier
> +6 จาก Strength Modifier ของดาบ Balduran's Giantslayer
> +10 จากการเปิดสกิล Great Weapon Master: All-In

ดังนั้นเราจะมีโบนัสดาเมจ Slashing คงที่เท่ากับ +28 ดาเมจแล้ว ไม่รวมกับดาเมจของดาบ 2-12 หน่วย และดาเมจของเต๋า Superiority Dice อีก 1-10 หน่วยสำหรับท่า Manoeuvre ต่างๆ ... ซึ่งพอรวมแล้ว คุณจะทำดาเมจกายภาพแบบไม่ติดคริได้ประมาณ 31-50 หน่วย แถมเรายังมี Feat Savage Attacker ที่จะทำให้เต๋าดาเมจเราค่อนไปทาง 50 หน่วยได้มากกว่าปกติด้วย ... พอบวกกับดาเมจพิษ 1-6 หน่วย, ดาเมจธาตุจากสกิล Draconic Elemental Weapon 1-4 หน่วย และดาเมจกรดจากแหวนอีก 2 หน่วย รวมๆแล้วจะทำดาเมจได้ประมาณ 35-62 หน่วยต่อการโจมตี 1 ครั้งเลยทีเดียว และถ้าติดคริก็จะเพิ่มไปอีกครับ เริ่มดูเหมาะกับชื่อบิ้วสายตบไม่ยั้งหรือยังล่ะ 5555+

2. สายเน้น Tank ใช้อาวุธเป็นง้าว The Skinburster
สำหรับสายนี้ จะเน้นการทนรับดาเมจกายภาพได้มากกว่าสาย DPS ด้านบนครับ โดยปกติแล้วเราจะสามารถรับดาเมจกายภาพพวก Slashing, Bludgeoning, Piercing ได้ประมาณ 10 หน่วย (ถ้าดาเมจ 1-10 จะเข้าเราเท่ากับ 0) ... แต่สกิล Force Conduit ที่มากับง้าวนี้ จะเปลี่ยนตัวเลขนี้ไปเป็น 24 หน่วยทันทีครับ ซึ่งก็มีน้อยตัวมากที่ตีเราด้วยดาเมจกายภาพที่รุนแรงกว่า 24 หน่วย (ยกเว้นความยากระดับสูงๆ) แถม Skinburster เป็นอาวุธที่มี Stat Extra-Reach ซึ่งจะมีระยะโจมตีที่ไกลกว่าอาวุธประชิดปกติด้วยครับ

ข้อเสียคือ สายนี้จะมีดาเมจกายภาพน้อยกว่าสาย DPS ประมาณ 8 หน่วย และไม่มีสกิลแปลงร่างยักษ์เพิ่มดาเมจแบบดาบ Balduran's Giantslayer และต้องโจมตีโดนศัตรูประมาณ 3-4 ครั้งก่อน เพื่อให้มี Force Conduit ชาร์จประมาณ 6-7 หน่วย ... ก็ถือว่าเป็นข้อเสียที่ไม่ได้แย่มากมายนัก สายนี้ึงเหมาะสำหรับใช้ในสถานการณ์ที่เราต้อง Tank ดาเมจกายภาพให้ทีมครับ

เอาล่ะ ตอนนี้เราน่าจะพอเลือกแนวทางกันได้แล้ว งั้นไปดูการเตรียมตัวเตรียมใจก่อนไฟท์กันได้เลยครับ

การเตรียมพร้อมแบบ Step by Step
1. กินยา Elixir of Bloodlust
สรรพคุณตามที่แจ้งไว้แล้วครับ เท่ากับว่าถ้าคุณฆ่าศัตรูได้ในเทิร์นนั้น คุณจะโจมตีเพิ่มได้อีก 3 ทีเลย
2. ดรอปอาวุธหลักไว้ที่พื้น ใส่ Drakethroat Glaive แล้วบัฟดาเมจธาตุที่ต้องการ
เริ่มจากการใส่ง้าว Drakethroat Glaive เพื่อให้ได้สกิล Draconic Elemental Weapon ซึ่งสกิลนี้จะบัฟให้อาวุธใดๆมีดาเมจธาตุที่เลือก 1-4 ดาเมจ จากนั้นก็ดรอปอาวุธที่เราจะใช้ลงพื้น แล้วบัฟด้วยสกิลนี้ครับ ... ตรงนี้ก็เป็นอีกจุดที่เราต้องเลือกให้ดีว่าจะใช้อาวุธอะไรระหว่าง ดาบ Giantslayer (สำหรับสายดาเมจ) หรือง้าว Skinburster (สำหรับสาย Tank) เพราะเราจะใช้สกิลนี้ได้ครั้งเดียวต่อ 1 Long Rest ครับ
3. ก่อนเข้า Combat โหดๆให้ร่าย Celestial Haste ใส่ตัวไว้
อันนี้อาจจะต้องคิดให้ดีนะครับ เพราะตัวเรามี Celestial Haste ให้ใช้ได้แค่ 1 ครั้ง / 1 Long Rest เท่านั้น ... หากในทีมมีคนร่าย Haste ได้ ก็ให้ทีมช่วยร่ายแทนก็ได้ครับ
4. สำหรับคนที่เลือกใช้ดาบ Balduran's Giantslayer ให้ร่าย Giant Form แปลงร่างยักษ์ไว้ด้วย
นอกจากจะได้เลือดชั่วคราว 27 หน่วยแล้ว ยังได้ดาเมจกายภาพเพิ่ม 1-6 หน่วย แถมไม่ใช่สกิลแบบ Concentrate อยู่ได้นาน 10 เทิร์นและใช้ได้ 1 ครั้งต่อ 1 Short Rest ... ประโยชน์มากพอที่จะทำให้ไฟท์ยากๆกลายเป็นไฟท์ง่ายๆไปเลยล่ะครับ

การใช้งานบิ้วนี้ในการต่อสู้แบบ Step by Step
ส่วนนี้เป็นส่วนที่ผมเขินมาก เพราะไม่รู้จะไกด์ยังไงเลย ... มันมีแค่เข้าไปตีให้ศัตรูตายหมดแค่นั้นเองครับ แต่ก็จะขอแนะนำเป็นข้อๆไปเหมือนกับตอนบิ้ว 002 นะครับ
1. เน้นฆ่าศัตรูกระจอกๆ 1 ตัวก่อน
เพื่อให้ได้ Action Point ของ Bloodlust และเพื่อให้สามารถใช้ Bonus Action ในการโจมตีได้ (ผลของสกิล Great Weapon Master: Bonus Attack)
2. ใช้ Manoeuvre ทำดาเมจและดีบัฟใส่ศัตรูเก่งๆ
จากข้อ 1 ไม่น่าจะใช้การโจมตีเกินกว่า 1-2 ครั้ง ดังนั้นในเทิร์นนี้ ถ้าคุณร่าย Celestial Haste ไว้ด้วย คุณจะเหลือการโจมตีอีกประมาณ 10 ครั้ง ... ตอนนี้ก็เลือกเลยครับ ว่าจะใช้สกิล Manoeuvre อันไหนกับตัวไหนบ้าง เช่น Disarming Attack กับพวก Steel Watcher หรือพวกที่ถืออาวุธโหดๆ ... ใช้ Trip Attack กับพวกที่มี AC สูงๆ หรือจะใช้ Pushing Attack ผลักศัตรูให้ตกแมพตายก็ยังได้ หากคุณหมดระยะการเดินในเทิร์นนั้น ก็ยังสามารถใช้ธนูคู่กับ Manoeuvre ระยะไกลทำดีบัฟต่างๆให้ศัตรูได้ผลไม่ต่างกันครับ
3. หากเจอสถานการณ์ฉุกเฉินสามารถร่าย Sanctuary เพื่อให้หลบออกไปจากไฟท์นั้นได้
อันนี้ก็คือ Tactical Retreat ดีๆนี่เองครับ โดยจะร่ายใส่เพื่อนหรือตัวเราเองก็ได้ อยู่ที่ว่าเจอสถานการณ์แบบไหน ... แต่เอาจริงๆ คุณอาจจะกวาดศัตรูหมดก่อนที่จะเจอสถานการณ์แบบนี้ก็เป็นได้ครับ 555+

การใช้งานคร่าวๆก็ประมาณนี้ เป็นไงบ้างครับ ง่ายใช่มั๊ยล่ะ ... ตาม Concept บิ้วง่ายเล่นง่ายที่ผมขายไว้ตั้งแต่ช่วงต้นของไกด์นี้เลยแหละครับ ... มันอาจจะเป็นการเล่นที่ดูน่าเบื่อสำหรับหลายๆท่าน แต่สำหรับผู้ที่ชื่นชอบสายนักรบจอมพลัง หรือคนที่อยากได้บิ้วคลาส Fighter ดาเมจเบิ้มๆไปประดับทีม หรือแม้กระทั่งผู้เล่นใหม่ที่ยังไม่ชินกับระบบเกมนี้ ก็สามารถนำไปใช้งานได้ง่ายๆและมีประสิทธิภาพครับ

การใช้งานสกิล Passive Great Weapon Master: All-In
ที่ผมเคยเกริ่นไป ว่าจะใช้งานตอนไหน ต้องแล้วแต่สถานการณ์ของคุณเพราะว่าการ -5 Attack Roll อาจจะดูเหมือนไม่เยอะ แต่ในช่วงแรกๆของเกมนั้น คือการ Miss ประมาณ 50% ครับ ดังนั้น ผมจะสรุปคร่าวๆของหลักการว่าควรเปิดใช้สกิลนี้ตอนไหนนะครับ
1. เมื่อคุณต้องการดาเมจในเทิร์นสำคัญ
อันนี้ก็ชัดเจนในตัวครับ คือการเลือก Everything or Nothing ตามชื่อสกิล All-In เลย ... ตีโดนคือจบ ตีไม่โดนคือเศร้าครับ
2. เมื่อคุณมีบัฟแก้ทาง
บัฟที่ใช้กันแรกๆเลยคือ Bless ที่เพิ่ม Attack Roll ให้ 1-4 หน่วย ซึ่งก็เอามาทดแทนได้ระดับนึงครับ ... นอกจากนั้นยังมี Manoeuvre ที่ชื่อ Precision Strike ที่จะเพิ่ม Attack Roll ให้ 1-8 ในช่วงแรกๆ ซึ่งก็ใช้ได้ดีและคุ้มกับการทำดาเมจเพิ่ม 10 หน่วย
3. เมื่อคุณมีอุปกรณ์พร้อมและบิ้วได้เต็มที่
โดยในบิ้วนี้จะมีโบนัสมาช่วยอยู่หลายอย่าง เช่น
> +4 จาก Proficiency
> +2 จากถุงมือ Legacy of the Master
> +6 จาก Strength Modifier
> +1-4 จากบัฟของแหวน The Whispering Promise
> +1-3 จาก Weapon Enchantment (Balduran's Giantslayer+3 / The Skinburster+1)
> +1 จากบัฟ Weapon Enchantment ของสกิล Draconic Elemental Weapon
ดังนั้น พอหักลบไปแล้วก็ยังมีโอกาสในการโจมตีโดนอยู่ 80-99% อยู่ดีครับ ซึ่งถ้าคุณเล่นและบิ้วมาจนเต็มแล้ว ก็เปิดสกิลนี้ไว้ตลอดเวลาได้เลย
Conclusion
จบกันไปแล้วนะครับ สำหรับบิ้วที่ 5 เรียกได้ว่าเป็นบิ้วไกด์ที่สั้นๆ ทำได้ง่ายและเล่นได้ง่ายมากๆพอๆกับบิ้ว 003 เลย ... จริงๆแล้ว สำหรับคนที่เล่นคลาส Fighter แบบ Single Class ก็สามารถเอาไปปรับใช้ได้นะครับ ผมเองก็คิดอยู่นานเหมือนกันว่าควรนั่งเขียนบิ้วไกด์นี้ดีหรือไม่ เพราะมันดูอัพง่าย เล่นง่าย จนแทบไม่ต้องใช้ไกด์เลยก็ได้นะ 5555+ ก็ถือว่าเป็นการแนะนำอุปกรณ์และการเล่นสายนักรบให้อ่านเล่นกันเพลินๆละกันครับ ... ในส่วนของบิ้วต่อไปของผมนั้น ต้องรอปีหน้ากันเลยครับ คงไม่ได้มีเวลาเขียนยาวๆละ เพราะตอนนี้งานมาต่อคิวเคาะประตูบ้านอยู่ทุกวันเลย ต้องทำงานชดใช้กรรม(และเวลา)ในส่วนที่เอาไปเล่นเกมนี้ก่อนครับ

อย่างไร ผมขอ Happy New Year ล่วงหน้าให้ทุกท่านนะครับ ขอให้เล่นเกมข้ามปีกันให้สนุกสนานครับผม
Bonus รวมคลิปการบิ้ว วิธีเล่น และเทสรัน
สำหรับใครที่ขี้เกียจอ่านเรียงความยาวๆของผมนะครับ ลองดูในคลิปด้านล่างได้เลย ผมทำเผื่อไว้ให้แล้ว ... สามารถพูดคุยสอบถามได้จากในคลิปหรือในไกด์นี้ได้เลยนะครับ

คลิปการทำบิ้วตั้งแต่ Level 01-12


คลิปวิธีเล่นแบบคร่าวๆและอุปกรณ์ที่ใช้


คลิป Tactician Solo Test Run

Link Guide&Build อื่นๆที่ผมได้ทำไว้
สำหรับใครที่ขี้เกียจเลื่อนหา หรืออาจจะหาไกด์ไหนไม่เจอ ลองกดไปดูในสารบัญรวมเล่มนี้ได้เลยครับ
https://test-steamproxy.haloskins.io/sharedfiles/filedetails/?id=3140547253