Baldur's Gate 3

Baldur's Gate 3

Not enough ratings
[BG3] Build#013 จ้าวแห่งความตายผู้ป่นสลายทำลายชีวิต
By Kingreader-K
บิ้ว Endgame (Act 3 Lv12) สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเล่นนักเวทย์สายมืดและทำดาเมจแห่งความตาย โดยไกด์นี้ จะอธิบายการทำบิ้ว, อุปกรณ์ที่จำเป็น, และวิธีการเล่นให้อย่างละเอียดระดับโมเลกุล

อ้างอิงจากเกม Version 4.1.1.4494476 (Patch 5 Hotfix 17)
   
Award
Favorite
Favorited
Unfavorite
Introduction & Overview
คุณอยากเล่นบิ้วนักเวทย์แห่งความตายที่ทำลายทุกสิ่งรวมทั้งตัวคุณเองมั๊ย?
คุณชื่นชอบการร่ายเวทย์แห่งความตายวงกว้างที่โดนศัตรูเกือบทั้งแมพได้หรือไม่?
และคุณชอบการร่ายเวทย์แบบไม่จำกัดจำนวนครั้งมั๊ย?


ถ้าอ่านคำเปรยแล้วตอบว่า ใช่! ทุกข้อล่ะก็ ไม่ต้องไปไหนไกลครับ บิ้วนี้จะพาคุณไปใช้เวทย์แห่งความตายสาย Necrotic กันอย่างสาแก่ใจเลย 5555 ... ก่อนอื่นขอกล่าวสวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านอีกครั้งนะครับ พบกับผม Kingreader-K และบิ้วที่ 13 แล้ว ในรอบนี้ก็ยังไปไม่พ้นบิ้วนักเวทย์อีกเช่นเคย แต่ขอเปลี่ยน Theme จากนักเวทย์สายทำดาเมจธาตุ ให้กลายเป็นนักเวทย์สายมืดกันซักหน่อยครับ

โดยปกติ เวทย์สาย Necromancy นั้น ไม่ได้มีพวกที่ทำดาเมจแรงๆ สถานะดีบัฟดีๆ หรือสกิลเสริมให้ว้าวเหมือนกับธาตุอื่นๆ แต่หลายๆคนอาจจะยังไม่รู้ ว่ามีอุปกรณ์ชิ้นนึง ที่จะทำให้การร่ายเวทย์แห่งความตายของคุณนั้นแทบจะเป็นการร่าย Cantrips ไปเลย ... แถมคุณอาจจะยังไม่รู้ว่า เวทย์สาย Necromancy นั้น มีเวทย์ลับที่สามารถยิงลำแสงแห่งความตายได้ไกลถึง 30 เมตร!!! อ่านมาถึงนี่เริ่มสนใจบิ้วนี้กันแล้วรึยังครับ 5555+

ถ้าคุณชอบการร่ายเวทย์ทำดาเมจ Necrotic เลขเขียวๆตั้งแต่ 20-60 หน่วย ใส่ศัตรูแล้วล่ะก็ อย่าได้รอช้า ลงไปดูรายละเอียดการบิ้วนักเวทย์แห่งความตายนี้กันเลยครับ

การสร้างตัวละครที่ Level 01
Wizard Lv1

Origin/Race/Sub-Race - เอาจริงๆผมควรยกเลิกหัวข้อนี้นะ เพราะทุกครั้งแม้มันจะมีเผ่าที่ Min-Max ในการบิ้วได้ แต่ผมก็รู้สึกว่าการเลือกเผ่าที่คุณพอใจจะเล่น ยังไงก็ดีที่สุดครับ 5555

Class - Wizard ครับ เพราะส่วนตัวผมอยากได้ Int และ Wis Saving Throw แต่ถ้าคุณอยากได้ Wis กับ Cha ก็ไปอัพ Cleric ตามเวล 3-4 ก่อนก็ได้ครับ

Cantrips - เลือก 3 อัน ผมแนะนำอันที่ใช้โจมตีทั้งหมดครับ เพราะบิ้วนี้แทบจะอัพเหมือนกับบิ้ว 001 เลย แค่เปลี่ยน Subclass ที่เลือกเท่านั้น


Spells - เลือกอะไรก็ได้ครับ แล้วแต่สะดวกเลย เพราะสุดท้ายเวทย์จำเป้นทั้งหลายเราต้องเรียนเอาจาก Scrolls แทบทั้งนั้น


Abilities - แอบสปอยไว้ก่อนว่าบิ้วนี้เราไม่ได้อัพ Feat ASI หรืออันที่เพิ่ม Ability Score เลยนะครับ ดังนั้น ตอนเริ่มควรจะอัพให้ทุกค่าลงเลขคู่ไว้หมดเลยดีกว่าครับ ส่วนตัวผมแนะนำค่าดังนี้

Abilities
Score
Strength
10
Dexterity
14
Constitution
14
Intelligence
16
Wisdom
12
Charisma
10

Skills - เอาที่ชอบครับ แต่ผมก็แนะนำให้ลงกับสกิลที่ได้ผลจาก Int Modifier จะดีกว่า

จริงๆในเลเวลแรกนี้เราจะได้สกิล Arcane Recovery ของ Wizard มาด้วย แต่ก็ได้แค่ 1 แต้มและเอาไว้รี Slot เวทย์เวล 1 ได้แค่รอบเดียว เลยไม่ขอยกมาอธิบายอะไรมากนะครับ คาดว่าทุกท่านน่าจะพอใช้กันเป็นอยู่แล้ว 5555+

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 02
Wizard Lv2

Subclass - Necromancy เลยครับ ซึ่งนอกจากเราจะเรียนเวทย์สายนี้ได้ถูกลงแล้ว เราจะได้สกิลพิเศษอันนึงมาด้วย

Grim Harvest
เมื่อเราฆ่าศัตรูด้วยเวทย์ได้ เราจะฮีลตัวเองเป็นจำนวน สองเท่าของเลเวลเวทย์นั้นๆ ... และจะฮีลเป็นสามเท่าของเวลเวทย์เมื่อเป็นเวทย์แบบ Necromancy ... ซึ่งแน่นอนครับสำหรับบิ้วนี้ ที่เน้นยิงเวทย์ Necromancy เวล 6 เพื่อทำดาเมจเป็นหลัก ก็เรียกได้ว่าจะได้ฮีล 18 หน่วยแทบทุกเทิร์นครับ ถ้าคุณฆ่าศัตรูได้นะ ... มีผล 1 ครั้ง / 1 เทิร์น เป็นสกิลที่ได้ใช้งานตั้งแต่แรกๆยันท้ายเกมได้เลยครับ

Spells - เลือกเวทย์เวล 1 อะไรก็ได้ 2 อัน แต่ผมแนะนำ Find Familiar ไว้อันนึงครับ ถึงอาจจะไม่ได้มีประโยชน์ในช่วงต้นเกมมาก แต่ก็มีประโยชน์ตอนเราบิ้วเต็มนะ ไว้ผมจะอธิบายตอนวิธีเล่นอีกทีครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 03
Wizard Lv2 / Cleric Lv1

บอกแล้วว่าบิ้วนี้อัพแบบบิ้ว 001 ได้เลยครับ เพราะในเลเวลนี้เราจะมัลติคลาสไปที่ Cleric ต่อ

Cantrips - เหมือนเดิมครับ เลือกอะไรก็ได้ แต่ผมแนะนำว่าควรต้องเลือก Guidance ไว้อันนึง เพราะจะช่วยได้มากตอนเรา Skill Check ในบทสนทนาครับ


Subclass - Life Domain ครับ อาจจะขัดๆหน่อยเพราะชื่อบิ้วคือจ้าวแห่งความตายผู้พรากชีวิต แต่ก็อย่าลืมที่จะดูแลชีวิตตัวเองนะครับ 555+ ซึ่งคลาสย่อยอันนี้เหมาะมากทั้งในการดูแลชีวิตตัวคุณและเพื่อนในทีมครับ
Deity - เลือกเทพที่นับถือมา 1 องค์ อะไรก็ได้ครับตามชอบเลย
Prepare Spells - จริงๆมันเลือกทีหลังได้ แต่ผมแนะนำให้เลือก Sanctuary และ Inflict Wounds เพราะอันนึงเอาไว้ใช้ในการป้องกันตัวเอง อีกอันก็เอาไว้ทำดาเมจใส่ศัตรูที่เข้ามาประชิดตัวเราได้ดีครับ แถม Inflict Wounds ยังเป็นเวทย์สาย Necromancy ด้วยนะ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 04
Wizard Lv2 / Cleric Lv2

ในเลเวลนี้เราจะได้สกิลสำคัญสำหรับการดูแลตัวเองมา นั่นก็คือ ...

Preserve Life
ใช้แต้ม Channel Divinity ของ Cleric 1 แต้ม เพื่อฮีลตัวเองและเพื่อนในระยะ 9 เมตร เป็นจำนวน 3xเลเวลตัวละครของคุณ ... ซึ่งก็หมายความว่าคุณจะสามารถฮีลได้สูงสุด 36 แต้มในตอนเลเวล 12 เป็นสกิลฮีลหมู่ที่ดีที่สุดในเกมแล้วครับ เพราะฮีลเป็นหน่วยตายตัว ไม่ได้ทอยเต๋าอะไร แถมยังนับตามเลเวลตัวละครด้วย ซึ่งก็หมายความว่า เราสามารถหยุดอัพ Cleric ไว้ที่ตรงนี้ได้เลย

แต้ม Channel Divinity ที่เราจะใช้ได้ ณ Cleric Lv2 นั้นมีแค่ 1 แต้มครับ แต่เราสามารถเพิ่มได้จากสร้อยที่จะใส่ และแต้มจะรีให้ทุกครั้งที่เรา Short Rest ซึ่งก็หมายความว่า ใน 1 Long Rest เราจะใช้สกิลนี้ได้ทั้งหมด 6 ครั้งเลยเชียวล่ะ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 05
Wizard Lv2 / Cleric Lv2 / Sorcerer Lv1

เอาล่ะ เราจะมามัลติคลาสต่อกันอีกรอบแบบบิ้ว 001 เช่นเดิมครับ ... เล่นนักเวทย์แล้วจะขาดคลาส Sorcerer ไปได้ไง

Cantrips - อะไรก็ได้ครับ แต่ใช้ Concept เดียวกับบิ้ว 001 คือเน้นเลือก Utilities เป็นหลักเลย เพราะเราไม่ได้อัพ Cha มาทำให้ไม่เหมาะกับการร่ายเวทย์โจมตีครับ


Spells - หลักการเดียวกับ Cantrips เลย Utilities ไว้ก่อน แต่ผมแนะนำ Shield ไว้อันนึงนะ


Subclass - Draconic Bloodline ครับ เพื่อประโยชน์หลักๆสองอย่างคือ
> Draconic Resilience - ให้ผลเหมือน Mage Armour คือถ้าเราไม่ใส่เกราะจะมี AC จาก 10 เป็น 13 และไม่ Stack กับเวทย์ Mage Armour ครับ หรือพูดง่ายๆก็คือ เราไม่ต้องคอยร่ายเวทย์ Mage Armour ให้เปลือง Slot เวทย์ครับ
> Draconic Resilience: Hit Points - จะเพิ่ม HP สูงสุดของเรา 1 หน่วยต่อ 1 เวลคลาส Sorcerer ครับ ก็ถือว่าเป็นโบนัสเพิ่มความอึดได้ดีเพราะเราต้องอัพคลาสนี้กันถึง 8 เวลครับ


Dragon Ancestor - ผมเลือก Green เพราะเอาเวทย์ Ray of Sickness มาเผื่อใช้ครับ แต่ต้องการ Affinity ธาตุพิษเผื่อไว้ในยามที่ต้องการ Resistance ดาเมจพิษครับ แต่จะเลือกอย่างอื่นก็ได้นะครับ ตรงนี้ไม่ติดอะไร

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 06
Wizard Lv2 / Cleric Lv2 / Sorcerer Lv2

Spells - เลือกเวทย์เวล 1 อีก 1 อย่าง สาย Utilities เช่นเดิมครับ

Class Passives - มาถึงส่วนสำคัญที่เป็นเหตุผลหลักให้เรา Multi-class มาเลือกใช้ Sorcerer ครับ นั่นก็คือ Metamagic นั่นเองงงง! อันนี้ผมจะขอยกคำอธิบายจากบิ้ว 001 มาเลยนะครับ แต่บิ้วนี้อาจจะไม่ได้เลือกเหมือนกับบิ้วนู้นนะ แต่จะเหมือนบิ้ว 012 แทน

Metamagic
คือระบบ Passive เฉพาะตัวของ Sorcerer ที่สามารถใช้แต้ม Sorcery Point ของคลาส (ได้เพิ่ม 1 แต้มทุกเลเวลของ Sorcerer ที่อัพ) ปรับเปลี่ยนการใช้เวทย์ของเราได้ เช่น ยิงเวทย์ได้ไกลขึ้น, ใช้เวทย์ที่ปกติยิงใส่ได้ตัวเดียว สามารถยิงใส่ได้สองตัว เป็นต้น ดังนั้น คุณจะมีทางเลือกในการใช้เวทย์หลากหลายสุดๆ

โดยในเวลนี้ เราจะสามารถเลือก Metamagic ได้ 2 อย่าง ซึ่งผมแนะนำ 2 อันตามนี้

Metamagic: Careful Spell - สำหรับบิ้วเวทย์ AOE ที่ต้องยิงใส่ในโซนที่มีทีมงานเราอยู่ด้วย คุณสามารถใช้แต้ม Sorcery Point 1 แต้ม ในการช่วยให้เพื่อนในทีมผ่าน Saving Throw โดนดาเมจลดลงครึ่งนึงได้ อาจจะดูไม่ได้ดีมากเหมือน Sculpt Spell ของ Evocation Wizard ที่ทำให้เพื่อนไม่โดนดาเมจเลย แต่ก็สามารถช่วยเพื่อนให้รอดจากความตายได้เลย ... สำหรับบิ้วนี้อาจจะอยู่ในขั้นจำเป็นต้องเลือกอันนี้เลยนะครับ เพราะบางครั้งการลดดาเมจที่โดนลงได้ครึ่งนึงจะช่วยชีวิตเราและเพื่อนไว้ได้เยอะเลยล่ะ


Metamagic: Twinned Spell - สำหรับเพิ่มเป้าหมายในการใช้เวทย์ที่ปกติเราใช้ใส่ได้แค่เป้าหมายเดียว โดยใช้แต้ม Sorcery Point 1 แต้มต่อเลเวลของเวทย์นั้นๆ … โดยในบิ้วนี้ จะใช้สำหรับการร่าย Haste ใส่เพื่อนได้ 2 คนหรือ Hold Person/Monster ใส่ศัตรูได้ 2 ตัว ซึ่งก็ถือว่าเป็น Option ในการใช้เวทย์ที่ดีมากๆครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 07
Wizard Lv2 / Cleric Lv2 / Sorcerer Lv3

Spells - เลือกเวทย์เวล 2 ครับ โดยผมแนะนำ Misty Step เวทย์วาร์ปอเนกประสงค์โดยใช้แค่ Bonus Action เท่านั้น มีไว้เพื่อให้ใช้เข้าออกพื้นที่ต่างๆได้ง่ายขึ้นครับ


Class Passives - มาเลือก Metamagic อีก 1 อัน ขอล็อคคอเลือกเหมือนเดิมนะครับ เพราะอันนี้ดีและจำเป็นมากๆ

Metamagic: Quickened Spell - สำหรับการใช้แต้ม Sorcery Point 3 แต้ม แลกกับการร่ายเวทย์โดยใช้แค่ Bonus Action แทน สำหรับบิ้วนักเวทย์สายโจมตีแล้ว อันนี้ถือว่าใช้คุ้มกว่าบิ้วอื่นๆเลยครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 08
Wizard Lv2 / Cleric Lv2 / Sorcerer Lv4

Cantrips - เลือกอะไรก็ได้ครับ


Spells - เลือกเวทย์เวล 2 อีก 1 อัน อะไรก็ได้อีกเช่นเคย


Feat - ในบิ้วนี้เราจะเลือก Feat ได้สองอันครับ ซึ่งจะเลือกอันไหนก่อนก็แล้วแต่คุณได้เลย ส่วนตัวผมเลือก Dual Wielder ก่อน เพราะจะทำให้เราถือไม้เท้าเวทย์ได้ 2 อัน แถมยังได้ AC+1 ตอนถือทั้งสองข้างด้วย


การอัพเกรดตัวละครที่ Level 09
Wizard Lv2 / Cleric Lv2 / Sorcerer Lv5

Spells - ตอนนี้เราจะเลือกเวทย์เวล 3 ได้แล้ว ซึ่งมี 2 อันที่ผมขอแนะนำให้เลือก นั่นก็คือ
> Counterspell - เวทย์ Anti Magic ที่ใช้ได้ผลดีสุดๆ เมื่อศัตรูร่ายเวทย์เราจะสามารถใช้ Reaction ในการป้องกันการร่ายเวทย์นั้นของศัตรูได้ โดยศัตรูจะเสีย Action Point และ Spell Slot ในการร่ายเวทย์นั้นไปฟรีๆเลย ถือว่าเป็นของดีที่คุณคู่ควรครับ
> Haste - เวทย์ที่สำคัญมากๆสำหรับทุกคน เพราะจะเพิ่ม Action Point ให้กับคนที่เราร่ายใส่อีก 1 แต้ม หมายความว่า คุณจะสามารถยิงเวทย์ได้อีก 1 ชุดเลย แต่เวทย์นี้ต้องการ Concentration นะครับ ดังนั้นจะใช้กับเวทย์ที่ต้อง Concentrate ไปด้วยไม่ได้นะ

ในเลเวลนี้คุณจะเลือกได้อันเดียวก่อน ก็ให้เลือกอะไรก่อนก็ได้ครับ เพราะสดท้ายในเลเวลถัดไปเราจะได้เลือกอีกอันที่เหลืออยู่แล้ว

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 10
Wizard Lv2 / Cleric Lv2 / Sorcerer Lv6

ในเลเวลนี้เราจะได้สกิลของ Subclass มาอีกสองอย่าง คือ Elemental Affinity: Damage และ Elemental Affinity: Resistance แต่เนื่องจากไม่ค่อยได้ใช้หรือมีประโยชน์อะไร ผมเลยขอยกไว้ ไม่อธิบายเพิ่มเติมนะครับ


Spells - เลือกเวทย์เวล 3 อีกอันที่ยังไม่ได้เลือกได้เลย

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 11
Wizard Lv2 / Cleric Lv2 / Sorcerer Lv7

Spells - เลือกเวทย์เลเวล 4 ครับ เช่นเดิม สาย Utilities เป็นหลัก

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 12
Wizard Lv2 / Cleric Lv2 / Sorcerer Lv8

มาถึงเลเวลสุดท้ายกันแล้ว ก็ไม่ได้เลือกอะไรมากครับ หรือเพราะผมพยายามทำให้มันกระชับขึ้นก็ไม่รู้นะ 555+

Spells - เลือกเวทย์เลเวล 4 อีกอันนึง


Feat - อันนี้ผมแนะนำกึ่งล็อคคอให้เลือกเป็น War Caster ครับ เพราะจะช่วยให้เราหลุด Concentrate ได้ยากกว่าเดิมเยอะมากเพราะจะได้โรลเป็น Advantage ตลอด ช่วยได้มากเวลาที่คุณโดนศัตรูโจมตีหรือโดนเวทย์ Circle of Death ของตัวเองครับ

Equipment อุปกรณ์สวมใส่ที่จำเป็น
MINOR SPOILER ALERT!!!

สำหรับอุปกรณ์สวมใส่ที่จำเป็นนี่ ยังไงก็คงหลีกเลี่ยงการสปอยได้ยาก ... แต่ก็เช่นเดิม ผมจะทำแถบปิด Spoiler เอาไว้ และจะ Spoil ให้น้อยที่สุดครับ

หากใครกลัวพลาดหรือแค่อยากรู้ว่าชิ้นไหนทำอะไรได้บ้างจริงๆ ให้ข้ามไปดูสรุปข้อมูลได้เลย

Helmet ส่วนหัว/หมวก
Hood of the Weave

ซื้อได้จาก Mystic Carrion ใน Philgrave's Mansion ใน Act 3 ... โดยเราสามารถเข้าไปได้หลายทางครับ แต่ทางที่ดีที่สุด คือ เข้าทางประตูลับด้านข้าง โดยใช้ Arcana เช๊คหรือไม่ก็ร่าย Knock เปิดไปเลยก็ได้ ซึ่งพอเข้าไปแล้วให้คุยกับ Mystic Carrion แล้วเข้าไปซื้อมาได้เลยครับ

Cloak ส่วนผ้าคลุม
Cloak of The Weave

ซื้อได้จาก Helsik ใน Devil's Fee ใน Act 3 ... โดยเราต้องรู้ข้อมูลเรื่องที่เธอรับใช้ Mammon และเป็นคนเปิดประตูสู่นรกชั้น Avernus ให้กับ Gortash เธอถึงจะยอมขายของพิเศษให้เรา รวมถึงผ้าคลุมนี้ด้วย

Armor/Clothing ส่วนเกราะ/ชุด
Robe of the Weave

หาได้จากหอคอย Ramazith’s Tower ใน Act 3 ... จากชั้นที่เจอกับ Lorroakan ให้ลงไป 1 ชั้น (กระโดดเหยียบตามเฟอร์นิเจอร์ที่ลอยอยู่) จากนั้นให้ร่ายเวทย์ See Invisible ลองส่องหาป้ายของปุ่มที่ชื่อว่า ‘Below’ พอกดปุ่มนั้น จะพาเราวาร์ปลงไปข้างล่าง แล้วเราจะเจอเสื้อนี้อยู่ในม่านพลังเวทย์ ด้านตรงข้ามกับไม้เท้า Markoheshkir ที่เราต้องใช้เหมือนกัน โดยเราต้องผ่าน Arcana Skill Check 20 ถึงจะปลดม่านเวทย์มนต์เพื่อให้เข้าไปหยิบของได้

Gloves ส่วนถุงมือ
Helldusk Gloves

หาได้จาก House of Hope ใน Act 3 ... ดรอปจากปีศาจที่ชื่อว่า Haarlep ในห้องที่มีสระน้ำฟื้นพลัง ให้เดินไปด้านหลังสระจะเจอมันนอนอยู่บนเตียงครับ

Boots ส่วนรองเท้า
Bonespike Boots

หาได้จากหีบไม้ Wooden Chest ที่อยู่ทางทิศตะวันตกของ Rivington ใน Act 3 ... ในทางผ่านที่จะไปเจอเรือที่พวกสมุนของ The Guild กำลังจะตีกับพวกสมุนของ Stonelord

Amulet ส่วนสร้อยคอ
Amulet of The Devout

หาได้จากชั้นใต้ดินของโบสถ์ Stormshore Tabernacle ใน Act 3

Rings ส่วนแหวน
Ring of Regeneration

หาซื้อได้จาก Sorcerous Sundries ใน Act 3 ... ขายโดยร่างจำแลงของ Lorroakan หรือ Rolan ถ้ายังเขายังมีชีวิตรอดจาก Act 1 และ 2 มาได้

The Whispering Promise

ไอ้แหวนนี่ในข้อมูลหาซื้อได้หลายที่มากครับ ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่าไปซื้อมาตอนไหนเหมือนกัน 555 ยังไงก็ลองดูตามรายชื่อนี้ครับ
- Volo ที่ Druid Grove ใน Act 1
- Grat the Trader ที่ Goblin Camp ใน Act 1
- Roah Moonglow ที่ Moonrise Towers ใน Act 2

Melee Weapon ส่วนอาวุธประชิด
Staff of Cherished Necromancy

ลูทได้จาก Mystic Carrion ใน Philgrave's Mansion ที่ Act 3 ... ก่อนฆ่าอย่าลืมซื้อของและทำเควสที่เกี่ยวกับมันให้เสร็จก่อนนะครับ

Woe

หาได้จาก Cazador Szarr ที่ Act 3 ... หลังจากทำเควสไลน์ของ Astarion ที่ชื่อ The Pale Elf จบจะได้มาครับ

Loviatar's Scourge

หาได้จาก Abdirak ใน Shattered Sanctum ที่ Act 1 ... ถ้าเราจะจัดการพวกก็อปลินให้ฆ่ามันลูทของก่อนจะจัดการพวกหัวหน้าก็อปลินครบ 3 ตัวครับ

Range Weapon ส่วนอาวุธระยะไกล
Gontr Mael

หาได้จาก Steel Watch Foundry ใน Act 3 … ดรอปจากบอส Steel Watch Titan หลังจัดการแล้วอย่าลืมเก็บมานะครับ เพราะถ้าเราเลือกระเบิดโรงงานแล้วจะกลับเข้าไปอีกไม่ได้แล้วครับ
สรุปความจำเป็นของอุปกรณ์แต่ละชิ้น
Hood of the Weave - ใส่เพื่อเพิ่ม Spell Save DC และ Spell Attack Roll +2
Cloak of The Weave - ใส่เพื่อเพิ่ม Spell Save DC และ Spell Attack Roll +1 และได้สกิล Absorb Element มาเพิ่ม เวลาเราโดนโจมตีด้วยธาตุใด เราจะสามารถดูดซับดาเมจครึ่งนึงมาแปลงเป็นดาเมจธาตุนั้นในการโจมตีคร้งถัดไปของเรา
Robe of the Weave - ใส่เพื่อเพิ่ม Spell Save DC และ Spell Attack Roll +1 แถมยังได้ AC+2 ฟรีๆ แถมถ้าเรา Saved จะเวทย์ฝั่งศัตรู เราจะได้ฮีล 1-6 หน่วย
Helldusk Gloves - ใส่เพื่อเพิ่ม Spell Save DC และ Spell Attack Roll +1
Bonespike Boots - ใส่เพื่อเพิ่ม AC+1 และ Saving Throw+1 เวลาไม่ได้ใส่เกราะ
Amulet of The Devout - ใส่เพื่อเพิ่ม Spell Save DC +2 และได้แต้ม Channel Divinity เพิ่มอีก 1 แต้มด้วย อันนี้ดีสุดๆ
Ring of Regeneration - ใส่เพื่อฮีลตัวเองในทุกๆเทิร์น จำเป็นไม่น้อยครับ เพราะบิ้วนี้เราจะหลบเวทย์ Circle of Death ของตัวเองได้ยากมากๆเพราะความกว้าง AOE 9 เมตร แถมมันยังต้องเล็งที่ตัวศัตรูหรือตัวเราด้วย ดังนั้น โอกาสโดนลดเลือดเพราะเวทย์ตัวเองมีสูงครับ
The Whispering Promise - ใส่เพื่อเวลาฮีลตัวเองหรือเพื่อน คนๆนั้นจะได้บัฟสกิล Bless (+1-4 Attack Roll และ +1-4 Saving Throw) เป็นเวลา 2 เทิร์น เมื่อใช้คู่กับแหวนฮีลก็จะทำให้เราได้ Bless ทุกๆเทิร์น
Staff of Cherished Necromancy - ไม้เท้าเทพสำหรับสาย Necromancy ครับ เพราะจะทำให้ศัตรูติด Disadvantage ของ Saving Throw เวลาเราใช้เวทย์ Necromancy แต่ไอ้ที่สำคัญจริงๆคือสกิล Life Essence Harvest ครับ ... ซึ่งสกิลนี้จะทำให้เราได้ชาร์จ Life Essence มาหลังจากใช้เวทย์ฆ่าสิ่งมีชีวิตใดๆ และ Life Essence นี้จะอยู่ยาวยัน Long Rest เลยครับ ... โดยในขณะที่เรามี Life Essence อยู่เราจะสามารถใช้สกิล Consume Life Essence เพื่อร่ายเวทย์ Necromancy ทุกอย่างแบบไม่ใช้ Slot เวทย์ได้ ... ย้ำว่าเวทย์ Necromancy ทุกอย่างครับ แถมชาร์จ Life Essence ไม่ลดด้วย ไม่รู้ว่าบั๊กหรือจงใจ แต่การมี Life Essence อยู่แค่ 1 จะทำให้คุณสามารถร่ายเวทย์สาย Necromancy ได้อย่างไม่จำกัดครับ โกงสุดๆเลยล่ะ อันนี้ถูกแก้แล้วใน Patch หลังๆ ซึ่งเราจะใช้ Life Essence ได้แค่ครั้งเดียวครับ หลังจากนั้นต้องฆ่าศัตรูใหม่อีกตัวถึงจะได้ Life Essence ให้วนกลับมาใช้ใหม่ได้
Woe - ใส่เพื่อเพิ่ม Spell Save DC และ Spell Attack Roll +1 แถมถ้าศัตรูเฟล Saving Throw จากเวทย์ของเรา เราจะได้ฮีล 1-4 หน่วยด้วย
Loviatar's Scourge - ไม่ได้ใช้ตีแต่ในกรณีที่ไม่ได้ใช้เวทย์ Warding Bond ใส่ตัวเราไว้ เราจะได้ Resistance ดาเมจ Necrotic จากการถือกระบองนี้ครับ เอาไว้ลดการโดนดาเมจของเวทย์ตัวเองได้ แถมได้มาตั้งแต่ช่วง Act 1 ด้วย
Gontr Mael - ใส่เพื่อเอาสกิล Celestial Haste ของธนูนี้เท่านั้นครับ ซึ่งให้ผลเหมือน Haste เลยแต่ตอนหลุด Concentrate จะไม่ทำให้มึน และระยะเวลามีผลแค่ 5 เทิร์นครับ
Items อื่นๆที่จำเป็นสำหรับบิ้ว
Scroll of Necromancy Spells

เนื่องจากเราจำใช้เวทย์สาย Wizard ในการยิงใส่ศัตรูเป็นหลัก แต่เราอัพมาแค่เวล 2 ดังนั้นก็ต้องหาคัมภีร์ทั้งหลายมาเรียนเวทย์กันครับ ซึ่งส่วนใหญ่หาซื้อได้จาก Sorcerous Sundries และผมแนะนำเวทย์ที่ต้องเรียนไว้ ดังนี้
  • Animate Dead - สำหรับเอาไว้เรียกสมุน Undead จากศพศัตรูได้
  • Blight - สำหรับเอาไว้ทำดาเมจระยะกลางใส่ศัตรูตัวเดียวแบบแรงๆ
  • Circle of Death - สำหรับเอาไว้ทำดาเมจวงกว้างใส่ศัตรู โดยมีระยะ AOE สูงถึง 9 เมตรเลยทีเดียว


Scroll of Dethrone

คัมภีร์เวทย์ลับที่คุณสามารถหาได้จาก Sorcerous Vault ของทางฝั่ง Karsus ซึ่งจะมีคัมภีร์นี้อยู่ 2 ม้วน เป็นเวทย์ทำดาเมจ Necrotic ระยะไกลมากๆ เรียกได้ว่าไกลที่สุดในเกมก็ได้ เพราะมีระยะการยิงถึง 30 เมตร แถมยังสามารถทำดาเมจ Necrotic ได้ถึง 30-80 หน่วย ... เสียแค่สามารถยิงได้ 1 ครั้ง / 1 Long Rest เท่านั้นครับ ... สำหรับนักเวทย์ผู้ชื่นชอบเวทย์ Necromancy แล้ว ยังไงก็ต้องมีไว้ใช้งานเลย


Elixir of Bloodlust

ยาเทพที่ทุกคนต้องมี ผลของมันคือ เมื่อฆ่าศัตรูได้ จะได้ Action Point คืนมา 1 แต้ม มีผล 1ครั้ง/1เทิร์น นั่นหมายความว่า ถ้าคุณฆ่าศัตรูได้ในเทิร์นนั้น คุณจะเวทย์ฟรีได้อีก 1 ครั้งครับ


Spellcrux Amulet

สร้อยที่สามารถฟื้น Spell Slot เวลใดก็ได้ ได้จำนวน 1 ครั้ง ถือว่าเป็นสร้อยสำรองที่ต้องพกติดตัวไว้เลยครับ หาได้จากคุกของ Moonrise Tower ใน Act 2 ครับ อย่าพลาดเชียวล่ะ อันนี้ของดีจัดๆ


Pearl of Power Amulet

เหมือนกับ Spellcrux Amulet ครับ แต่รี Spell Slot ได้แค่เวล 1 2 3 เท่านั้น เป็นสร้อยสำรองที่ดีอีกอันนึง เพราะบิ้วเรามีเวทย์ถึงแค่เวล 4 เอง หาซื้อได้จาก Omeluum ที่ Myconid Colony ใน Underdark ของ Act 1 ครับ
Illithid Powers & Passive Bonus ที่จำเป็น
MAJOR SPOILER ALERT!!!

จริงๆถึงไม่มีพวกนี้ก็เล่นได้ แต่ผมแนะนำว่าถ้าอยากไปให้สุดก็ควรต้องมีบัฟและสกิลพวกนี้ครับ ผมจะแบ่งออกเป็นสองส่วนหลักๆก่อน คือ 1.Illithid Powers ที่จำเป็นและ 2.Permanent Passive Buff ที่จำเป็นสำหรับบิ้วนี้

Illithid Powers ที่จำเป็นกับบิ้วนี้

Luck of the Far Realms
เมื่อเราโจมตีศัตรูโดน จะสามารถบังคับติด Critical ได้ ใช้ได้ 1 ครั้ง / 1 Long Rest ถือว่าเป็นสกิลที่จำเป็นสำหรับสายคริเลยครับ ... และในบิ้วนี้ เวทย์อย่าง Inflict Wounds นั้นก็สามารถติดคริได้นะ ดูตัวอย่างในหมวด Bonus ได้ครับ
Cull the Weak
เมื่อเราลดเลือดศัตรูให้ต่ำกว่าจำนวน Tadpole ในหัวเรา ศัตรูจะตายทันทีและระเบิดทำดาเมจพลังจิตใส่ศัตรูใกล้เคียงอีก 1-4 หน่วย เป็นสกิลที่ดีมาก สำหรับคนที่ใช้พลังของ Tadpole เยอะๆอยู่แล้ว เพราะถ้าคุณอัพเกรดจนครบ แค่คุณลดเลือดศัตรูลงมาเหลือแค่นิดหน่อยก็สามารถฆ่าศัตรูตัวนั้นได้ทันที พูดง่ายๆคือ ยิ่งใช้หนอนมาก สกิลนี้ก็ยิ่งได้ผลดีมากขึ้น และบอกลาความเซ็งตอนศัตรูเหลือเลือด 1 ไปได้เลย
Freecast
ตามชื่อครับ เราจะร่ายเวทย์ฟรีได้ 1 ครั้ง จะอัพไปสกิลนี้ได้ เราต้องเลือกยอมเปิดใจรับพลังจาก Astral Tadpole ที่ได้จาก The Emperor ในตอนต้น Act 3 ครับ
Mind Sanctuary
ในกรณีที่แต้ม Sorcery Point ของคุณหมด ... ให้ใช้สกิลนี้แทนได้ครับ โดยมันจะสร้างโดมพลังจิตขึ้นมา ทำให้เราสามารถใช้สกิลทั้งหลายด้วย Action หรือ Bonus Action ก็ได้ แถมเพื่อนที่อยู่ในระยะโดมนี้ก็จะได้ผลไปด้วย ข้อเสียคือ ถ้าศัตรูเข้ามาในโดมนี้มันก็จะได้ผลของสกิลเช่นกันครับ
Fly
อีกสกิลที่ตรงตามตัวเป๊ะๆเลย ทำให้เราสามารถเคลื่อนที่ได้ดีกว่าเดินปกติมากๆ ซึ่งสกิลนี้จะได้มาฟรีๆ เมื่อเรายอมเปิดใจรับพลังจาก Astral Tadpole ที่ได้จาก The Emperor ในตอนต้น Act 3 ครับ (แต่ต้องยอมลดสวยลดหล่อ มีเส้นเลือดดำขึ้นหน้านะ 5555)

Permanent Passive Buff ที่จำเป็นกับบิ้วนี้

[Act 1] Passive: Awakened จากเครื่อง Zaith'isk ใน Crèche Y'llek
บัฟนี้จำเป็นมากๆสำหรับคนที่ใช้พลัง Tadpole และไม่ค่อยได้ใช้ Bonus Action เป็นดาเมจหลัก เช่น พวกนักเวทย์ทั้งหลาย และบิ้วนี้ก็เช่นกันครับ ... เมื่อคุณ Awakened แล้วมันจะทำให้ Illithid Powers ทุกอย่างที่ใช้ Action Point มาใช้ Bonus Action แทน ถือว่าเป็นทางเลือกในการใช้ Bonus Action ที่ดีครับ แต่ยังไง ถ้าเล่นตี้ก็ต้องลองดูความจำเป็นและเหมาะสมของ Role คนในทีมด้วยนะครับ บางคนอาจจะต้องการมันมากกว่าเรานะ

[Act 3] Abilities+2 จากกระจก Mirror of Loss
หลังจากทำเควสของ Shadowheart ใน House of Grief แล้ว เข้าไปห้องด้านในที่เจอพ่อแม่ของน้อง จะมีกระจก Mirror of Loss อยู่ ตรงนี้ผมแนะนำให้เซฟไว้ก่อนนะครับ เพราะกระจกนี่ต้องผ่าน Skill Check หลายรอบมาก ผมจะเรียงไว้ให้คร่าวๆประมาณนี้
1. การ Activate กระจก ต้องผ่าน Skill Check สองอย่างคือ Religion (DC20) และ Arcana (DC25)
2. หลัง Activate กระจกแล้ว คนที่จะเพิ่ม Stat ต้องผ่าน Skill Check Religion (DC25) ของใครของมันเป็นรายบุคคลไป
3. หลังจากผ่านเช๊คทั้งหมดแล้ว เราจะสามารถมอบ Abilities 1 ใน 6 อันไหนก็ได้ของเราให้กับกระจก 2 แต้ม แล้วจะสามารถเลือกเพิ่ม Abilities 1 ใน 6 อันไหนก็ได้ของเรา 2 แต้มแทน เช่น คุณอาจะแลก Wis-2 แล้วเอา Cha+2 แทน
4. หลังจากเลือกได้แล้ว ให้ใช้ Remove Curse ลบคำสาปที่โดน -2 อยู่ ก็จะทำให้เรามีบัฟ +2 Abilities ที่เราเลือกไว้ฟรีๆอย่างถาวรครับ
5. ทำซ้ำข้อ 2-4 กับตัวละครอื่นๆได้ ยกเว้นจะเฟล Skill Check คนนั้นจะอดบัฟนี้ไปเลยถาวรครับ

ข้อนี้ให้เราเลือก Int+2 จะทำให้เรามี Int รวมเท่ากับ 18 ครับ
วิธีการเล่นของบิ้วนี้โดยละเอียด
Role และแนวทางการเล่น
เป็นอีกหนึ่งบิ้วที่มาทาง Offensive Caster ครับ แต่แอบเป็น Support Healer ได้นิดหน่อย สมกับเป็นบิ้วที่เกี่ยวข้องกับชีวิตและความตายจริงๆ แต่เนื่องจากเป็นแนวหลัง ก็ยังคงไว้ซึ่งจุดอ่อนเดิมๆครับ เช่น ไม่สามารถยืนรับดาเมจได้ และการโดนนักเวทย์ศัตรู Counterspell ใส่นี่ก็เป็นอะไรที่หงุดหงิดได้ไม่น้อยเลย โชคยังดี ที่บิ้วนี้จะร่ายเวทย์เลเวล 6 ซะส่วนใหญ่ ทำให้หลายๆครั้ง Counterspell ของศัตรูก็ไม่เป็นผลครับ

สำหรับคนที่เคยชินกับบิ้วผม หรือเล่นสายนักเวทย์มาเยอะๆก็น่าจะพอรู้แล้วว่าจะต้องเตรียมตัวยังไง ... แต่สำหรับใครที่ยังไม่รู้ หรือไม่มั่นใจว่าจะต้องทำยังไง ไม่ต้องกังวลไปครับ อ่านคำอธิบายด้านล่างนี้ได้เลย

การเตรียมพร้อมแบบ Step by Step
1. กินยา Elixir of Bloodlust
สรรพคุณตามที่แจ้งไว้แล้ว การได้ Action Point คืนในเทิร์นๆนึงนี่คือ การยิงเวทย์เพิ่มได้ 1 ครั้งเลย
2. ใช้สกิล Create Sorcery Points เพิ่มแต้มด้วย Slot เวทย์ปกติเวล 1, 3 และเวล 5 อย่างละ 1 ครั้ง
เนื่องจากเราต้องใช้ Metamagic ทั้ง 3 อันที่เลือกไว้บ่อยๆ ทำให้บิ้วนี้อาจจะต้องเพิ่มแต้มไว้ให้เยอะๆครับ จะได้ไม่ต้องไปเสียเวลาและ Bonus Action สลับสับเปลี่ยน Resource เวทย์ระหว่างไฟท์
3. ใส่สร้อย Spellcrux Amulet และ Pearl of Power Amulet เพื่อรี Slot เวทย์เวล 3 และ 5 คืนมา
ถ้าคุณมีไอเท็มที่ผมแนะนำ 2 อันนี้ ก็เอามารี Slot เวทย์คืนได้ครับ เพราะเราอาจจะต้องใช้เวทย์พวกนี้ในการร่าย Haste และ Counterspell แต่ถึงไม่มีก็ไม่ได้ซีเรียสมากครับ
4. ใช้เวทย์ Find Familiar เรียกสัตว์มา 1 ตัว แล้วฆ่าให้ตายด้วย Spells หรือ Cantrips
ใช่ครับ อันนี้ของใหม่เฉพาะบิ้วนี้เลย ยังจำเรื่อง Life Essence ของไม้เท้าที่ผมกล่าวถึงในหมวดอุปกรณ์ได้มั๊ยครับ นี่คือการเพิ่ม Life Essence 1 ชาร์จให้เราสามารถใช้เวทย์ Necromancy แบบโปรอันลิมิตครับ ... หากใครยังงง ลองดูคลิป How to Play ในหมวด Bonus ได้นะ
5. ก่อนเข้า Combat ให้ร่าย Haste/Celestial Haste ใส่ตัวไว้
อันนี้จะทำหรือไม่ก็ได้ แต่แนะนำให้ทำครับ เพราะเวทย์หมู่วงกว้างอย่าง Circle of Death ไม่ได้รุนแรงมากนัก อาจจะต้องร่ายหลายรอบเพื่อฆ่าศัตรู ... และการร่ายเวทย์ได้มากขึ้น 1 ครั้งก็ดีกว่าเห็นๆอยู่แล้วครับ

การใช้งานบิ้วนี้ในการต่อสู้แบบ Step by Step
1. เปิดสกิล Consume Life Essence ร่ายเวทย์สาย Necromancy เลเวล 5-6 เพื่อฆ่าศัตรูอย่างน้อยหนึ่งตัว
เพื่อให้ยา Bloodlust ทำงานให้เรามี Action Point เพิ่มอีก 1 แต้ม และให้เราได้ฮีลตัวเอง 15-18 หน่วยจากสกิล Grim Harvest ด้วยครับ โดยคุณจะใช้เวทย์ไหนก็ได้ เพราะการเปิด Consume Life Essence จะไม่ทำให้คุณเสีย Slot เวทย์แต่อย่างใด และผมแนะนำให้ร่ายด้วยเลเวล 6 เท่านั้นครับ เพื่อให้ได้ดาเมจสูงสุดเท่าที่ทำได้ ... ในส่วนนี้จะมีเวทย์หลายอย่างให้คุณได้เลือกใช้ตามสถานการณ์ แต่ผมจะแนะนำเวทย์ 4 อันนี้ครับ

1.1 Circle of Death Lv6 เพื่อกำจัดศัตรูเป็นกลุ่ม
เป็นเวทย์พื้นๆแต่ได้ผลดีมากๆครับ โดยคุณจะต้องร่ายใส่ศัตรู, เพื่อน หรือสิ่งมีชีวิตเท่านั้น ไม่สามารถร่ายใส่พื้นที่โล่งๆได้ แต่ระยะ 9 เมตรของเวทย์นี้นั้นก็กว้างมากๆ ชนิดที่ว่าคนร่ายเองอาจจะไม่พ้นระยะ แต่ข้อเสียคือ เวทย์นี้มีดาเมจอยู่ที่ 8-48 หน่วยเท่านั้น ทำให้ดาเมจเฉลี่ยจะตกอยู่ราวๆ 20-30 หน่วย ทำให้ไม่สามารถฆ่าศัตรูช่วงท้ายเกมได้ในการร่ายแค่ครั้งเดียว แต่การทำดาเมจ 20-30 หน่วยใส่ศัตรูซัก 10 ตัวนี่ก็ไม่ใช้ขี้ๆนะครับ 5555+ ดังนั้นหากคุณเจอศัตรูเป็นกลุ่มก้อนอย่าลืมใช้เวทย์นี้นะครับ

อ่อ ทริคอีกอย่างคือ ถ้าศัตรูอยู่ห่างกันเกินไปและเราก็ไม่สามารถร่ายใส่พื้นได้ ให้คุณเดินไปอยู่จุดที่จะร่าย แล้วใช้ Metamagic: Careful Spell ร่ายเวทย์นี้ใส่ตัวเองครับ (ดูตัวอย่างในคลิปเทสรันได้นะ)


1.2 Dethrone Lv5 + Twinned Spell เพื่อยิงใส่ศัตรู 2 ตัว
เวทย์ลับระยะยิงไกลสุดในเกม ที่สามารถใช้ได้แค่ครั้งเดียว / 1 Long Rest ดังนั้นเราต้องใช้ให้คุ้มครับ โดยการยิงใส่มันสองตัวไปเลย เหมาะกับการยิงใส่ศัตรูที่อยู่ห่างกันมากๆ 2 ตัว ซึ่งแต่ละตัวจะโดนดาเมจ 30-80 หน่วย (เฉลี่ยประมาณ 50-60 หน่วยถ้าไม่ติด Saved) ดังนั้นเวทย์นี้มีความแรงอยู่ครับ สามารถใช้ยิงเปิดใส่ศัตรูในระยะไกลได้ เสียแค่ว่าใช้ได้ครั้งเดียวเท่านั้นไม่ว่าคุณจะใช้ Consume Life Essence หรือไม่ก็ตาม ดังนั้นก่อนใช้เราต้องเลือกดีๆครับ


1.3 Blight Lv6 เพื่อทำดาเมจใส่ศัตรูตัวเดียว ในระยะกลาง
เวทย์ยิงระยะ 9 เมตรนี้ ถ้าใช้ในเลเวล 6 จะสามารถทำดาเมจ Necrotic 10-80 หน่วยใส่ศัตรูตัวเดียวได้ ซึ่งก็ได้ผลดีมากๆในการที่คุณจะยิงใส่ศัตรูตัวเดียวในระยะไม่ใกล้ไม่ไกลเกินไปครับ


1.4 Inflict Wound Lv6 เพื่อทำดาเมจใส่ศัตรูตัวเดียว ในระยะประชิด
ใช้ในการทำดาเมจใส่ศัตรูตัวเดียวในระยะประชิด ซึ่งในเลเวล 6 จะทำดาเมจ 8-80 หน่วย แต่ต่างจาก Blight ตรงที่เวทย์นี้มี Attack Roll ทำให้สามารถพลาดเป้าได้ กลับกัน ก็สามารถติดคริทำดาเมจ 16-160 หน่วยได้ เหมาะมากที่จะใช้คู่กับสกิลอย่าง Luck of the Far Realms ที่สามารถบังคับติดคริได้ เพื่อทำดาเมจสูงๆใส่ศัตรูเลือดเยอะๆในทีเดียว


2. ทำซ้ำข้อ 1 ใช้เวทย์ที่แนะนำทั้ง 4 อย่าง ในการเก็บกวาดศัตรูที่เหลือ
เมื่อคุณฆ่าศัตรูได้แล้ว จะสามารถร่ายเวทย์ได้อีก 2-3 ครั้งครับ ก็เพียงพอในการกำจัดศัตรูส่วนใหญ่ได้เลย ส่วนจะใช้อันไหนก็ตามแต่คุณสะดวกครับ อย่าลืมเปิดสกิล Consume Life Essence ก่อนใช้เวทย์ด้วยล่ะ

3. หากเลือดเหลือน้อย หรือจวนตัว ให้ใช้ Bonus Action ร่าย Sanctuary
เมื่อคุณร่ายเวทย์ปกป้องตัวเองนี้แล้ว ก็มีเวลาเพียงพอให้คุณเตรียมพร้อมก่อนโจมตีศัตรูต่อไปครับ เช่น ฮีลด้วย Preserve Life, ร่าย Haste เตรียมไว้, แม้กระทั่งหาทางหนีออกจากวงล้อม หรือล่อศัตรูให้ทางกองรวมๆกันก็ยังได้

โดยรวมๆแล้ว บิ้วนี้เป็นบิ้วที่เล่นไม่ยากมาก แต่ก็ไม่ได้ทำดาเมจได้สูงมากเหมือนบิ้วแรกๆที่ผมทำ แต่ก็สามารถทำหน้าที่ Offensive Caster และ Support Caster ได้ในเวลาเดียวกันครับ ก็ถือเป็นอีกบิ้วที่เล่นได้สนุกสมเป็นบิ้วนักเวทย์ครับ
Conclusion
สารภาพตามตรงว่า ผมเองก็ไม่คิดว่าจะนั่งทำบิ้วไกด์ออกมาเยอะและถี่ขนาดนี้ครับ 555+ เพราะตอนแรกๆก็คิดว่า มันคงเป็นไปได้ยากที่จะหาบิ้วที่สามารถ Solo Tactician (ที่เป็นความยากสูงสุดในตอนแพทช์แรกๆ) และก็ยังว่าจะทำบิ้วธรรมดาๆที่ไม่จำเป็นจะต้อง Solo ได้ก็ได้ ... แต่ทำไปทำมา การเอาบิ้วไป Solo Test ที่ค่าย Basilisk ในระดับ Tactician นั้นกลายเป็น Signature ของผมไปซะแล้ว ก็เลยปล่อยเลยตามเลย ให้มันกลายเป็นมาตรฐานของผมไปเลยละกันครับ

ในส่วนของ Guide พื้นฐานนั้น ทำเอาผมชะงักไปนานอยู่ครับ เพราะเคยเขียนอธิบายเรื่องเกี่ยวกับ Feats และเวทย์ Cantrips ไปหน่อยแล้ว กลับพบว่ามันไม่น่าสนใจขนาดนั้น แถมตอนแรกว่าจะทำอธิบายข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ Spells ทุกอันในเกม แต่นับแล้วมีประมาณ 200+ อัน ก็เลยต้องพับเก็บไปก่อนครับมันเยอะไปจริงๆ 5555+ หากใครมีไอเดียอะไรแนะนำ หรืออยากให้ทำไกด์แบบไหนเพิ่มเติมก็บอกกันได้เลยนะครับผม

ขอให้สนุกกับการใช้เวทย์แห่งความตายเปลี่ยนร่างศัตรูให้เน่าเปื่อยผุพัง ไว้พบกันใหม่บิ้วไกด์หน้าครับ
Bonus รวมคลิปการบิ้ว วิธีเล่น และเทสรัน
สำหรับใครที่ขี้เกียจอ่านเรียงความยาวๆของผมนะครับ ลองดูในคลิปด้านล่างได้เลย ผมทำเผื่อไว้ให้แล้ว ... สามารถพูดคุยสอบถามได้จากในคลิปหรือในไกด์นี้ได้เลยนะครับ

คลิปการทำบิ้วตั้งแต่ Level 01-12


คลิปวิธีเล่นแบบคร่าวๆและอุปกรณ์ที่ใช้


คลิป Tactician Solo Test Run

Link Guide&Build อื่นๆที่ผมได้ทำไว้
สำหรับใครที่ขี้เกียจเลื่อนหา หรืออาจจะหาไกด์ไหนไม่เจอ ลองกดไปดูในสารบัญรวมเล่มนี้ได้เลยครับ
https://test-steamproxy.haloskins.io/sharedfiles/filedetails/?id=3140547253