Baldur's Gate 3

Baldur's Gate 3

Not enough ratings
[BG3] Build#014 นักดนตรีหน้าไม้คู่กู้แผ่นดิน
By Kingreader-K
บิ้ว Endgame (Act 3 Lv12) สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการควงหน้าไม้คู่จ่อยิงศัตรูในระยะใกล้ โดยไกด์นี้ จะอธิบายการทำบิ้ว, อุปกรณ์ที่จำเป็น, และวิธีการเล่นให้อย่างละเอียดระดับโมเลกุล

อ้างอิงจากเกม Version 4.1.1.4494476 (Patch 5 Hotfix 17)
   
Award
Favorite
Favorited
Unfavorite
Introduction & Overview
คุณเป็นผู้เล่นที่รักในการบรรเลงดนตรีมั๊ย?
คุณอยากได้บิ้วนักดนตรีที่ทำดาเมจโหดๆหรือไม่?
คุณอยากถือหน้าไม้คู่ไล่ยิงศัตรูในระยะใกล้มั๊ย?


กราบสวัสดีนักผจญภัยที่ยังคงติดอยู่ในเกมนี้อย่างหาทางออกไม่ได้ทุกท่านนะครับ วันนี้วนกลับมาพบกับผม Kingreader-K กันอีกครั้ง พร้อมกับบิ้วที่ 14 ที่เรียกได้ว่าอัพง่ายๆ เล่นสบายๆ แถมยังแรงแบบศัตรูตายไวมากๆอีกด้วย ... ซึ่งถ้าเอาจริงๆ บิ้วนี้เป็นบิ้วที่ทำดาเมจสูงแบบมากๆครับ อาจจะสูงพอๆหรือมากกว่าบิ้ว 001 002 005 เลยด้วยซ้ำ

ในส่วนของการอัพบิ้วก็เป็นบิ้วที่อัพสบายๆมากครับ ทำให้ทำบิ้วไกด์นี้ออกมาได้ง่าย ไม่สิ้นเปลืองตัวอักษรมาก 5555+ แต่ต้องบอกไว้ก่อนเลยว่า อาจจะเล่นได้ไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะถึงแม้จะเป็นสายหน้าไม้คู่ที่ดูเหมือนเป็นตัวทำดาเมจระยะไกล แต่จริงๆคือ เอาไว้จ่อยิงใส่ศัตรูในระยะใกล้มากกว่าครับ

เอาเป็นว่า ถ้าคุณกำลังหาบิ้ว Bard ที่สามารถทำดาเมจต่อการยิง 1 ครั้งประมาณ 50-70 หน่วยแล้วล่ะก็ ... ยินดีต้อนรับครับ เพื่อไม่ให้เสียเวลา เราลองลงไปดูรายละเอียดบิ้วนี้กันเลยดีกว่า

การสร้างตัวละครที่ Level 01
Bard Lv1

เราจะเริ่มกันที่ Bard เลยครับ หลักๆจะอัพเหมือนบิ้ว 002 ตอนเวล 7-12 เลย โดยการที่เราเริ่ม Class นี้จะทำให้เราได้ Proficiency Saving Throw ของ Dex และ Cha มาครับ ... แถมยังได้สกิลพิเศษของ Bard อีกอัน นั่นก็คือ

Bardic Inspiration
บัฟเพื่อนให้สามารถใช้ Reaction ในการเพิ่ม Attack Roll, Ability Check, หรือ Saving Throw ได้ ซึ่งนับว่าดีมากๆในการเล่นแบบเป็นทีม แต่สำหรับบิ้วนี้ สามารถใช้แต้ม Bardic Inspiration นี้ในการโจมตีได้ด้วยครับ ถือว่าเป็นของดีที่มีประโยชน์รอบด้านทีเดียวเลยล่ะ

Origin/Race/Sub-Race - เอาจริงๆว่าจะไม่พิมพ์ข้อนี้แล้ว แต่อดไม่ได้ครับ 5555 แนะนำว่าให้เล่น Wood Elf หรือ Half Wood-Elf ก็ได้เพื่อเอาระยะเดินไกลขึ้น 1.5 เมตร ... เนื่องจากบิ้วนี้เราต้องเดินเข้าหาศัตรูตลอดเวลาครับ

Cantrips - เลือก 2 อัน แต่ผมแนะนำ Blade Ward ไว้อันนึงครับ เผื่อเอาไว้ใช้ลดดาเมจได้


Spells - เลือกเวทย์เวล 1 จำนวน 4 อัน ซึ่งผมแนะนำเลือก 3 อันหลักๆตามนี้ ส่วนอีกอันจะเลือกอะไรก็ได้ครับ
> Cure Wounds - เอาไว้ฮีลตัวเองหรือเพื่อนในระยะใกล้ด้วย Action Point ได้
> Healing Word - เอาไว้ฮีลตัวเองหรือเพื่อนในระยะไกลด้วย Bonus Action ได้
> Longstrider - เอาไว้ร่ายเพิ่มระยะเดินมากขึ้นได้ 3 เมตร มีผลจนกว่าจะ Long Rest ถือเป็นเวทย์ที่ใช้ได้ดีมากอันนึงสำหรับบิ้วนี้ครับ


Starting Instrument - เลือกเครื่องดนตรีเริ่มต้นฟรีได้เลยครับ ถ้าไม่ชอบ เราก็หาเครื่องดนตรีอื่นมาใส่ทีหลังได้อยู่แล้ว

Abilities - แนะนำให้เน้นอัพ Dex 17 และ Cha กับ Con ครับ ส่วนอันอื่นลดไปเลยก็ได้ไม่ได้ใช้อะไรมาก ส่วนตัวผมอัพไว้ประมาณนี้

Abilities
Score
Strength
8
Dexterity
17
Constitution
16
Intelligence
8
Wisdom
10
Charisma
14

Skills - แนะนำเป็นสกิลสาย Dex ทั้งหลายครับ เพราะบิ้วนี้เราอัพ Dex ไว้สูง ส่วนที่เหลือก็ยัดใส่สกิลสาย Cha ได้เลย

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 02
Bard Lv2

ในการอัพเวลนี้ เราจะได้สกิลพิเศษของ Bard มาอีก 2 อัน คือ
> Song of Rest - มีผลเหมือนกับเรา Short Rest ให้กับทั้งทีมได้ 1 รอบ ดีจัดๆเลย เพราะในบิ้วนี้เราสามารถรีแต้ม Bardic Inspiration ด้วยการ Short Rest ได้ (จะกล่าวถึงในการอัพเวลถัดๆไปนะ) ทำให้เราสามารถรีแต้มในการทำดาเมจได้อีกรอบนึงเลยครับ คุ้มจัดๆ
> Jack of All Trades - เอาไว้ช่วยเพิ่มโบนัสครึ่งนึงของ Proficiency เราเข้าไปใน Skills Check ที่เราไม่มี Proficiency ครับ พูดง่ายๆก็คือ โบนัสสกิลเช๊คให้กับทุกสกิลที่เหลือน่ะแหละ ใช้ได้ดีในการผ่านสกิลเช๊คทั้งหลายในบทสนทนาครับ


Spells - เลือกเวทย์เวล 1 อีก 1 อย่างครับ อะไรก็ได้อีกตามฟอร์ม

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 03
Bard Lv3

และแล้วก็มาถึงการเลือก Subclass แน่นอนครับ สำหรับสายโจมตี ก็ต้อง College of Swords อยู่แล้วป่ะ

Subclass - ส่วนนี้ ขอบังคับเลือกนะครับ 5555 เลือกเป็น College of Swords ตามที่ผมเพิ่งแจ้งไปด้านบนเลย เพราะเราจะได้เลือก Fighting Style เพิ่มอีก 1 อัน และ Blade Flourish สกิลที่จะมาเพิ่มทางเลือกและความยืดหยุ่นให้กับบิ้วของเราอย่างมากครับ ซึ่งคำอธิบายสกิลนี้ ผมขอยกมาจากบิ้ว 002 เลยนะ

Blade Flourish
สกิลนี้จะแยกย่อยเป็น 6 สกิลให้เราได้เลือกใช้กัน (ประชิด 3 ระยะไกล 3) แต่ จริงๆแล้วคือมีแค่ 3 ประเภทเท่านั้นครับ โดยผมจะขออธิบายเป็นประเภทๆดังนี้

1. Defensive Flourish
เป็นสกิลที่ใช้อาวุธประชิดหรืออาวุธระยะไกล และใช้แต้ม Bardic Inspiration 1 แต้ม เมื่อโจมตีโดนศัตรูแล้วจะทำให้เราได้ AC+4 ในเทิร์นนั้นๆ ถือเป็นท่าที่เอาไว้จบเทิร์นเวลาเราอยู่ในวงล้อมศัตรูเลยครับ เนื่องจากบิ้วนี้เราจะไม่ได้มี AC สูงมาก การจบด้วยท่านี้ก็สามารถช่วยให้เราหลบศัตรูในเทิร์นนั้นได้ดีขึ้นมากครับ

2. Mobile Flourish
อันนี้เป็นท่าโปรดของผมเลย เป็นสกิลที่ใช้อาวุธประชิดหรืออาวุธระยะไกล และใช้แต้ม Bardic Inspiration 1 แต้ม เมื่อโจมตีโดนจะผลักศัตรูตัวนั้นๆกระเด็นไป 6 เมตร (เหมือนๆ Pushing Attack) ... แต่ที่เด็ดกว่าคือ เราจะสามารถใช้ Movement Point ในการวาร์ปตามศัตรูตัวนั้นไปได้ครับ ... ในกรณีของบิ้วนี้ คือ ไม่ได้ใช้ครับ 555 ถึงแม้จะชอบมาก แต่เราต้องรักษาระยะห่างของศัตรูไว้ ยังไงก็ไม่ควรใช้ท่านี้เท่าไหร่ครับ

3. Slashing Flourish
สำหรับบิ้วนี้ อันนี้คือท่าจำเป็นเลย เป็นสกิลที่ใช้อาวุธประชิดหรืออาวุธระยะไกล และใช้แต้ม Bardic Inspiration 1 แต้ม โจมตีศัตรู 2 ตัว ... ซึ่งถ้าเป็นอาวุธประชิดจะเป็นการโจมตีคล้าย Sweeping Attack หรือโจมตีเป็น Arc ระยะ 2 เมตร ... แต่ที่เด็ดจริงๆคืออาวุธระยะไกลครับ เพราะสามารถเลือกเป้าได้ 2 เป้า หรือจะเลือก เป้าเดียวแล้วยิง 2 นัดก็ได้ ดังนั้น สำหรับบิ้วนี้ที่เราอาจจะเหลือแค่ Action Point เราก็ยังใช้แต้ม Bardic Inspiration ในการยิงหน้าไม้ 2 นัดได้ เรียกได้ว่าดาเมจเน้นเพิ่มเป็นสองเท่าจากการโจมตีปกติเลย


Skills - ในเวลนี้ เราสามารถเลือกเพิ่ม Skills ได้อีก 1 อัน ก็เลือกอันที่ต้องการได้เลยครับ แต่ผมแนะนำ Intimidation ไว้สำหรับใช้ในบทสนทนา ไม่ก็ Perception ไว้ใช้ตอนสำรวจแมพหรือดันเจี้ยนครับ

Spells - อันนี้มีเวทย์เวล 2 มาให้เลือกใช้แล้ว ก็เลือกที่ชอบมาซักอันครับผมไม่มีอะไรแนะนำเป็นพิเศษ แต่ถ้าคุณอยากดาเมจจัดๆที่สุด ผมแนะนำ Hold Person เลย (ในรูปผมไม่ได้เลือกไว้เพราะเอาไปเลือกสาย Utilities แทนครับ 555)


Fighting Style - อันนี้บังคับเลือกเป็น Two-Weapon Fighting เพราะจะทำให้เราสามารถเพิ่มค่า Dex Modifier ให้กับอาวุธในมือรองได้ (ได้ทั้งอาวุธประชิดและอาวุธระยะไกลเลย) ซึ่งจะเป็นการเพิ่มดาเมจ Output ให้เราอย่างมากครับ เพราะโดยปกติอาวุธใน Off-Hand จะไม่ได้โบนัส Modifier เพิ่ม นอกจากว่าจะมี Fighting Style อันนี้มาช่วยครับ


การอัพเกรดตัวละครที่ Level 04
Bard Lv4

Cantrips - อะไรก็ได้ครับ ตามที่ชอบเลย


Spells - เลือกเวทย์เวล 2 อีก 1 อันครับ ใครชอบอันไหนก็เลือกอันนั้นได้เลยนะ


Feat - อันนี้บังคับเลือก Crossbow Expert ครับ เพราะจะทำให้เราได้สกิลพิเศษมาสองอย่างคือ
> Crossbow Expert: Point-Blank - เมื่อยิงหน้าไม้ในระยะประชิด เราจะไม่ติด Disadvantage ครับ เป็นสกิลหัวใจหลักของบิ้วนี้เลย เพราะเราจะเน้นยิงหน้าไม้ใส่ศัตรูในระยะประชิดตามที่แจ้งไว้แต่ต้นครับ หืม? ทำไมต้องทำงั้นอ่ะเหรอ? ไม่บอก อ่านกันไปก่อนนะครับ 555+
> Crossbow Expert: Wounding - เมื่อเราใช้ Piercing Shot ยิงใส่ศัตรู ศัตรูจะติดสถานะ Gaping Wounds นานกว่าปกติ 2 เท่า ... เอาจริงๆก็ไม่ได้ใช้ครับ แต่มีไว้ก็ไม่เสียหายอะไร

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 05
Bard Lv5

ในเลเวลนี้เราจะอัพเต๋าของ Bardic Inspiration เป็น 8 แต้มแทน และจะได้สกิล Font of Inspiration ซึ่งจะทำให้เราได้ Bardic Inspiration คืนในทุกๆการ Short Rest (ปกติได้คืนทุก Long Rest) สำหรับบิ้วที่ใช้ Bardic Inspiration ในการทำดาเมจ ถือว่าดีมากๆเลยครับ


Spells - ตอนนี้มีเวทย์เวล 3 มาให้เลือกแล้ว ผมแนะนำ 2 อันดังนี้
> Glyph of Warding - เอาไว้เลือกทำดาเมจธาตุใส่ศัตรู จริงๆก็ไม่ได้แรงมาก แต่เอามาเป็นทางเลือกดาเมจแบบ AOE สำรองให้ทีมได้ครับ
> Plant Growth - ปลูกป่าช่วยแผ่นดิน ไม่ใช่สิ เอาไว้สร้างผืนหญ้าทำให้ศัตรูเคลื่อนที่ได้ช้าลง 4 เท่า ... จริงๆผลมันกระทบกับเราด้วย แต่ว่าเราใช้รองเท้าที่ทำให้ไม่สนพื้นผิวพวกนี้ครับ แถมถ้าคุณยิงดาเมจไฟใส่ จะทำให้พื้นผิวหญิงกลายเป็นไฟแทน ทำดาเมจให้ศัตรูโดยรอบ(และผองเพื่อน)ได้เช่นกัน




การอัพเกรดตัวละครที่ Level 06
Bard Lv6

ในเลเวล Bard ที่เราจะอัพเป็นเวลสุดท้ายนี้ เราจะได้ Extra Attack มา ทำให้สามารถโจมตีได้ 2 ครั้ง / 1 Action Point ครับ เป็นการอัพเลเวลที่คุ้มมากๆสำหรับคลาสนี้เลย ... จริงๆเราจะได้สกิล Countercharm มาอีกอันนึง แต่เนื่องจากไม่ได้ใช้งานมากนัก ผมเลยไม่ขอพูดถึงละกันนะครับ


Spells - เลือกเวทย์เวล 3 มาอีก 1 อันครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 07
Bard Lv6 / Rogue Lv1

Class - จริงๆเราเลือก Rogue เพื่อเอา Fast Hands ตอนเวล 3 และ Feat อีกอันตอนเวล 4 แค่นั้นครับ แต่ในเลเวล 1 และ 2 นั้น เราก็ยังได้สกิลแถมมา ซึ่งสามารถใช้งานได้อยู่นั่นก็คือ

Sneak Attack
โดยเมื่อเราได้ Advantage ในการโจมตีศัตรูตัวนั้นๆ หรือมีเพื่อนเรายืนติดศัตรูตัวนั้นอยู่ เราจะสามารถใช้สกิลนี้ในการเพิ่มดาเมจกายภาพได้ 1-6 หน่วย ใช้ได้แค่เทิร์นละ 1 ครั้งและใช้ได้แค่กับอาวุธสาย Finesse และอาวุธระยะไกลเท่านั้น ซึ่งดาเมจของสกิลนี้จะเพิ่มเต๋า 1d6 ทุกๆ 2 เวลของคลาส Rogue นั่นก็คือ
> Rogue เลเวล 1 จะได้ดาเมจเพิ่มจากสกิลนี้เป็น 1-6 หน่วย
> Rogue เลเวล 3 จะได้ดาเมจเพิ่มจากสกิลนี้เป็น 2-12 หน่วย
> Rogue เลเวล 5 จะได้ดาเมจเพิ่มจากสกิลนี้เป็น 3-18 หน่วย
> Rogue เลเวล 7 จะได้ดาเมจเพิ่มจากสกิลนี้เป็น 4-24 หน่วย
> Rogue เลเวล 9 จะได้ดาเมจเพิ่มจากสกิลนี้เป็น 5-30 หน่วย
> Rogue เลเวล 11 จะได้ดาเมจเพิ่มจากสกิลนี้เป็น 6-36 หน่วย

โดยในบิ้วนี้เราจะอัพ Rogue แค่เวล 4 ทำให้ได้ดาเมจจากสกิลนี้แค่ 2-12 หน่วยเท่านั้น แถมบิ้วนี้ยังไม่ได้มีสกิลช่วย Advantage มาก แต่ก็ยังสามารถใช้งานได้นะครับ ผมแนะนำให้กดติ๊กถูกใน Reaction ไว้ให้หมดให้เราสามารถเลือกใช้เป็นดาเมจเพิ่มเติมได้

อีกอย่างในเลเวลนี้ เราจะเลือก Skills เพิ่มได้ 1 อันและ Expertise สำหรับสกิลที่เรามี Proficiency ได้อีก 2 อัน ก็เลือกเอาตามที่ถนัดเลยครับ ส่วนตัวผมเลือกเป็น Sleight of Hand เพื่อให้ตัวนี้ทำหน้าที่เปิดหีบได้ด้วยครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 08
Bard Lv6 / Rogue Lv2

ในเวลนี้ เราจะได้ Cunning Action: Hide, Dash, และ Disengage มา ซึ่งก็จะให้ผลเหมือนกับปกติ แต่ใช้แค่ Bonus Action แทน ... สำหรับสายที่ใช้ Bonus Action ทำดาเมจเป็นหลัก อันนี้ก็ไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่ แต่ก็ยังใช้เป็นทางเลือกในการเล่นได้ดีครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 09
Bard Lv6 / Rogue Lv3

Subclass - จำเป็นต้องเลือก Thief เท่านั้น เพื่อเอาสกิล Fast Hands ครับ เพราะ 1 Bonus Action ที่เพิ่มมาคือจะทำให้เราได้ดาเมจเพิ่มขึ้นประมาณ 50+ แต้มได้เลยนะ แถมยังเอาไว้ใช้ Dash หรือ Disengage จากสกิล Cunning Action ตอนเวลที่แล้วได้อีกด้วยครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 10
Bard Lv6 / Rogue Lv4

Feat - สำหรับอันนี้ บังคับเลือกอันนี้เท่านั้นครับ

Sharpshooter
เวลาใช้อาวุธระยะไกล และเราอยู่ในระดับต่ำกว่าศัตรู เราจะไม่โดนปรับจาก High Ground Rules ครับ โดยที่เรายังสามารถใช้โบนัสจากกฎนี้ได้อยู่ ... อ่ะ พูดง่ายๆคือ ตอนเราอยู่ต่ำกว่าเราจะไม่เสียอะไร แต่เรายังได้ประโยชน์อยู่ถ้าเราอยู่สูงกว่า ... ก็เป็น Feat แบบ Must Have ของบิ้วอาวุธระยะไกลก็ว่าได้ครับ โดย Feat นี้จะให้สกิล Passive ที่เปิด-ปิดได้กับเราอีกอย่างคือ

Sharpshooter: All In - ลด Attack Roll -5 แต้ม เพื่อแลกกับดาเมจที่เพิ่มขึ้น 10 แต้ม ทั้งนี้ทั้งนั้น คุณต้องเป็นคนตัดสินใจเองนะครับว่า จะยิงเอาโดนชัวร์กว่าแต่ดาเมจน้อยกว่า หรือเอาแบบลดโอกาสโดนลงแต่ดาเมจมากกว่า ซึ่งตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และของที่คุณใส่อยู่ด้วยครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 11
Bard Lv6 / Rogue Lv4 / Fighter Lv1

Class - รอบนี้เราจะเลือก Fighter ครับ เพื่อเอาความถนัดของอาวุธทุกประเภทและ Fighting Style ที่จำเป็นเพิ่มอีก 1 อย่าง

Fighting Style - บังคับเลือก Archery ครับ เพราะจะทำให้เรากลบจุดอ่อนจากสกิล Sharpshooter: All-In ได้ คือ เราจะได้ +2 Attack Roll ของอาวุธระยะไกล หักลบกลบหนี้แล้ว ก็เหมือนเราติด -3 Attack Roll แต่ได้ดาเมจเพิ่ม 10 หน่วย นี่คือ คุ้มค่ามากๆครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 12
Bard Lv6 / Rogue Lv4 / Fighter Lv2

ในเลเวลสุดท้ายนี้ เราจะอัพ Fighter เป็นเลเวล 2 เพื่อเอาสกิลระดับ Platinum ของคลาสนี้ครับ

Action Surge
สกิลเฉพาะตัวของ Fighter ที่สามารถใช้ได้ฟรีโดยไม่ต้องเสียแต้มอะไร แต่ต้องใช้ตอนอยู่ใน Combat เท่านั้น ใช้ได้ 1 ครั้ง / 1 Short Rest ครับ ... โดยเมื่อเราใช้ Action Surge มันจะเพิ่ม Action Point ให้เรา 1 แต้มทันที ทำให้คุณสามารถโจมตี แดช หรือร่ายเวทย์ช่วยเพื่อนได้ในเทิร์นนั้น เป็นสกิลที่ไม่ว่าใช้กับบิ้วไหนก็มีผลคุ้มค่ามากๆครับ แต่จะคุ้มค่าสุดกับบิ้วที่ได้ผลจากสกิล Extra Attack ทั้งหลาย

Equipment อุปกรณ์สวมใส่ที่จำเป็น
MINOR SPOILER ALERT!!!

สำหรับอุปกรณ์สวมใส่ที่จำเป็นนี่ ยังไงก็คงหลีกเลี่ยงการสปอยได้ยาก ... แต่ก็เช่นเดิม ผมจะทำแถบปิด Spoiler เอาไว้ และจะ Spoil ให้น้อยที่สุดครับ

หากใครกลัวพลาดหรือแค่อยากรู้ว่าชิ้นไหนทำอะไรได้บ้างจริงๆ ให้ข้ามไปดูสรุปข้อมูลได้เลย

Helmet ส่วนหัว/หมวก
Helm of Balduran

ของอีก 1 ชิ้นที่หลบสปอยได้ยากอีกแล้วครับ โดยเราจะได้มาจาก The Dragon's Sanctum ใน Act 3 ... ในตอนที่เราเจอซากมังกร Ansur ให้เดินเข้าไปด้านใน จะมีหมวกวางอยู่บนแท่นใกล้ๆกับทางออกครับ สามารถเข้าไปหยิบได้ก่อนสู้กับ Ansur ได้นะครับ

Cloak ส่วนผ้าคลุม
Cloak of Cunning Brume

หาซื้อได้จาก Mattis ที่ Last Light Inn ใน Act 2 ... โดยเราต้องช่วยเหลือพวก Tiefling ในตอน Act 1 ที่ Druid Grove ด้วยนะครับ

Armor/Clothing ส่วนเกราะ/ชุด
Bhaalist Armour

หาซื้อได้จาก Echo of Abazigal ที่ Murder Tribunal ใน Act 3 ... โดยเราต้องเลือกที่จะเป็น Unholy Assassin เท่านั้น ถึงจะมีพ่อค้ามาขายของชิ้นนี้ให้

Gloves ส่วนถุงมือ
Helldusk Gloves

หาได้จาก House of Hope ใน Act 3 ... ดรอปจากปีศาจที่ชื่อว่า Haarlep ในห้องที่มีสระน้ำฟื้นพลัง ให้เดินไปด้านหลังสระจะเจอมันนอนอยู่บนเตียงครับ

Boots ส่วนรองเท้า
Helldusk Boots

หาได้จากหีบในห้องส่วนตัวของ Gortash ที่ Wyrm's Rock Fortress ใน Act 3
(รูปมันบั๊กหน่อยนะครับ มันไม่ขึ้นโชว์ในหน้าต่าง Examine ... Patch ปัจจบันก็ยังไม่แก้ครับ 555+)

Amulet ส่วนสร้อยคอ
Broodmother's Revenge

ได้จาก Kagha ใน Act 1 เป็นส่วนนึงของเควส Investigate Kagha เราจะฆ่าเธอหรือทำให้สลบเพื่อ Loot ก็ได้ครับ

Rings ส่วนแหวน
The Whispering Promise

ไอ้แหวนนี่ในข้อมูลหาซื้อได้หลายที่มากครับ ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่าไปซื้อมาตอนไหนเหมือนกัน 555 ยังไงก็ลองดูตามรายชื่อนี้ครับ
- Volo ที่ Druid Grove ใน Act 1
- Grat the Trader ที่ Goblin Camp ใน Act 1
- Roah Moonglow ที่ Moonrise Towers ใน Act 2

Eversight Ring

หาได้จากหีบใน House of Healing ใน Act 2

Melee Weapon ส่วนอาวุธประชิด
Rhapsody

หาได้จาก Szarr Palace ใน Act 3 ... ดรอปจาก Cazador Szarr ในตอนจบเควสไลน์ของ Astarion

Bloodthirst

หาได้จาก Orin the Red ใน Bhaal Temple ที่ Act 3 ... ได้หลังจากที่จัดการ Orin และดึง Netherstone ออกจากมีดแล้ว มีดนี้จะเด้งเข้ามาในกระเป๋าเราอัตโนมัติ

Drakethroat Glaive

หาซื้อได้จาก Roah Moonglow ที่ Moonrise Towers ใน Act 2

Range Weapon ส่วนอาวุธระยะไกล
Hellfire Hand Crossbow

หาได้จาก Yurgir ที่ Gauntlet of Shar ใน Act 2 ... โดยเราต้องฆ่า Yurgir และลูทเอาเท่านั้นถึงจะได้หน้าไม้อันนี้มา

Hand Crossbow +2

หาซื้อได้จากพ่อค้าอาวุธหลายๆที่ แต่ที่ออกแน่นอนคือตู้เซฟในผนังชั้น 2 ของ Lady Jannath's Estate Yurgir ที่เมือง Baldur's Gate ใน Act 3
สรุปความจำเป็นของอุปกรณ์แต่ละชิ้น
Helm of Balduran - ใส่เพื่อให้ได้โบนัสหลายๆอย่าง เช่น AC+1, ป้องกันการโดน Stun และโดน Critical Hit แต่สิ่งที่เราต้องการมากที่สุดคือ การ Heal ตัวเองทุกๆครั้งที่เริ่มเทิร์น เพราะมันจะส่งผลให้สกิลสร้อยและแหวนเราทำงานครับ
Cloak of Cunning Brume - เมื่อเรา Disengage จะปล่อยหมอกออกมารอบๆตัว สามารถทำให้ศัตรูรอบๆติดสถานะตาบอดหรือ Blinded ได้ ... พอใช้คู่กับแหวนที่เราจะไม่มีทางตาบอดก็สามารถได้ Advantage ในการโจมตีศัตรูนั้นๆครับ ปกติเป็นของที่ไม่ได้ใช้มาก แต่มีประโยชน์กับบิ้วนี้พอตัวเลย ... จริงๆถ้าคุณเล่น Dark Urge คุณสามารถใส่เป็นผ้าคลุม The Deathstalker Mantle แบบในบิ้ว 008 ได้นะครับ แต่พอดีเซฟ Dark Urge ผมมีของไม่ครบ เลยต้องเปลี่ยนมาใส่ผ้าคลุมนี้แทนครับ 555+
Bhaalist Armour - ใส่เพื่อเอาสกิล Aura of Murder ที่จะทำให้ศัตรูในระยะ 2 เมตร ติดสถานะ Vulnerable ของดาเมจแบบ Piercing หรือก็คือ โดนดาเมจ Piercing แรงขึ้นสองเท่านั่นเอง ยกเว้นว่าศัตรูตัวนั้นจะมี Resistance หรือ Immunity ของดาเมจแบบ Piercing ... เริ่มเห็นภาพแล้วใช่มั๊ยครับ ว่าทำไมเราต้องยิงศัตรูในระยะประชิด
Helldusk Gloves - ใส่เพื่อเพิ่มดาเมจไฟ 1-6 หน่วย เวลาใช้อาวุธโจมตี รวมถึงอาวุธในมือรองด้วยครับ
Helldusk Boots - ใส่เพื่อให้สามารถใช้สกิล Hellcrawler (คล้ายวาร์ปแบบ Misty Step แต่ทำดาเมจไฟในจุดที่วาร์ปไปด้วย) และที่สำคัญ มีสกิล Reaction Infernal Evasion ที่ถ้าเราเฟลในการ Saving Throw เราจะสามารถใช้แต้ม Reaction ให้ Saved แทนได้
Broodmother's Revenge - เมื่อเราได้รับการ Heal จะได้ผลเหมือนเคลือบพิษให้อาวุธเรา 3 เทิร์น โดยอาวุธเราจะทำดาเมจพิษเพิ่มได้ 1-4 หน่วย เมื่อใช้กับหมวกที่ใส่ ก็คือจะถูกเคลือบทุกเทิร์นเลยทีเดียว เหมือนได้ดาเมจพิษฟรีตลอดเวลาครับ
The Whispering Promise - ใส่เพื่อเวลาฮีลตัวเองหรือเพื่อน คนๆนั้นจะได้บัฟสกิล Bless (+1-4 Attack Roll และ +1-4 Saving Throw) เป็นเวลา 2 เทิร์น เมื่อใช้คู่กับหมวกฮีลก็จะทำให้เราได้ Bless ทุกๆเทิร์น
Eversight Ringling - ใส่เพื่อกันติดสถานะ Blinded สำหรับใช้กับผ้าคลุม แต่ถ้าคุณใช้ผ้าคลุมอื่นก็เปลี่ยนเป็นแหวนอื่นได้ครับ
Rhapsody - ใส่เพื่อเอาสกิล Scarlet Remittance อธิบายง่ายๆคือ เมื่อเราฆ่าศัตรูเราจะได้ Stack สกิล 1 แต้ม (สะสมได้สูงสุด 3 แต้ม) โดยเราจะได้โบนัส Attack Roll, ดาเมจ, และ Spell Save DC ตามจำนวน Stack ที่เรามีอยู่ (สูงสุด +3) ... ซึ่งถ้าเรามี Stack นี้ครบ 3 แต้ม จะสามารถใช้สกิลได้หลายอย่างเลยครับ เช่น บังคับติดคริในการตีครั้งถัดไปหรือ Heal ตัวเองได้ ... แต่ที่เราต้องการจริงๆคือ โบนัส +3 Attack Roll และ +3 ดาเมจครับ ดังนั้น ส่วนอื่นๆที่ได้เกินมา ก็ถือว่าเป็นกำไรไปละกัน
Bloodthirst - ใส่ในมือ Off-Hand เพื่อเอา AC+1 และสกิลลดค่าการ Roll ของ Critical ลงอีก 1 แต้ม (เพิ่มอัตราคริ 5%) แถมยังได้สกิล Counter ด้วยมีดเวลาศัตรูตีพลาดใส่เราด้วย (คล้ายๆ Riposte) และจะได้ผลจากสกิล True Strike เพิ่ม Attack Roll ด้วยครับ
Drakethroat Glaive - ไม่ได้ใส่ แต่เอาไว้ร่ายสกิล Draconic Elemental Weapon เพิ่มดาเมจธาตุให้หน้าไม้ของมือหลัก
Hellfire Hand Crossbow - เพื่อเอาดาเมจ Piercing สูงสุดของหน้าไม้เล็ก จริงๆสามารถใช้เป็น Hand Crossbow +2 อีกอันก็ได้ แต่หน้าไม้อันนี้จะทำให้เราได้สกิล Scorching Ray Lv3 มาใช้ 1 ครั้ง / 1 Short Rest แถมเมื่อเราอยู่ในสถานะ Hide หรือ Invisible จะมีโอกาสทำให้ศัตรติดสถานะ Burned ได้ด้วย
Hand Crossbow +2 - เพื่อเอาดาเมจ Piercing สูงสุดของหน้าไม้เล็ก
Items อื่นๆที่จำเป็นสำหรับบิ้ว
Elixir of Bloodlust

ยาเทพที่ทุกคนต้องมี ผลของมันคือ เมื่อฆ่าศัตรูได้ จะได้ Action Point คืนมา 1 แต้ม มีผล 1ครั้ง/1เทิร์น นั่นหมายความว่า ถ้าคุณฆ่าศัตรูได้ในเทิร์นนั้น คุณจะยิงหน้าไม้ได้ฟรีได้อีก 2 ครั้งครับ


Potion of Speed

ยาที่ให้ผลเหมือนกับเวทย์ Haste เป็นจำนวน 3 เทิร์น แต่หลังจาก 3 เทิร์นหมดไปจะติดมึนเป็นเวลา 1 เทิร์น ก็ถือเป็นยาสำหรับคนที่ไม่สามารถร่ายเวทย์ Haste ให้ตัวเองได้แบบบิ้วนี้ครับ แม้ระยะการใช้งานจะสั้น แต่ก็ได้ผลแบบไม่ต้องคอยลุ้นว่า Concentration จะหลุดรึป่าวแบบเวทย์ Haste ปกติ
Illithid Powers & Passive Bonus ที่จำเป็น
MAJOR SPOILER ALERT!!!

จริงๆถึงไม่มีพวกนี้ก็เล่นได้ แต่ถ้าอยากไปให้สุดก็ควรต้องมีบัฟและสกิลพวกนี้ครับ ผมจะแบ่งออกเป็นสองส่วนหลักๆก่อน คือ 1.Illithid Powers ที่แนะนำและ 2.Permanent Passive Buff ที่จำเป็นสำหรับบิ้วนี้

Illithid Powers ที่แนะนำกับบิ้วนี้

Luck of the Far Realms
เมื่อเราโจมตีศัตรูโดน จะสามารถบังคับติด Critical ได้ ใช้ได้ 1 ครั้ง / 1 Long Rest ถือว่าเป็นสกิลที่จำเป็นสำหรับสายคริเลยครับ
Cull the Weak
เมื่อเราลดเลือดศัตรูให้ต่ำกว่าจำนวน Tadpole ในหัวเรา ศัตรูจะตายทันทีและระเบิดทำดาเมจพลังจิตใส่ศัตรูใกล้เคียงอีก 1-4 หน่วย เป็นสกิลที่ดีมาก สำหรับคนที่ใช้พลังของ Tadpole เยอะๆอยู่แล้ว เพราะถ้าคุณอัพเกรดจนครบ แค่คุณลดเลือดศัตรูลงมาเหลือแค่นิดหน่อยก็สามารถฆ่าศัตรูตัวนั้นได้ทันที พูดง่ายๆคือ ยิ่งใช้หนอนมาก สกิลนี้ก็ยิ่งได้ผลดีมากขึ้น และบอกลาความเซ็งตอนศัตรูเหลือเลือด 1 ไปได้เลย
Fly
อีกสกิลที่ตรงตามตัวเป๊ะๆเลย ทำให้เราสามารถเคลื่อนที่ได้ดีกว่าเดินปกติมากๆ ซึ่งสกิลนี้จะได้มาฟรีๆ เมื่อเรายอมเปิดใจรับพลังจาก Astral Tadpole ที่ได้จาก The Emperor ในตอนต้น Act 3 ครับ (แต่ต้องยอมลดสวยลดหล่อ มีเส้นเลือดดำขึ้นหน้านะ 5555)

Permanent Passive Buff ที่จำเป็นกับบิ้วนี้

[Act 1] Abilities+1 จากหนังหัวของป้าแม่มด Ethel
ได้จากการปราบป้า Ethel ในรังแม่มดที่ Act 1 ก่อนป้าจะตายจะทำการต่อรองให้เราไว้ชีวิตโดยแลกกับหนังหัวเพิ่มค่า Abilities ค่าใดค่าหนึ่ง จำนวน 1 แต้มครับ ... ลองดูความจำเป็นคนในทีมด้วยก็ดีครับ

สำหรับอันนี้ ถ้าคุณอัพ Dex 17 มาแบบผมยังไงก็ต้องเอา Dex+1 เพิ่มให้เป็น 18 ครับ ไม่งั้นก็ต้องไป Respec ให้ Dex เหลือ 16 แทน และคุณจะอัพ Dex ได้สูงสุดแค่ 18 เท่านั้น

[Act 3] Abilities+2 จากกระจก Mirror of Loss
หลังจากทำเควสของ Shadowheart ใน House of Grief แล้ว เข้าไปห้องด้านในที่เจอพ่อแม่ของน้อง จะมีกระจก Mirror of Loss อยู่ ตรงนี้ผมแนะนำให้เซฟไว้ก่อนนะครับ เพราะกระจกนี่ต้องผ่าน Skill Check หลายรอบมาก ผมจะเรียงไว้ให้คร่าวๆประมาณนี้
1. การ Activate กระจก ต้องผ่าน Skill Check สองอย่างคือ Religion (DC20) และ Arcana (DC25)
2. หลัง Activate กระจกแล้ว คนที่จะเพิ่ม Stat ต้องผ่าน Skill Check Religion (DC25) ของใครของมันเป็นรายบุคคลไป
3. หลังจากผ่านเช๊คทั้งหมดแล้ว เราจะสามารถมอบ Abilities 1 ใน 6 อันไหนก็ได้ของเราให้กับกระจก 2 แต้ม แล้วจะสามารถเลือกเพิ่ม Abilities 1 ใน 6 อันไหนก็ได้ของเรา 2 แต้มแทน เช่น คุณอาจะแลก Wis-2 แล้วเอา Cha+2 แทน
4. หลังจากเลือกได้แล้ว ให้ใช้ Remove Curse ลบคำสาปที่โดน -2 อยู่ ก็จะทำให้เรามีบัฟ +2 Abilities ที่เราเลือกไว้ฟรีๆอย่างถาวรครับ
5. ทำซ้ำข้อ 2-4 กับตัวละครอื่นๆได้ ยกเว้นจะเฟล Skill Check คนนั้นจะอดบัฟนี้ไปเลยถาวรครับ

ข้อนี้ให้เราเลือก Dex+2 ไปเลย

ถ้าคุณอัพ Dex 17 มาแล้วได้ Dex+3 จากสองข้อด้านบน จะทำให้คุณมี Dex เป็น 20 พอดีครับ โดยในบิ้วนี้การเพิ่ม Dex Modifier 1 แต้มจะทำให้เราได้ AC+1, Initiative+1, Attack Roll+1, และ Damage+1/อาวุธ คือ เรียกได้ว่าจำเป็นเลยก็ว่าได้ครับ แต่ถ้าคุณพลาดหนังหัวป้าไป ก็ให้ปรับ Dex ตอน Respec เป็น 16 แทนได้ครับ ประสิทธิภาพอาจจะลดลงหน่อย แต่ก็ไม่ได้ทำให้บิ้วนี้เบาลงแต่อย่างใดครับ 555+
วิธีการเล่นของบิ้วนี้โดยละเอียด
Role และแนวทางการเล่น
จริงๆอยากให้มันเป็น Range DPS นะครับ แต่พอเอาจริงๆ มันกลับกลายเป็น Melee DPS เฉยเลย 5555 แต่บอกเลยครับว่า ดาเมจโหดกว่าสาย Melee หลายๆบิ้วด้วยซ้ำไปครับ โดยผมจะสรุปเลขดาเมจให้ดูง่ายๆ ดังนี้
  • 1-6 Piercing ดาเมจจากหน้าไม้
  • +4/+5 Piercing ดาเมจจาก Dex Modifier (Dex18/Dex20)
  • +10 Piercing ดาเมจจากสกิล Sharpshooter: All In
  • +3 Piercing ดาเมจจากสกิล Scarlet Remittance
  • +3 Piercing ดาเมจจาก Weapon Enchantment +3 (+2 จากอาวุธและ +1 จาก Draconic Elemental Weapon)
  • 1-6 Fire ดาเมจจากถุงมือ
  • 1-4 Poison ดาเมจจากสกิลสร้อย
  • 1-4 ดาเมจธาตุที่เลือกจากบัฟสกิล Draconic Elemental Weapon
ถ้าเรานับแต่ดาเมจแบบ Piercing อย่างเดียว ในบิ้วนี้จะทำดาเมจได้ประมาณ 16-27 หน่วย แบบไม่ติดคริ และพอเรายิงในระยะประชิด ศัตรูที่โดนออร่าจากเกราะเราจะโดนดาเมจเป็นสองเท่า หรือก็คือ 32-54 หน่วยแบบไม่ติดคริ!!! แถมนี่ยังเป็นดาเมจต่อการยิงหน้าไม้แค่นัดเดียวนะครับ ซึ่งใน 1 เทิร์นเราจะยิงหน้าได้ได้สูงสุดเป็นจำนวน ดังนี้
  • 2 ครั้ง จาก Action Point ปกติ 1 แต้ม
  • 2 ครั้ง จาก Bonus Action ปกติ 2 แต้ม
  • 2 ครั้ง จาก Action Point ที่ได้จากยา Bloodlust 1 แต้ม
  • 2 ครั้ง จาก Action Point ที่ได้จากสกิล Action Surge 1 แต้ม
  • 2 ครั้ง จาก Action Point ที่ได้จากยา Potion of Speed หรือเวทย์ Haste อีก 1 แต้ม
ซึ่งรวมๆแล้วคุณสามารถยิงหน้าไม้สูงสุดได้ถึง 10 ครั้ง แถมถ้าคุณใช้ท่า Slashing Flourish (Ranged) ของ Bard ที่ใช้ได้ 4 ครั้ง ก็จะได้ดาเมจเพิ่มเหมือนยิงได้อีก 4 นัด โดยรวมแล้วสูงสุด 14 นัด นัดละดาเมจประมาณ 35-68 หน่วย (และ 34-64 หน่วยสำหรับอาวุธ Off-Hand) โดยรวมๆเราจะได้ดาเมจเทิร์นนึงอยู่ที่
  • (35-68)x12 = 420-816 หน่วย จากอาวุธ Main-Hand
  • (34-64)x2 = 68-128 หน่วย จากอาวุธ Off-Hand
รวมแล้ว ถ้าเรายิงระยะประชิดทุกนัดจะทำดาเมจได้ 488-944 หน่วยต่อ 1 เทิร์น แบบไม่ได้ติดคริด้วยนะ เรียกได้ว่า Crazy DPS มากๆครับ ผมเลยยอมเสียเวลามาแจงเลขให้ทุกคนได้เห็นก่อนว่า บิ้วนี้ทำดาเมจได้ขนาดไหน ... แถมผมเองก็ยังไม่ได้บิ้วแบบอัดดาเมจขั้นสุดให้กับบิ้วนี้นะครับ เช่น ถ้าคุณล็อคศัตรูได้ด้วย Hold Person หรือ Hold Monster (ของเพื่อน)แล้วล่ะก็ ดาเมจที่คุณสามารถทำได้ก็จะคูณสองเท่าเข้าไปเลย เรียกได้ว่าแม้แต่บอสที่เลือดเยอะๆหลักหลายร้อยก็ไม่สามารถต้านทานดาเมจขนาดนี้ได้ครับ

ร่ายมาซะยาวอย่างกับเล่นการ์ดเกมยูกิ เอาล่ะ เรามาเข้าถึงเนื้อหาการเตรียมตัวและวิธีเล่นกันดีกว่าครับ

การเตรียมพร้อมแบบ Step by Step
1. กินยา Elixir of Bloodlust
สรรพคุณตามที่แจ้งไว้แล้วครับ เท่ากับว่าถ้าคุณฆ่าศัตรูได้ในเทิร์นนั้น คุณจะโจมตีเพิ่มได้อีก 2 ทีเลย จะว่าไปบิ้วส่วนใหญ่ของผมก็ใช้ยานี้ทั้งนั้นเลยครับ 555+
2. ดรอปหน้าไม้มือหลักไว้ที่พื้น ใส่ Drakethroat Glaive แล้วบัฟดาเมจธาตุให้อาวุธนั้น
มาถึงขั้นตอนในการเพิ่มดาเมจให้ตัวเรากันแล้วครับ โดยเริ่มจากการใส่ง้าว Drakethroat Glaive เพื่อให้ได้สกิล Draconic Elemental Weapon ซึ่งสกิลนี้จะบัฟให้อาวุธใดๆมีดาเมจธาตุที่เลือก 1-4 ดาเมจ ซึ่งในบิ้วนี้ผมแนะนำให้เลือกเป็น Ice, Lightning, Thunder สามอย่างนี้ครับ เพราะดาเมจไฟเราได้จากถุงมือแล้ว ถ้าเราบัฟไปอีกมันจะไปทับดาเมจถุงมือครับ แทนที่คุณจะได้ดาเมจไฟ 1-6 และธาตุอื่น 1-4 ทีนี้คุณจะเหลือแค่ไฟ 1-4 แทนเลยนะ ต้องระวังให้ดีครับ ... อ่อ อย่าลืมใส่อาวุธประชิดและหน้าไม้ที่ดรอปไว้คืนด้วยล่ะ
3. ร่ายเวทย์ Longstrider ใส่ตัวเองไว้
เอาไว้เพิ่มระยะเดินให้ไกลขึ้น 3 เมตร / 1 เทิร์น สำหรับบิ้วหน้าไม้ที่ต้องยิงระยะประชิดแบบนี้ ยังไงก็ต้องมีเอาไว้ครับ

การใช้งานบิ้วนี้ในการต่อสู้แบบ Step by Step
1. ใช้หน้าไม้ยิงฆ่าศัตรูในระยะประชิด อย่างน้อย 1 ตัว เพื่อให้ผลของยา Bloodlust ทำงาน
แน่นอนครับ บิ้วดาเมจจะไม่ทำดาเมจได้ไง แต่ผมแนะนำให้เน้นยิงตัวที่เลือดน้อยๆก่อนเพื่อเอา Action Point ฟรีจากผลของยา Blooslust ครับ
2. ใช้หน้าไม้ยิงฆ่าศัตรูในระยะประชิดเพิ่มอีก 2 ตัว เพื่อให้ผลของสกิล Scarlet Remittance ได้สูงสุดที่ +3
เนื่องจากในแพทช์หลังๆนี้ ไม่สามารถใช้หน้าไม้ยิงทำลายข้าวของให้เก็บ Stack สกิลนี้ได้แบบบิ้ว 003 แล้ว ทำให้ต้องฆ่าศัตรูอย่างน้อย 3 ตัวใน 1 Long Rest เพื่อให้ติดผลของสกิลนี้เต็ม +3 ครับ ซึ่งพอเ๖้มแล้วเราจะได้ +3 Attack Roll และ +3 ดาเมจ ยาวไปจนกว่าจะ Long Rest เลย ก็ถือว่าคุ้มมากๆครับ
3. จัดการศัตรูที่เหลือโดยเร็ว
เพราะบิ้วนี้ไม่ได้เน้น Tank มาก ดังนั้นการจัดการศัตรูให้เร็วที่สุดจึงเป็นการดีที่สุดครับ คุณอาจจะยอมลดดาเมจลงเพื่อให้ยิงไกลได้ก็ได้ เพราะถึงแม้จะไม่ได้ผลจาก Aura of Murder ของเกราะ แต่คุณก็ยังสามารถทำดาเมจได้นัดละ 19-41 หน่วยอยู่ ทำให้บิ้วนี้สามารถเล่นแอบ Range DPS ได้เช่นกัน แต่ดาเมจจะลดลงเกือบครึ่งนึงเลยนะ
4. หากโดนศัตรูล้อม ให้กดใช้ Disengage ปล่อยหมอกมาทำให้ศัตรูตาบอด
สำหรับคนที่ใช้ผ้าคลุมและแหวนแบบผมนะครับ อันนี้จะทำให้คุณสามารถหนีจากวงล้อมศัตรูหรือเอา Advantage เพื่อยิงใส่ศัตรูก็ได้

จริงๆบิ้วนี้ยังมีวิธีเล่นอีกหลากหลายแนวทางเลย เช่น ฮีลให้เพื่อนได้บัฟ, บัฟเพื่อนด้วย Bardic Inspiration, ร่ายเวทย์กับดักทำดาเมจธาตุอย่าง Glyph of Warding, หรือแม้กระทั่งชะลอการเคลื่อนของกลุ่มศัตรูด้วย Plant Growth ก็ยังได้ เนื่องจาก Bard เป็นคลาสที่ครบเครื่องและหลากหลายที่สุดในเกมครับ ทำให้บิ้วนี้สามารถเป็นได้หลายๆอย่างตามที่คุณต้องการเลย ... แต่ผมก็แนะนำให้เป็นดาเมจหลักของทีมไปแหละดีแล้วครับ 555+
Conclusion
จบกันไปอีกบิ้วแล้วนะครับ สำหรับบิ้วนี้เรียกได้ว่าแรงสมเป็นเมต้าที่คนเล่นกันเยอะจริงๆ แม้บิ้วผมจะเอามาปรับให้เหมาะสมกับการเล่นสไตล์ผมเอง มันก็ยังมีดาเมจที่แรงพอจะเทียบกับบิ้วสายโหดอื่นๆได้สบายๆเลย ... ก็หวังว่าหลายๆท่านจะชอบหรืออย่างน้อยก็ได้ไอเดียเอาไปปรับใช้ในการเล่นของทุกคนนะครับ

ช่วงนี้ผมเองก็เริ่มจะไม่ค่อยว่างแล้ว เพราะงานเริ่มกลับมาแล้ว แถมมีเกมจ่อคิวรอเล่นอยู่อีกตอนต้นเดือนหน้า ... แต่ก็ยังมีบิ้วอีกหลายๆอย่างที่เพื่อนๆในคอมมูแนะนำและแชร์ไอเดียมา ทำให้ผมยังอยากกลับมาทำบิ้วอยู่เรื่อยๆแหละครับ เอาเป็นว่า ถ้าใครอยากได้บิ้วแนวไหนยังไง สามารถพูดคุยแบ่งปันได้เลยนะครับ หลายหัวย่อมดีกว่าหัวเดียวเสมอ

ขอให้ทุกท่านจ่อหน้าไม้ยิงใส่ศัตรูกันอย่างเมามันส์ แล้วพบกันบิ้วไกด์หน้าครับผม
Bonus รวมคลิปการบิ้ว วิธีเล่น และเทสรัน
สำหรับใครที่ขี้เกียจอ่านเรียงความยาวๆของผมนะครับ ลองดูในคลิปด้านล่างได้เลย ผมทำเผื่อไว้ให้แล้ว ... สามารถพูดคุยสอบถามได้จากในคลิปหรือในไกด์นี้ได้เลยนะครับ

คลิปการทำบิ้วตั้งแต่ Level 01-12


คลิปวิธีเล่นแบบคร่าวๆและอุปกรณ์ที่ใช้


คลิป Tactician Solo Test Run

Link Guide&Build อื่นๆที่ผมได้ทำไว้
สำหรับใครที่ขี้เกียจเลื่อนหา หรืออาจจะหาไกด์ไหนไม่เจอ ลองกดไปดูในสารบัญรวมเล่มนี้ได้เลยครับ
https://test-steamproxy.haloskins.io/sharedfiles/filedetails/?id=3140547253