Baldur's Gate 3

Baldur's Gate 3

Not enough ratings
[BG3] Build#015 เพชรฆาตแห่งการจับขังแล้วสั่งตาย
By Kingreader-K
บิ้ว Endgame (Act 3 Lv12) สำหรับผู้ที่อยากเล่นสายล็อคศัตรูแล้วยิงธนูประหารให้ตาย โดยไกด์นี้ จะอธิบายการทำบิ้ว, อุปกรณ์ที่จำเป็น, และวิธีการเล่นให้อย่างละเอียดระดับโมเลกุล

อ้างอิงจากเกม Version 4.1.1.4494476 (Patch 5 Hotfix 17)
   
Award
Favorite
Favorited
Unfavorite
Introduction & Overview
คุณอยากได้บิ้วสาย Crowd Control ไว้ล็อคศัตรูให้ทีมมั๊ย?
คุณอยากเล่นสายคริติคัลแบบ 100% ทำดาเมจแบบสั่งตายได้หรือไม่?
และคุณอยากได้บิ้ว Full Caster ที่เล่นได้หลากหลายแนวทางมั๊ย?


สวัสดีผู้เล่นเกมแห่งปี 2023 ที่แม้จะเป็นปี 2024 แล้วก็ยังคงไม่มูฟออนไปไหนนะครับ วันนี้กลับมาพบกับผม Kingreader-K กันอีกแล้ว พร้อมบิ้วใหม่ที่ได้ไอเดียมาจากคุณฟ้า เพื่อนในกลุ่มคอมมูของเฟซบุ๊คครับ เป็นบิ้วที่เน้นทำดีบัฟและ CC (Crowd Control) ด้วยเวทย์สาย Enchantment ให้กับเพื่อนร่วมทีม แถมยังสามารถใช้สกิลของ Bard ด่าศัตรูให้เจ็บช้ำได้ 100% อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นบิ้วที่ผมหาแนวทางและอยากเล่นมานานละ ยังไงก็ต้องให้เครดิตไอเดียและขอขอบคุณคุณฟ้า ไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ

จริงๆในบิ้วนี้ผมก็เอามาปรับซะไม่ค่อยเหมือน Original เท่าไหร่ แต่ใช้ Concept ไอเดียจากบิ้วของคุณฟ้ามาปรับครับ ทำไปทำมา โอ้แม่เจ้า! แรงเรือหายวัวตายควายสำลัก เรียกได้ว่ายิงกันดาเมจฮิทละ 80-100 หน่วยเลย แถมยังใช้เวทย์สาย Enchantment เน้น CC ให้เพื่อนหรือตัวเองได้อีก เรียกได้ว่าเป็นอีกบิ้วที่รุนแรงและมีแนวทางเล่นที่หลากหลายมากๆครับ

หากคุณชื่นชอบการใช้เวทย์ Hold Person/Monster แล้วละเมียดละไมจ่อยิงทำดาเมจคริ 100% ใส่ศัตรูแล้วล่ะก็ เชิญพบกับบิ้วที่คุณต้องการได้ที่นี่เลยครับ

การสร้างตัวละครที่ Level 01
Wizard Lv1

Origin/Race/Sub-Race - ผมแนะนำให้เลือก Githyanki เพราะมีไอเท็มหลายๆชิ้นที่ Gith ใส่แล้วจะได้ดาเมจ Psychic เพิ่ม ทำให้เราเพิ่มดาเมจ Output โดยรวมได้ แต่ในบิ้วนี้ผมจะใช้อุปกรณ์ที่สามารถใช้ได้กับทุกเผ่านะครับ ดังนั้นจะเลือกเผ่าไหนก็ได้นะ

Class - Wizard ครับ เพราะส่วนตัวผมอยากได้ Int และ Wis Saving Throw แต่ถ้าคุณอยากได้ Wis กับ Cha ก็ไปอัพ Cleric ตามเวล 4 ก่อนก็ได้ครับ

Cantrips - เลือก 3 อัน ผมแนะนำอันที่ใช้โจมตีทั้งหมด เพราะบิ้วนี้จะใช้ Int Modifier ในการใช้เวทย์ของ Wizard เป็นหลักครับ


Spells - เลือกอะไรก็ได้ครับ แต่แนะนำให้เลือก 2 อันนี้ไว้นะ
> Shield - เวทย์ป้องกันแบบ Reaction เมื่อเราโดนโจมตี เราสามารถร่ายเพื่อเพิ่ม AC 5 หน่วย และอยู่ตลอด Turn นั้นครับ
> Longstrider - เอาไว้ร่ายเพิ่มระยะเดินมากขึ้นได้ 3 เมตร มีผลจนกว่าจะ Long Rest ถือเป็นเวทย์ที่ใช้ได้ดีมากอันนึงสำหรับบิ้วนี้ครับ แต่คุณจะเอาไว้เลือกทีหลังก็ได้นะเพราะตอนเรา Multiclass ไป Bard มันก็เลือกเวทย์นี้ได้เหมือนกัน


Abilities - เน้นอัพ Int เป็นหลักครับ ถ้าคุณสามารถได้บัฟหนังหัวป้าก็ให้อัพเป็น 17 ไปเลย แต่ถ้าไม่ได้ก็อัพไว้แค่ 16 ก็ไหวชิลล์ครับ ซึ่งส่วนตัวผมจะแนะนำให้อัพไว้ประมาณนี้

Abilities
Score
Score(แบบได้ Int+1)
Strength
8
8
Dexterity
16
16
Constitution
14
14
Intelligence
16
17
Wisdom
10
10
Charisma
10
8

Skills - อะไรก็ได้ครับ อันนี้ตามแต่สะดวกเลย

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 02
Wizard Lv2

Subclass - Divination เพราะจะทำให้เราได้สกิลพิเศษอันนึงมา นั่นก็คือ

Portent
เป็นสกิลที่จะทำให้คุณได้เต๋า Portent d20 มา 2 ลูกหลังจาก Long Rest ซึ่งจะมีค่าตายตัวเลย (ตัวอย่างในคลิปเทสรันผมได้ 13 และ 17 มา) และเราจะสามารถใช้เต๋านี้ไปแทนค่า Attack Roll หรือ Saving Throw ของเราหรือศัตรูได้ เช่น ถ้าศัตรูยิงธนูล็อคเราและต้องใช้ Saving Throw 16 แต่เราโรลได้ 10 เราสามารถใช้เต๋า Portent 17 มาให้เราผ่านเช๊คไม่โดนล็อคได้ หรือ ถ้าเราใช้ Hold Person ใส่ศัตรูซึ่งจะมี DC19 แต่ศัตรูโรลได้ 20 เราก็ใช้เต๋า Portent 13 มาทำให้ศัตรูโรลไม่ผ่านได้ ประมาณนี้ ... ถือเป็นสกิลเสริมที่ดีมากๆครับ แต่ก็ขึ้นอยู่กับเต๋า Portent ทั้ง 2 ลูกที่คุณโรลได้ด้วยว่าจะได้แต้มเท่าไหร่ เหมาะกับการใช้ทำอะไร เช่น
  • ถ้าคุณมีเต๋า Portent แต้มสูงทั้งสองลูก อย่าง 18 และ 20 ... คุณก็ควรใช้เต๋านี้กับตัวเอง
  • ถ้าคุณมีเต๋า Portent แต้มต่ำทั้งสองลูก อย่าง 4 และ 7 ... คุณก็ควรใช้เต๋านี้กับศัตรู
  • ถ้าคุณมีเต๋า Portent แต้มสูง 1 ลูก ต่ำ 1 ลูก อย่าง 19 และ 5 ... คุณก็ควรใช้เต๋าแต้ม 19 กับตัวเอง และเก็บเต๋า 5 ไว้ใช้กับศัตรู
พอจะเห็นความเป็นไปได้อันหลากหลายจากสกิลนี้กันหรือยังครับ แต่เต๋า 2 ลูกนี้จะรีทุกๆ Long Rest เท่านั้น เพราะเราไม่ได้อัพ Divination Wizard จนถึงเลเวล 6 ทำให้เวลาใช้อาจจะต้องไตร่ตรองกันซักหน่อยนะครับว่าคุ้มจะใช้มันตอนนั้นหรือไม่


Spells - เลือกเวทย์เวล 1 อะไรก็ได้ 2 อันครับ ผมไม่มีอะไรแนะนำเป็นพิเศษ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 03
Wizard Lv3

Spells - เลือกเวทย์เลเวล 2 มา 2 อัน ผมแนะนำให้เลือก 2 อันนี้ครับ

> Misty Step - เวทย์วาร์ปอเนกประสงค์โดยใช้แค่ Bonus Action เท่านั้น มีไว้เพื่อให้ใช้เข้าออกพื้นที่ต่างๆได้ง่ายขึ้นครับ


> Hold Person - เวทย์สำหรับล็อคศัตรูที่เป็นมนุษย์หรือ Humanoid ทั้งหลาย ซึ่งถ้าล็อคสำเร็จ ศัตรูจะทำอะไรไม่ได้ไป 10 เทิร์น ... นอกจากนี้การโจมตีศัตรูตัวนั้นๆในระยะ 3 เมตรจะติดคริอัตโนมัติ ถือเป็นของดีที่เอาไว้ใช้ล็อคพวกบอสเก่งๆได้ สำหรับบิ้วนี้ เวทย์นี้เป็นหัวใจหลักเลยล่ะ ยังไงก็ต้อง Must Have และใช้จาก Spell Book ของ Wizard ครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 04
Wizard Lv3 / Cleric Lv1

ในเลเวลนี้เราจะหันไปอัพ Cleric กัน เพื่อจะเอาสิ่งที่เราต้องการ 2 อย่าง นั่นคือสกิล War Priest สำหรับใช้โจมตีด้วย Bonus Action และเวทย์ Sanctuary ครับ

Subclass - War Domain เพราะเราจะได้สกิลที่ชื่อว่า War Priest มาใช้นั่นเอง

War Priest
สกิลนี้จะทำให้เราสามารถใช้ Bonus Action และ War Priest Charges 1 แต้มในการโจมตีได้ 1 ครั้งต่อเทิร์น โดยใน Cleric เวล 1 นี้ เราจะมี War Priest Charges 3 แต้มต่อ 1 Long Rest ซึ่งก็จะหมายความว่าเราจะโจมตีฟรีเพิ่ม 1 ครั้งได้จำนวน 3 เทิร์น / 1 Long Rest ครับ

เนื่องจากบิ้วนี้ไม่สามารถกินยา Bloodlust เพื่อให้ได้ Action Point เพิ่มได้ ทำให้อาจจะต้องหันมาพึ่งพาการโจมตีด้วย Bonus Action จากสกิลนี้แทน


Deity - เลือกเทพที่นับถือมา 1 องค์ อะไรก็ได้ครับตามชอบเลย

Cantrips - เหมือนเดิมครับ เลือกอะไรก็ได้ แต่ผมแนะนำว่าควรต้องเลือก Guidance ไว้อันนึง เพราะจะช่วยได้มากตอนเรา Skill Check ในบทสนทนาครับ


Prepare Spells - จริงๆมันเลือกทีหลังได้ แต่ผมแนะนำให้เลือก Sanctuary ไว้ใช้งานครับ เป็นเวทย์ป้องกันตัวที่ดีมากๆอันนึงในเกมนี้เลยล่ะ


การอัพเกรดตัวละครที่ Level 05
Wizard Lv3 / Cleric Lv1 / Bard Lv1

ในเลเวลนี้เราจะไปอัพ Bard กันยาวๆเลยครับ เพราะเราต้องการหลายๆอย่างจากคลาสอเนกประสงค์สามัญคลาสนี้

Cantrips - เลือก 2 อัน ผมแนะนำเป็นเวทย์เฉพาะของ Bard อย่าง Vicious Mockery ที่เอาไว้ด่าศัตรูให้โดนดาเมจได้ ส่วนอีกอันนี่จะเอาอะไรก็ได้ครับ ส่วนตัวผมเลือก Mage Hand


Spells - เลือกเวทย์เวล 1 จำนวน 4 อัน ผมแนะนำว่าเลือกสาย Utilities ที่ Cha Modifier ไม่มีผลกับเวทย์ครับ เอาไว้ร่ายได้แบบสบายใจๆไม่ต้องห่วงเรื่อง Spell Save DC


Starting Instrument - เลือกเครื่องดนตรีเริ่มต้นฟรีได้เลยครับ ถ้าไม่ชอบ เราก็หาเครื่องดนตรีอื่นมาใส่ทีหลังได้อยู่แล้ว

Skills - เลือกเพิ่ม Proficiency ให้ Skill ที่เราต้องการ 1 อัน

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 06
Wizard Lv3 / Cleric Lv1 / Bard Lv2

ในการอัพเวลนี้ เราจะได้สกิลพิเศษของ Bard มาอีก 2 อัน คือ
> Song of Rest - มีผลเหมือนกับเรา Short Rest ให้กับทั้งทีมได้ 1 รอบ ดีจัดๆเลย เพราะในบิ้วนี้เราสามารถรีแต้ม Bardic Inspiration ด้วยการ Short Rest ได้ (จะกล่าวถึงในการอัพเวลถัดๆไปนะ) ทำให้เราสามารถรีแต้มในการทำดาเมจได้อีกรอบนึงเลยครับ คุ้มจัดๆ
> Jack of All Trades - เอาไว้ช่วยเพิ่มโบนัสครึ่งนึงของ Proficiency เราเข้าไปใน Skills Check ที่เราไม่มี Proficiency ครับ พูดง่ายๆก็คือ โบนัสสกิลเช๊คให้กับทุกสกิลที่เหลือน่ะแหละ ใช้ได้ดีในการผ่านสกิลเช๊คทั้งหลายในบทสนทนาครับ

Spells - เลือกเวทย์เวล 1 อีก 1 อย่างครับ อะไรก็ได้อีกเช่นเคย

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 07
Wizard Lv3 / Cleric Lv1 / Bard Lv3

Subclass - College of Swords เพราะเราจะได้เลือก Fighting Style เพิ่มอีก 1 อัน และ Blade Flourish สกิลที่จะมาเพิ่มทางเลือกและความยืดหยุ่นให้กับบิ้วของเราอย่างมากครับ ซึ่งคำอธิบายสกิลนี้ ผมขอยกมาจากบิ้ว 002 เลยนะ

Blade Flourish
สกิลนี้จะแยกย่อยเป็น 6 สกิลให้เราได้เลือกใช้กัน (ประชิด 3 ระยะไกล 3) แต่ จริงๆแล้วคือมีแค่ 3 ประเภทเท่านั้นครับ โดยผมจะขออธิบายเป็นประเภทๆดังนี้

1. Defensive Flourish
เป็นสกิลที่ใช้อาวุธประชิดหรืออาวุธระยะไกล และใช้แต้ม Bardic Inspiration 1 แต้ม เมื่อโจมตีโดนศัตรูแล้วจะทำให้เราได้ AC+4 ในเทิร์นนั้นๆ ถือเป็นท่าที่เอาไว้จบเทิร์นเวลาเราอยู่ในวงล้อมศัตรูเลยครับ เนื่องจากบิ้วนี้เราจะไม่ได้มี AC สูงมาก การจบด้วยท่านี้ก็สามารถช่วยให้เราหลบศัตรูในเทิร์นนั้นได้ดีขึ้นมากครับ

2. Mobile Flourish
อันนี้เป็นท่าโปรดของผมเลย เป็นสกิลที่ใช้อาวุธประชิดหรืออาวุธระยะไกล และใช้แต้ม Bardic Inspiration 1 แต้ม เมื่อโจมตีโดนจะผลักศัตรูตัวนั้นๆกระเด็นไป 6 เมตร (เหมือนๆ Pushing Attack) ... แต่ที่เด็ดกว่าคือ เราจะสามารถใช้ Movement Point ในการวาร์ปตามศัตรูตัวนั้นไปได้ครับ

3. Slashing Flourish
สำหรับบิ้วนี้ อันนี้คือท่าจำเป็นเลย เป็นสกิลที่ใช้อาวุธประชิดหรืออาวุธระยะไกล และใช้แต้ม Bardic Inspiration 1 แต้ม โจมตีศัตรู 2 ตัว ... ซึ่งถ้าเป็นอาวุธประชิดจะเป็นการโจมตีคล้าย Sweeping Attack หรือโจมตีเป็น Arc ระยะ 2 เมตร ... แต่ที่เด็ดจริงๆคืออาวุธระยะไกลครับ เพราะสามารถเลือกเป้าได้ 2 เป้า หรือจะเลือก เป้าเดียวแล้วยิง 2 นัดก็ได้ ดังนั้น สำหรับบิ้วนี้ที่เราอาจจะเหลือแค่ Action Point เราก็ยังใช้แต้ม Bardic Inspiration ในการยิงหน้าไม้ 2 นัดได้ เรียกได้ว่าดาเมจเน้นเพิ่มเป็นสองเท่าจากการโจมตีปกติเลย


Skills - ในเวลนี้ เราสามารถเลือกเพิ่ม Skills ได้อีก 2 อัน ก็เอาตามที่ชอบๆครับ


Spells - มีเวทย์เวล 2 มาให้เลือกใช้แล้ว อันนี้ผมแนะนำให้เลือก Silence ครับ แต่เราไม่ได้เอาไปอุดปากนักเวทย์(หรือตัวเอง)แต่อย่างใด แต่เอาไว้ร่ายให้เรา Concentrate ตลอดเวลาให้ผลจากสกิลของแหวนทำงานครับ


Fighting Style - แนะนำให้เลือก Duelling ครับ เพราะเราจะได้ดาเมจเพิ่มจากการใช้อาวุธระยะประชิดโจมตีเล็กน้อย เอาจริงๆ มันก็ไม่ได้ใช้หรอก เพราะบิ้วนี้เราเอาธนูยิงเป็นหลัก แต่ถึงเลือกอีกอันคือ Two-Weapon Fighting ก็ไม่มีประโยชน์กับเราอยู่ดี ก็เลือกอันนี้ไปแหละครับ 555+

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 08
Wizard Lv3 / Cleric Lv1 / Bard Lv4

Cantrips - อะไรก็ได้ครับ ตามที่ชอบเลย


Spells - เลือกเวทย์เวล 2 อีก 1 อันครับ ใครชอบอันไหนก็เลือกอันนั้นได้เลยนะ


Feat - สำหรับอันนี้ บังคับเลือกอันนี้เท่านั้นครับ

Sharpshooter
เวลาใช้อาวุธระยะไกล และเราอยู่ในระดับต่ำกว่าศัตรู เราจะไม่โดนปรับจาก High Ground Rules ครับ โดยที่เรายังสามารถใช้โบนัสจากกฎนี้ได้อยู่ ... อ่ะ พูดง่ายๆคือ ตอนเราอยู่ต่ำกว่าเราจะไม่เสียอะไร แต่เรายังได้ประโยชน์อยู่ถ้าเราอยู่สูงกว่า ... ก็เป็น Feat แบบ Must Have ของบิ้วอาวุธระยะไกลก็ว่าได้ครับ โดย Feat นี้จะให้สกิล Passive ที่เปิด-ปิดได้กับเราอีกอย่างคือ

Sharpshooter: All In - ลด Attack Roll -5 แต้ม เพื่อแลกกับดาเมจที่เพิ่มขึ้น 10 แต้ม ทั้งนี้ทั้งนั้น คุณต้องเป็นคนตัดสินใจเองนะครับว่า จะยิงเอาโดนชัวร์กว่าแต่ดาเมจน้อยกว่า หรือเอาแบบลดโอกาสโดนลงแต่ดาเมจมากกว่า ซึ่งตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และของที่คุณใส่อยู่ด้วยครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 09
Wizard Lv3 / Cleric Lv1 / Bard Lv5

ในเลเวลนี้เราจะอัพเต๋าของ Bardic Inspiration เป็น 8 แต้มแทน และจะได้สกิล Font of Inspiration ซึ่งจะทำให้เราได้ Bardic Inspiration คืนในทุกๆการ Short Rest (ปกติได้คืนทุก Long Rest) สำหรับบิ้วที่ใช้ Bardic Inspiration ในการทำดาเมจ ถือว่าดีมากๆเลยครับ

Spells - ตอนนี้มีเวทย์เวล 3 มาให้เลือกแล้ว เช่นเดิม เน้นสาย Utilities ไปครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 10
Wizard Lv3 / Cleric Lv1 / Bard Lv6

Bard เวลนี้ เราจะได้ Extra Attack มา ทำให้สามารถโจมตีได้ 2 ครั้ง / 1 Action Point ครับ เป็นการอัพเลเวลที่คุ้มมากๆสำหรับคลาสนี้เลย ... จริงๆเราจะได้สกิล Countercharm มาอีกอันนึง แต่เนื่องจากไม่ได้ใช้งานมากนัก ผมเลยไม่ขอพูดถึงละกันนะครับ

Spells - เลือกเวทย์เวล 3 มาอีก 1 อันครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 11
Wizard Lv3 / Cleric Lv1 / Bard Lv7

Spells - เลือกเวทย์เลเวล 4 ได้ 1 อันครับ ส่วนตัวผมเลือกเวทย์อย่าง Dimension Door ไว้วาร์ปช่วยเพื่อนครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 12
Wizard Lv3 / Cleric Lv1 / Bard Lv8

มาถึงเลเวลสุดท้ายแล้ว โดยในเลเวลนี้เราจะได้เลือก Feat อีกอันซึ่งมีความจำเป็นสำหรับบิ้วนี้มากๆครับ

Spells - เลือกเวทย์เวล 4 มาอีก 1 อันครับ


Feat - อันนี้ผมแนะนำกึ่งล็อคคอให้เลือกเป็น War Caster ครับ เพราะจะช่วยให้เราหลุด Concentrate ได้ยากกว่าเดิมเยอะมากเพราะจะได้โรลเป็น Advantage ตลอด ... จริงๆคุณสามารถเอาไปลง ASI เพิ่ม Int+2 ก็ได้นะครับ แต่เนื่องจากบิ้วนี้เราแทบจะ Concentrate ตลอดเวลา (ย้ำว่าเกือบตลอดเวลาจริงๆครับ) ทำให้สามารถช่วยให้คุณคงสมาธิได้ขึ้นมากๆครับ

Equipment อุปกรณ์สวมใส่ที่จำเป็น
MINOR SPOILER ALERT!!!

สำหรับอุปกรณ์สวมใส่ที่จำเป็นนี่ ยังไงก็คงหลีกเลี่ยงการสปอยได้ยาก ... แต่ก็เช่นเดิม ผมจะทำแถบปิด Spoiler เอาไว้ และจะ Spoil ให้น้อยที่สุดครับ

หากใครกลัวพลาดหรือแค่อยากรู้ว่าชิ้นไหนทำอะไรได้บ้างจริงๆ ให้ข้ามไปดูสรุปข้อมูลได้เลย

Helmet ส่วนหัว/หมวก
Helmet of Arcane Acuity

หาได้จากหีบ Gilded Chest ในพื้นที่ลับของชั้นใต้ดินใน Mason's Guild ที่ Act 2

Cloak ส่วนผ้าคลุม
Cloak of The Weave

ซื้อได้จาก Helsik ใน Devil's Fee ใน Act 3 ... โดยเราต้องรู้ข้อมูลเรื่องที่เธอรับใช้ Mammon และเป็นคนเปิดประตูสู่นรกชั้น Avernus ให้กับ Gortash เธอถึงจะยอมขายของพิเศษให้เรา รวมถึงผ้าคลุมนี้ด้วย

Armor/Clothing ส่วนเกราะ/ชุด
Bhaalist Armour

หาซื้อได้จาก Echo of Abazigal ที่ Murder Tribunal ใน Act 3 ... โดยเราต้องเลือกที่จะเป็น Unholy Assassin เท่านั้น ถึงจะมีพ่อค้ามาขายของชิ้นนี้ให้

Gloves ส่วนถุงมือ
Braindrain Gloves

ลูทจากโครงกระดูกบริเวณ Necrotic Laboratory ใน Mind Flayer Colony ที่ Act 2 ... หลังจากที่จัดการ Ketheric Thorm ในเฟสแรกได้ ถึงจะลงไปเก็บได้ ซึ่งโครงกระดูกนี้จะอยู่ใกล้ๆกับดาบ Blade of Oppressed Souls

Boots ส่วนรองเท้า
Boots of Stormy Clamour

หาซื้อได้จาก Omeluum ที่ Myconid Colony ใน Underdark Act 1 ... หลังจากที่เราทำเควส Help Omeluum investigate the parasite เสร็จแล้วเท่านั้น

Amulet ส่วนสร้อยคอ
Amulet of The Devout

หาได้จากชั้นใต้ดินของโบสถ์ Stormshore Tabernacle ใน Act 3

Rings ส่วนแหวน
Band of the Mystic Scoundrel

หาได้จากกระเป๋าในป่าโลกล้านปี ที่เดียวกับที่เราได้สามง่าม Nyrulna โดยเราต้องได้ Jackpot กงล้อของจินนี่ที่ชื่อว่า Akabi ในคณะละครสัตว์ที่ Rivington ใน Act 3 ... โดยเราต้องขโมยแหวนจากมัน เพื่อให้เราสามารถได้แจ๊คพ็อต แล้ว Akabi จะจับได้ว่าเราโกง(ทั้งๆที่มันก็โกง) และจะวาร์ปเราไปในป่าที่เต็มไปด้วยไดโนเสาร์ครับ ให้สำรวจรอบๆดูจะพบกับกระเป๋าที่มีแหวนนี้อยู่ ก็เก็บมาได้เลย อ่อ อีกอย่าง คนที่วาร์ปไปนั้นจะไปคนเดียวและเป็นคนที่ไปหมุนกงล้อ ดังนั้น เลือกคนที่เก่งๆพอจะ Solo ได้นะครับ

Strange Conduit Ring

หาได้จากหีบ Elegant Chest ของห้อง Inquisitor's Chamber ใน Crèche Y'llek ที่ Act 1

Melee Weapon ส่วนอาวุธประชิด
Infernal Rapier

ได้เป็นรางวัลจากเควสของ Wyll ที่ชื่อ The Blade of Frontiers ในช่วงท้าย Act 2 ... โดยเราจะต้องพา Wyll ลงไปใน Mind Flayer Colony เพื่อช่วย Mizora ด้วย และจะต้องผ่าน Persuasion Check DC14 เพื่อให้ได้ดาบเล่มนี้มาครับ

Drakethroat Glaive

หาซื้อได้จาก Roah Moonglow ที่ Moonrise Towers ใน Act 2

Shield ส่วนโล่
Ketheric's Shield

ดรอปจาก Ketheric Thorm ใน Act 2 … หลังจากฆ่า Ketheric Thorm ในร่าง Avatar แห่ง Myrkul แล้ว

Range Weapon ส่วนอาวุธระยะไกล
Titanstring Bow

อาวุธพระเอกของเรา หาซื้อได้จาก Brem ที่ Zhentarim Hideout ใน Act 1 และ Lann Tarv ที่ Moonrise Towers ใน Act 2

Others ส่วนอุปกรณ์ ... อื่นๆ
Resonance Stone

คืออันนี้มันไม่ใช่อุปกรณ์สวมใส่ มันไม่ใช่ Item ปกติ แต่จำเป็นสำหรับบิ้วนี้ ... เอาเป็นว่า เดี๋ยวผมไปอธิบายในหมวดความจำเป็นละกัน ... หาได้จาก Moonrise Towers ใน Act 2 ... อยู่ใน Mind Flayer Colony หลังจากที่เราเอาชนะ Ketheric Thorm ในรอบแรกได้ หินนี้จะอยู่ใกล้ๆกับเครื่องอ่าน Mind เจอแล้วให้กดเก็บมาได้เลย
สรุปความจำเป็นของอุปกรณ์แต่ละชิ้น
Helmet of Arcane Acuity - เมื่อคุณโจมตีด้วยอาวุธโดนศัตรู คุณจะได้บัฟ Arcane Acuity มา 2 เทิร์น (สูงสุดได้ 10 เทิร์น) โดย Arcane Acuity จะเพิ่ม Spell Attack Roll และ Spell Save DC +1 ต่อบัฟ 1 เทิร์น ซึ่งหมายความว่าจะทำให้คุณร่ายเวทย์ล็อคศัตรูได้ง่ายขึ้นมากๆ หรือพูดกลับกันคือศัตรูจะไม่มีทางโรลผ่าน DC ของเราได้เลยครับ สำหรับสายโจมตี+ใช้เวทย์แล้ว อันนี้เป็นหมวกที่ดีสุดๆเลยล่ะ
Cloak of The Weave - ใส่เพื่อเพิ่ม Spell Save DC +1 และได้สกิล Absorb Element มาเพิ่ม เวลาเราโดนโจมตีด้วยธาตุใด เราจะสามารถดูดซับดาเมจครึ่งนึงมาแปลงเป็นดาเมจธาตุนั้นในการโจมตีคร้งถัดไปของเรา ไม่ได้ใช้บ่อยหรอกครับเพราะดาเมจที่เพิ่มน้อยมาก แต่ก็ถือเป็นสกิลกำไรที่ดี
Bhaalist Armour - ใส่เพื่อเอาสกิล Aura of Murder ที่จะทำให้ศัตรูในระยะ 2 เมตร ติดสถานะ Vulnerable ของดาเมจแบบ Piercing หรือก็คือ โดนดาเมจ Piercing แรงขึ้นสองเท่านั่นเอง ยกเว้นว่าศัตรูตัวนั้นจะมี Resistance หรือ Immunity ของดาเมจแบบ Piercing
Braindrain Gloves - เมื่อเราทำดาเมจประเภท Psychic ใส่ศัตรู ศัตรูตัวนั้นจะติดดีบัฟ Mental Fatigue จำนวน 2 เทิร์น ซึ่ง Mental Fatigue จะทำให้ศัตรูติดลบ Saving Throw ของ Int, Wis, Cha จำนวน -1 แต้ม ต่อ 1 เทิร์นของดีบัฟ ทำให้ศัตรูเฟลเซฟเวลาโดนเวทย์ Hold Person/Monster ได้ง่ายขึ้น เมื่อเอามาใช้กับแหวน Strange Conduit Ring ด้วยแล้ว ยิ่งใช้ดีมากๆ
Boots of Stormy Clamour - เมื่อเราทำให้ศัตรูติดสถานะใดๆ ศัตรูตัวนั้นจะติด Reverberation 2 เทิร์นไปด้วย โดยถ้าศัตรูติด Reverberation 5 เทิร์น จะโดนดาเมจ Thunder 1-4 หน่วย และต้อง Con Saving Throw DC10 ให้ผ่าน ไม่งั้นศัตรูตัวนั้นจะล้มลง (Prone) เอาไว้ดีบัฟศัตรูเพิ่มได้ดีมากๆครับ
Amulet of The Devout - ใส่เพื่อเพิ่ม Spell Save DC +2 ส่วนแต้ม Channel Divinity เพิ่มอีก 1 นี่ไม่ได้ใช้ครับ
Band of the Mystic Scoundrel - เมื่อเราโจมตีด้วยอาวุธโดนศัตรู จะทำให้เราสามารถร่ายเวทย์สาย Enchantment ด้วย Bonus Action ได้ ถือเป็นการใช้ Bonus Action ที่ดีมากๆครับ เพราะบิ้วนี้จะร่ายเวทย์ล็อคสาย Enchantment อยู่แล้ว
Strange Conduit Ring - เมื่อเรา Concentrate ในเวทย์อยู่ จะทำให้การโจมตีด้วยอาวุธของเราทำดาเมจ Psychic เพิ่มได้ 1-4 หน่วย ... เอาไว้ใช้ Activate สกิลของถุงมือได้ดีมากๆครับ
Infernal Rapier - ใส่เพื่อเพิ่ม Spell Save DC +1 และยังสามารถใช้สกิล Summon Cambion มาช่วยเราสู้ได้ด้วย
Drakethroat Glaive - ไม่ได้ใส่ แต่เอาไว้ร่ายสกิล Draconic Elemental Weapon เพิ่มดาเมจธาตุให้อาวุธหลัก
Ketheric's Shield - ใส่เพื่อเพิ่ม Spell Save DC +1 และ AC+2 แถมได้ Advantage ตอน Dex Saving Throw ด้วย
Titanstring Bow - อาวุธพระเอกของเรา โดยมีสกิลที่จะบวก Str Modifier เพิ่มไปในดาเมจของอาวุธด้วย ดังนั้น เมื่อเรากินยา Elixir of Cloud Giant Strength เราจะได้ดาเมจฟรีๆ 8 หน่วยเลย
Resonance Stone - มาถึงของที่แปลกกว่าชาวบ้าน แต่จำเป็นสำหรับบิ้วนี้กันบ้างละ โดยหินนี้จะส่งออร่าทำให้ตัวเราและทุกคนที่อยู่ในรัศมี 9 เมตร ติดสถานะ Steeped in Bliss ... ซึ่งก็คือ จะได้ Advantage สำหรับ Skill Check ทางกายภาพ แต่ Disadvantage สำหรับ Skill Check ทางจิตใจ แถมยังได้ดาเมจ Psychic เป็น 2 เท่าเพราะติด Vulnerable ... สำหรับบิ้วนี้ที่ใช้เวทย์แบบ Wis Save ซะเยอะจะได้ผลดีมากๆครับ ทำให้ศัตรูโดยรอบในระยะเฟล Saving Throw ได้ง่ายจัดๆ แต่ข้อเสียคือ ตัวเราก็จะเฟล Wis Save ได้ง่ายขึ้นเช่นกัน ดังนั้น อาจจะต้องใช้ Portent ช่วยเปลี่ยนผลลัพธ์ครับ
Items อื่นๆที่จำเป็นสำหรับบิ้ว
Scroll of Enchantment Spells

เนื่องจากเราจำใช้เวทย์สาย Wizard ในการล็อคศัตรูเป็นหลัก แต่เราอัพมาแค่เวล 3 ดังนั้นก็ต้องหาคัมภีร์ทั้งหลายมาเรียนเวทย์กันครับ ซึ่งส่วนใหญ่หาซื้อได้จาก Sorcerous Sundries และผมแนะนำเวทย์ที่ต้องเรียนไว้ ดังนี้
  • Hold Monster - ให้ผลเหมือนกับ Hold Person แต่สามารถใช้กับศัตรูได้ทุกประเภทครับ
  • Confusion - ทำให้ศัตรูสับสนและโจมตีกันเองได้ สามารถ Upcast เพื่อเพิ่มระยะของ AOE ได้ด้วย


Elixir of Hill/Cloud Giant Strength

ยาเทพแห่งสาย Strength ที่ทุกคนต้องมี เพราะเมื่อกินแล้ว จะเพิ่ม Str ให้เราเป็น 21(Hill) หรือ 27(Cloud) ทันที และคงอยู่ยาวจนกว่าจะดื่ม Elixir อันใหม่หรือ Long Rest เลยทีเดียว ซึ่งหาซื้อได้ตามร้านขายของพวก Alchemy ทั้งหลาย ... หากใน Act แรกๆที่หายาก แนะนำให้หาซื้อ Elixir of Hill Giant Strength มาใช้แทนก่อนได้ครับ แต่ถ้าให้ได้ผลสูงสุด ก็ควรกิน Elixir of Cloud Giant Strength ครับ


Spellcrux Amulet

สร้อยที่สามารถฟื้น Spell Slot เวลใดก็ได้ ได้จำนวน 1 ครั้ง ถือว่าเป็นสร้อยสำรองที่ต้องพกติดตัวไว้เลยครับ หาได้จากคุกของ Moonrise Tower ใน Act 2 ครับ อย่าพลาดเชียวล่ะ อันนี้ของดีจัดๆ


Pearl of Power Amulet

เหมือนกับ Spellcrux Amulet ครับ แต่รี Spell Slot ได้แค่เวล 1 2 3 เท่านั้น เป็นสร้อยสำรองที่ดีอีกอันนึง หาซื้อได้จาก Omeluum ที่ Myconid Colony ใน Underdark ของ Act 1 ครับ


Arrow of Many Targets

ลูกธนูพิเศษที่ถ้าเรายิงโดนศัตรูตัวแรกแล้ว สามารถชิ่งไปโดนศัตรูตัวอื่นได้แล้วทำดาเมจครึ่งนึงได้อีก 3 ตัว เป็นธนูที่เอาไว้ทำดาเมจใส่ศัตรูหลายๆตัวพร้อมกันได้ดีมากๆครับ แต่กับบิ้วนี้เราเอาไว้ยิงเปิดเพื่อให้ได้บัฟ Arcane Acuity 8 เทิร์นเฉยๆ
Illithid Powers & Passive Bonus ที่จำเป็น
MAJOR SPOILER ALERT!!!

จริงๆถึงไม่มีพวกนี้ก็เล่นได้ แต่ถ้าอยากไปให้สุดก็ควรต้องมีบัฟและสกิลพวกนี้ครับ ผมจะแบ่งออกเป็นสองส่วนหลักๆก่อน คือ 1.Illithid Powers ที่แนะนำและ 2.Permanent Passive Buff ที่จำเป็นสำหรับบิ้วนี้

Illithid Powers ที่แนะนำกับบิ้วนี้

Cull the Weak
เมื่อเราลดเลือดศัตรูให้ต่ำกว่าจำนวน Tadpole ในหัวเรา ศัตรูจะตายทันทีและระเบิดทำดาเมจพลังจิตใส่ศัตรูใกล้เคียงอีก 1-4 หน่วย เป็นสกิลที่ดีมาก สำหรับคนที่ใช้พลังของ Tadpole เยอะๆอยู่แล้ว เพราะถ้าคุณอัพเกรดจนครบ แค่คุณลดเลือดศัตรูลงมาเหลือแค่นิดหน่อยก็สามารถฆ่าศัตรูตัวนั้นได้ทันที พูดง่ายๆคือ ยิ่งใช้หนอนมาก สกิลนี้ก็ยิ่งได้ผลดีมากขึ้น และบอกลาความเซ็งตอนศัตรูเหลือเลือด 1 ไปได้เลย
Fly
อีกสกิลที่ตรงตามตัวเป๊ะๆเลย ทำให้เราสามารถเคลื่อนที่ได้ดีกว่าเดินปกติมากๆ ซึ่งสกิลนี้จะได้มาฟรีๆ เมื่อเรายอมเปิดใจรับพลังจาก Astral Tadpole ที่ได้จาก The Emperor ในตอนต้น Act 3 ครับ (แต่ต้องยอมลดสวยลดหล่อ มีเส้นเลือดดำขึ้นหน้านะ 5555)

Permanent Passive Buff ที่จำเป็นกับบิ้วนี้

[Act 1] Abilities+1 จากหนังหัวของป้าแม่มด Ethel
ได้จากการปราบป้า Ethel ในรังแม่มดที่ Act 1 ก่อนป้าจะตายจะทำการต่อรองให้เราไว้ชีวิตโดยแลกกับหนังหัวเพิ่มค่า Abilities ค่าใดค่าหนึ่ง จำนวน 1 แต้มครับ ... ลองดูความจำเป็นคนในทีมด้วยก็ดีครับ

สำหรับอันนี้ ถ้าคุณอัพ Int 17 ยังไงก็ต้องเอา Int+1 เพิ่มให้เป็น 18 ครับ

[Act 3] Abilities+2 จากกระจก Mirror of Loss
หลังจากทำเควสของ Shadowheart ใน House of Grief แล้ว เข้าไปห้องด้านในที่เจอพ่อแม่ของน้อง จะมีกระจก Mirror of Loss อยู่ ตรงนี้ผมแนะนำให้เซฟไว้ก่อนนะครับ เพราะกระจกนี่ต้องผ่าน Skill Check หลายรอบมาก ผมจะเรียงไว้ให้คร่าวๆประมาณนี้
1. การ Activate กระจก ต้องผ่าน Skill Check สองอย่างคือ Religion (DC20) และ Arcana (DC25)
2. หลัง Activate กระจกแล้ว คนที่จะเพิ่ม Stat ต้องผ่าน Skill Check Religion (DC25) ของใครของมันเป็นรายบุคคลไป
3. หลังจากผ่านเช๊คทั้งหมดแล้ว เราจะสามารถมอบ Abilities 1 ใน 6 อันไหนก็ได้ของเราให้กับกระจก 2 แต้ม แล้วจะสามารถเลือกเพิ่ม Abilities 1 ใน 6 อันไหนก็ได้ของเรา 2 แต้มแทน เช่น คุณอาจะแลก Wis-2 แล้วเอา Cha+2 แทน
4. หลังจากเลือกได้แล้ว ให้ใช้ Remove Curse ลบคำสาปที่โดน -2 อยู่ ก็จะทำให้เรามีบัฟ +2 Abilities ที่เราเลือกไว้ฟรีๆอย่างถาวรครับ
5. ทำซ้ำข้อ 2-4 กับตัวละครอื่นๆได้ ยกเว้นจะเฟล Skill Check คนนั้นจะอดบัฟนี้ไปเลยถาวรครับ

ข้อนี้ให้เราเลือก Int+2 ไปเลย

ถ้าคุณอัพ Int 17 มาแล้วได้ Int+3 จากสองข้อด้านบน จะทำให้คุณมี Int เป็น 20 พอดีครับ ซึ่งก็จะได้ Spell Attack Roll และ Spell Save DC+2 จากเดิมครับ แต่ถ้าได้แค่โบนัส Int+2 จะทำให้มี Int แค่ 18 ก็จะได้เป็น +1 แทน แต่เอาจริงๆก็ไม่ต่างกันมากครับ สามารถเล่นได้ทั้ง 2 แบบไม่ต่างกัน
วิธีการเล่นของบิ้วนี้โดยละเอียด
Role และแนวทางการเล่น
บิ้วนี้ชัดเจนมากๆครับ คือ เป็น Crowd Control Caster และ Melee DPS ซึ่งจริงๆเราสามารถใช้เวทย์ได้หลากหลายสไตล์ เช่น ล็อคศัตรูด้วยเวทย์ Hold แล้วเข้าไปจ่อยิงแบบที่ผมเล่นในคลิปเทสรัน, ร่ายเวทย์ Confusion ดีบัฟศัตรูแบบ AOE, ร่ายเวทย์ทำดาเมจวงกว้าง, ยิงธนูหรือใช้ดาบโจมตีเพื่อดีบัฟศัตรู หรือแม้กระทั่งใช้ Portent เปลี่ยนแปลงผลของศัตรูหรือเพื่อนก็ได้ เรียกได้ว่าเป็นอีกบิ้วที่ Versatile มากๆ แต่ผมจะไกด์ไปในแนวทางแรก หรือการทำดาเมจเป็นหลัก เนื่องจากผมเทสโดยการ Solo เก็บค่าย Basilisk ในโหมด Tactician ตลอดทุกบิ้วอยู่แล้ว

โดยผมจะขอแจงรายละเอียดดาเมจที่เราจะทำได้คร่าวๆ ดังนี้
  • 1-8 Piercing ดาเมจจากธนู
  • 1-8 Piercing ดาเมจจากสกิล Blade Flourish ที่ใช้แต้มของเต๋า Bardic Inspiration
  • +3 Piercing ดาเมจจาก Dex Modifier (Dex16)
  • +8 Piercing ดาเมจจาก Str Modifier (Str 27 จากผลของยา Cloud Giant)
  • +10 Piercing ดาเมจจากสกิล Sharpshooter: All In
  • +2 Piercing ดาเมจจาก Weapon Enchantment +2 (+1 จากอาวุธและ +1 จาก Draconic Elemental Weapon)
  • 1-4 Psychic ดาเมจจากสกิลแหวนเมื่อเรา Concentrate
  • 1-4 ดาเมจธาตุที่เลือกจากบัฟสกิล Draconic Elemental Weapon
จะทำให้เราได้ดาเมจต่อ 1 ฮิท ประมาณนี้
ประเภทการโจมตี
ดาเมจปกติ
ดาเมจแบบติดคริ
ดาเมจแบบติดคริและ Vulnerable
โจมตีปกติ
26-39
29-55
57-106
Blade Flourish
27-47
31-71
61-138

พอเห็นเลขแล้ว เป็นไงครับ ไม่ใช่ธรรมดาเลยล่ะสิ เพราะถ้าคุณล็อคศัตรูด้วยเวทย์ Hold ได้ พอคุณเข้าไปยิงใกล้ๆ จะมีโอกาสโดนและติดคริ 100% ทันทีครับ ดังนั้น บอกลาความวืดและการลุ้นให้ติดคริไปได้เลย

การเตรียมพร้อมแบบ Step by Step
1. กินยา Elixir of Cloud Giant Strength เพิ่ม Str เป็น 27
ต้องกินเพื่อให้ได้ Str Modifier+8 ครับ ... ถ้างบน้อยก็กิน Hill จะได้ Str เป็น 21 แทน (Str Modifier+5)

2. ดรอปธนูไว้ที่พื้น ใส่ Drakethroat Glaive แล้วบัฟดาเมจธาตุให้อาวุธนั้น
มาถึงขั้นตอนในการเพิ่มดาเมจให้ตัวเรากันแล้วครับ โดยเริ่มจากการใส่ง้าว Drakethroat Glaive เพื่อให้ได้สกิล Draconic Elemental Weapon ซึ่งสกิลนี้จะบัฟให้อาวุธใดๆมีดาเมจธาตุที่เลือก 1-4 ดาเมจ ... พอบัฟแล้วอย่าลืมใส่ของเดิมกลับด้วยนะครับ

3. ร่ายเวทย์ Longstrider ใส่ตัวเองไว้
เอาไว้เพิ่มระยะเดินให้ไกลขึ้น 3 เมตร สำหรับบิ้วที่ต้องเข้าประชิดศัตรู ยังไงก็ต้องมีเอาไว้ครับ

การใช้งานบิ้วนี้ในการต่อสู้แบบ Step by Step
จริงๆแล้วมีหลายวิธีในการเริ่มมากๆครับ แต่ผมจะแนะนำแบบ Standard เอาละกันนะ
1. โจมตีศัตรูด้วย Arrow of Many Targets ให้โดนศัตรู 4 ตัว เพื่อเอาบัฟ Arcane Acuity 8 เทิร์น
ที่สำคัญคือ ต้องยิงตัวแรกให้โดนด้วยนะครับ 5555 ผมแนะนำให้ปิด Sharpshooter: All In ไปก่อนจะดีกว่า อันนี้สำคัญมาก เพราะนอกจากเราจะได้บัฟ Arcane Acuity 8 เทิร์น แล้ว ยังทำดีบัฟ Mental Fatigue ให้กับศัตรูตัวละ 2 เทิร์นอีกด้วย คุ้มๆไปเลยล่ะ

2. ใช้เวทย์ Hold Person เลเวล 6 เพื่อล็อคศัตรูที่เป็นมนุษย์จำนวน 5 ตัว ด้วย Bonus Action
ผลจากแหวนจะทำให้เราสามารถใช้เวทย์ Enchantment ด้วย Bonus Action ได้ ซึ่ง Hold Person/Monster ก็รวมอยู่ในนั้นด้วย โดยเวทย์ Hold Person จะสามารถ Upcast เพื่อเพิ่มจำนวนศัตรูที่เราจะล็อคได้ แต่ Hold Monster ไม่มีผลจากการ Upcast ดังนั้น จะใช้อันไหนก็ต้องลองคิดดูดีๆนะครับว่าอย่างไหนคุ้มกว่ากัน


3. เปิด Aura of Murder และ Sharpshooter: All In พร้อมเดินเข้าไปใกล้ๆแล้วยิงใส่ศัตรู
อันนี้คือขั้นตอนการพิพากษา เครื่องประหารหัวสุนัขเลยครับ เพราะจากดาเมจที่ผมแจงไว้ จะทำให้คุณสามารถ One Shot ศัตรูกี้ๆได้แทบทุกตัวเลย แม้แต่บอส ถ้าคุณใช้ Slashing Flourish (Ranged) โจมตีใส่ ก็ใช้ไม่เกิน 2 ครั้งเพื่อจัดการมันครับ ก็ไล่เก็บศัตรูที่โดนล็อคไว้ให้มากที่สุด ถ้าเล่นทีมก็ให้เพื่อนช่วยเก็บด้วยก็ได้ครับ

4. เมื่อเก็บศัตรูที่โดนล็อคหมด ให้วนทำซ้ำที่ข้อ 1-3 ใหม่
ก็เวียนไปจนกว่าศัตรูจะหมดครับ ซึ่งถ้าศัตรูไม่ได้เยอะก็คงวนไม่เกิน 2-3 รอบหรอกครับ 5555+

ข้อควรระวังของการใช้บิ้วนี้
  1. ระวังศัตรูนักเวทย์ระดับ Tactician ขึ้นไปเพราะมันสามารถร่าย Counterspell หยุดเวทย์ล็อคของคุณได้ ซึ่งถ้าเจอแบบนี้ผมจะใช้เวทย์เลเวลต่ำๆล่อให้มันใช้ Counterspell ไปก่อนแล้วค่อยใช้เวทย์ล็อคครับ (ดูตัวอย่างได้ในคลิปเทสรัน)
  2. เนื่องจากเราเป็น Full Caster ทำให้เราไม่ได้อึดมากขนาดที่จะไปยืนชนศัตรูได้ แถมการรับดาเมจจะทำให้เราเสี่ยงที่จะหลุด Concentrate อีกด้วย แต่เราจะยืนอยูแนวหลังแบบบิ้วนักเวทย์อื่นๆก็ไม่ได้ เพราะต้องเข้าไปทำดาเมจในระยะใกล้ ดังนั้น ต้องระวังไว้ให้ดีด้วยครับ
  3. เช่นเดียวกับบิ้ว 006 ผลจาก Resonance Stone จะโดนเราและเพื่อนด้วย ทำให้เราต้องระวังศัตรูที่ใช้เวทย์ล็อค Wis Save ต่างๆหรือการโดนดาเมจแบบ Psychic ก็อันตรายมากๆเช่นกันครับ
Conclusion
หลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมเขียนไกด์ได้เร็วจัง อ่อ ผมประชุมเยอะน่ะครับเลยมีเวลาว่างอยู่ และอย่าไปบอกใครนะ ว่าตอนผมเขียนบิ้วนี้เสร็จเนี่ย ก็ยังประชุมอยู่เลยครับ 5555 แต่ผมก็ไม่ได้ทำให้งานผมเสียนะ เพราะผมคงไม่ได้อยากออกมานั่งเล่นเกมนี้ 24 ชม.แบบไม่มีอันจะกินเช่นกันครับ 555+

ยังไงต้องขอขอบคุณไอเดียจากคุณฟ้าอีกครั้งจริงๆ ทำให้ผมได้บิ้วที่เล่นสนุกมากๆมาอีก 1 อัน สำหรับใครที่มีไอเดียอะไร สามารถพูดคุยได้เลยนะครับ ผมไม่กัดและพร้อมที่จะรับฟังข้อเสนอแนะจากทุกท่านฮะ แม้บิ้วที่ผมทำมาลงไว้นี่ จะปรับให้มันเหมาะสมกับตัวผมเองซะส่วนใหญ่ แต่คุณเองก็สามารถเอาบิ้วที่ผมไกด์ไว้เหล่านี้ ปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสไตล์การเล่นของคุณได้เช่นกัน ... นี่คือความสนุกของเกมนี้ที่เรียกว่า ถ้าคุณก้าวขาเข้ามาในวงการบิ้ว Multiclass แล้วล่ะก็ จะไม่สามารถหาทางออกไปจากลูปความสนุกนี้ได้เลยล่ะครับ

ขอตัวไปคุมตัวแล้วประหารศัตรูในเกมต่อละ ไว้เจอกันใหม่บิ้วไกด์หน้าครับผม
Bonus รวมคลิปการบิ้ว วิธีเล่น และเทสรัน
สำหรับใครที่ขี้เกียจอ่านเรียงความยาวๆของผมนะครับ ลองดูในคลิปด้านล่างได้เลย ผมทำเผื่อไว้ให้แล้ว ... สามารถพูดคุยสอบถามได้จากในคลิปหรือในไกด์นี้ได้เลยนะครับ

คลิปการทำบิ้วตั้งแต่ Level 01-12


คลิปวิธีเล่นแบบคร่าวๆและอุปกรณ์ที่ใช้


คลิป Tactician Solo Test Run

Link Guide&Build อื่นๆที่ผมได้ทำไว้
สำหรับใครที่ขี้เกียจเลื่อนหา หรืออาจจะหาไกด์ไหนไม่เจอ ลองกดไปดูในสารบัญรวมเล่มนี้ได้เลยครับ
https://test-steamproxy.haloskins.io/sharedfiles/filedetails/?id=3140547253