Baldur's Gate 3

Baldur's Gate 3

Ikke nok vurderinger
[BG3] Build#018 อัศวินศักดิ์สิทธิ์ผู้ใช้เวทย์สายฟ้า
Av Kingreader-K
บิ้ว Endgame (Act 3 Lv12) สำหรับผู้ที่ชื่นชอบบิ้วที่เป็นอัศวินก็ได้ เป็นนักเวทย์ก็ดี มีทางเลือกหลากหลาย โดยไกด์นี้ จะอธิบายการทำบิ้ว, อุปกรณ์ที่จำเป็น, และวิธีการเล่นให้อย่างละเอียดระดับโมเลกุล

อ้างอิงจากเกม Version 4.1.1.5009956 (Patch 6 Hotfix 24)
   
Utmerkelse
Favoritt
Favoritter
Fjern som favoritt
Introduction & Overview
คุณเคยอยากเล่นบิ้วสาย Battlemage ที่ตีก็ได้ ร่ายเวทย์ก็ดีมั๊ย?
คุณอยากได้บิ้วคนดีจ๋าๆ แบบไปที่ไหน แสงสว่างก็ส่องตามไปมั๊ย?
และคุณเคยอ่านบิ้ว 001 และ 002 ของผม แล้วอยากได้ 2in1 ของสองบิ้วนั้นหรือไม่?


กราบสวัสดี รอบที่ 18 กับเพื่อนๆนักผจญภัยที่ยังติดอยู่ในลูปเกมแห่งปี 2023 นะครับ เช่นเคย พบกับผม Kingreader-K และบิ้วใหม่(กึ่งๆเก่า)ที่จะมาเป็นไอเดียให้กับผู้ที่ชื่นชอบการเล่นสไตล์อัศวินแห่งธรรมะผู้เรียกสายฟ้ามาปราบปรามเหล่ามวลศัตรูครับ

บิ้วนี้เป็นบิ้วต้นแบบแรกที่ผมเคยทำไว้สมัยเขียนบิ้ว 002 นู่นเลย แต่เนื่องจากลองเทสแล้ว DPS ของบิ้ว 002 ต่อเทิร์นนั้นสูงกว่ามาก ทำให้ผมพับบิ้วนี้เก็บไป ทั้งที่จริงๆ บิ้วผสมระหว่าง Paladin และ Sorcerer นั้นเป็นที่นิยมสุดๆ เพราะความบิ้วง่ายเล่นง่าย และสามารถทำได้ทุกอย่าง ... และเนื่องจาก บิ้ว 017 ที่ผมทำไปรอบที่แล้ว ทำให้ผมเพิ่งเห็นว่า เออ เราไม่ได้ทำบิ้ว Paladin ออกมาเท่าไหร่เลย วันนี้ผมเลยถือโอกาส มาทำบิ้วมัลติของ Paladin อีกซัก 1 บิ้ว เพื่อเสิร์ฟให้กับเหล่าผู้ชื่นชอบคลาสนี้ ได้นำไปปรับใช้ให้เกิดความเมามันส์ในรันของแต่ละท่านกันครับ

โดยคอนเซ็ปบิ้วนี้จะเป็นลูกผสมระหว่างบิ้ว 001 และ 002 ซึ่งเป็นสองบิ้วแรกที่ผมทำเลย แต่ปรับเปลี่ยนอุปกรณ์บางอย่างเพื่อให้สามารถทำดีบัฟศัตรูได้ ทำให้บิ้วนี้เป็นบิ้วที่เล่นได้แบบเดียวกับบิ้ว 001 และ 002 อีกทั้งยังสามารถฮีลเพื่อน ดีบัฟศัตรู และทำ CC ได้อีกด้วย เรียกได้ว่าปรับให้มันครอบจักรวาลไปเลย แต่ก็ต้องแลกมากับดาเมจที่เบาลง ไม่ได้ไปสุดทางแบบบิ้วรุ่นพ่อแม่นะครับ ... แต่สำหรับใครที่อยากดันดาเมจให้มากกว่านี้ ก็ใช้อุปกรณ์จากบิ้ว 001 และ 002 มาปรับใช้ได้นะ

ว่าแล้ว ก็ลองไปดูรายละเอียดการบิ้วกันเลยดีกว่าครับผม

การสร้างตัวละครที่ Level 01
Paladin Lv1

Origin/Race/Sub-Race - อันนี้ผมแนะนำเผ่า Tiefling Sub-Race: Zariel Tiefling เลยครับ เพราะตอนเลเวล 3 และ 5 จะได้สกิล Smite ฟรีมา (Searing Smite และ Branding Smite) ซึ่งมีประโยชน์ในการทำดาเมจเพิ่มตอนเราหมด Spell Slot แล้ว ... แต่สุดท้าย ก็อยู่ที่ความพอใจของเราเลยครับ เลือกเล่นเผ่าไหนก็ได้ตามใจชอบเลยครับ

Class - Paladin เพราะต้องการ Proficiency Saving Throw ของ Wis และ Cha
Subclass - จริงๆอันนี้เลือกอันไหนก็ได้นะครับ แต่ผมแนะนำ Oath of Devotion เพราะถ้าคุณจะ Roleplay เป็นคนดีจ๋าๆ อันนี้จะเหมาะที่สุดแล้ว ... แต่ Oath Spells ของสายนี้จะมีดีน้อยกว่าอีกสองสายนะครับ เพราะจะเน้นไปทางเวทย์ป้องกันมากกว่า ยังไงก็เลือกที่คุณชอบก็ได้ครับ
Abilities - โดยปกติอันนี้จะมี 2 กรณีนะครับ กรณีแรกคือคนที่เริ่มเล่นจากเวลแรกๆ ให้อัพเน้น Str กับ Con ไปก่อน จะเท่าไหร่ก็ได้แล้วแต่สะดวกเลย กรณีที่สองคือตอนที่คุณมีของพร้อมแล้ว ก็มาอัพตามตารางด้านล่างนี้ครับ

ซึ่งตารางนี้ก็มีแยกอีก 2 แบบ (อะไรกันครับเนี่ย) โดยตรงนี้จะขึ้นอยู่กับว่า คุณจะได้บัฟ Cha บวกเพิ่มมาเท่าไหร่ (รายละเอียดดูในหมวด Passive Bonus ที่จำเป็นครับ) ก็ให้ดูจากตารางนี้ครับ

Abilities
Score แบบ ได้ CHA+2
Score แบบ ได้ CHA+3
Strength
8
8
Dexterity
16
16
Constitution
8
8
Intelligence
12
10
Wisdom
14
14
Charisma
16
17

Skills - อะไรก็ได้เลยครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 02
Paladin Lv2

ในเลเวลนี้เราจะได้ Divine Smite มาใช้แล้ว สำหรับใครที่อยากรู้รายละเอียดของสกิลนี้ ผมจะขอยกคำอธิบายจากบิ้ว 002 ของผมมาเลยนะครับ

Divine Smite
สกิลสายโจมตีที่ไม่นับเป็นเวทย์มนต์ ... ใช่ครับ คุณใช้สกิลนี้ได้ตอนอยู่ในวง Silence แต่มันก็ยังกิน Spell Slot อยู่ดีนะ (อย่าถามผมว่าทำไม ผมไม่รู้ 555) ซึ่งจะทำดาเมจตามดาเมจของอาวุธที่ถือ +2-16 ดาเมจแสง (เพิ่ม 1-8 หน่วยทุกๆเลเวลของ Slot เวทย์ที่ใช้) และยังมีโบนัสดาเมจแสงอีก 1-8 หน่วย ถ้าคุณใช้ใส่ศัตรูที่เป็น Undead หรือ Fiend

แต่ไม่ใช่แค่นั้น สิ่งที่ทำให้ Divine Smite โหดเหี้ยมกว่าสกิลอื่นคือ มันสามารถเป็น Reaction: On Hit หรือ Critical Hit ได้ครับ ... หมายความว่า ถ้าคุณตีธรรมดาหรือด้วยสกิล Smite อื่นๆ คุณสามารถเพิ่มดาเมจด้วย Divine Smite ได้อีก (แต่เปลือง Spell Slot เหมือนเดิมนะ) ... ทำให้ Paladin เป็นคลาสที่ทำดาเมจใส่ศัตรูตัวเดียวได้สูงมากๆครับ ในแพทช์เก่าๆ เราสามารถ Divine Smite ซ้อน Divine Smite เวลสูงๆได้ แต่ในแพทช์ปัจจุบัน ไม่สามารถทำได้แล้วครับ แถมยังเนิร์ฟดาเมจไม่ให้เกิน 5-40 อีก ... เอาน่ะ โหดเกินไปเดี๋ยวเกมจะไม่มันส์เอาเนาะ


Fighting Style - บังคับเลือก Defence ครับ เพราะจะเพิ่ม AC+1 ให้เราทันทีเมื่อเราใส่เกราะ และเนื่องจากเกราะที่เราจะใช้ AC น้อยมาก การเพิ่ม AC จึงจำเป็นสำหรับการเอาตัวรอดมากๆครับ


Prepare Spells - อันนี้ผมไม่อธิบายละกันนะ ก็เลือกอันที่ชอบเตรียมไว้ หรือจะเอาไว้ไปเลือกหลังเลเวลอัพเสร็จก็ได้ครับ
การอัพเกรดตัวละครที่ Level 03
Paladin Lv3

ในเลเวลนี้ก็ไม่มีอะไรมากครับ ไม่ต้องเลือกอะไร โดยเราจะได้ Class Action และ Oath Spells มา ซึ่งมีประโยชน์แต่ก็ไม่ได้มีผลโดยตรงกับบิ้วของเรามาก ... สิ่งที่ดูมีประโยชน์ที่สุดก็คือ Divine Health ครับ ที่จะทำให้เรามีความต้านทานโรคหรือ Disease ทั้งหมด ทำให้เราไม่สามารถโดน Disease ใดๆได้ ก็ถือว่าคุ้มค่าสำหรับสกิลของคลาสเวล 3 นี้ครับ

แต่ถ้าคุณเลือก Oath of Devotion ตามผม ในเลเวลนี้คุณจะได้เวทย์ Sanctuary ที่เป็นเวทย์เฉพาะของพวกคลาส Cleric ซึ่งเป็นเวทย์ป้องกันที่ไม่ต้อง Concentrate และใช้แค่ Bonus Action ทำให้คุณมีทางเลือกที่จะร่ายใส่ตัวเองหรือเพื่อนในยามคับขันได้ครับ อาจจะไม่ได้มีประโยชน์ในแง่ของดาเมจ แต่ก็เป็นเวทย์ Utility ที่ดีจนมองข้ามไม่ได้เลยนะ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 04
Paladin Lv4

Feat - อันแรกนี่ผมแนะนำให้เลือก Savage Attacker ครับ จะทำให้เราสามารถ Reroll ดาเมจได้ ประหนึ่งเหมือนเรามี Advantage เวลาเราโรลดาเมจ ทำให้ดาเมจจากการโจมตีระยะประชิดของเราอยู่ในโซนที่ค่อนกลางสูงครับ แถม Feat นี้ยังมีผลกับ Divine Smite ด้วย ทำให้ดาเมจระยะประชิดเราสงขึ้นมากครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 05
Paladin Lv5

ในเลเวลนี้ เราจะได้ Extra Attack มาแล้ว ทำให้เราสามารถโจมตีศัตรูได้ 2 ครั้ง/ 1 Action Point ... นอกจากนี้ ยังมีพวกเวทย์เลเวล 2 และ Oath Spells ฟรีให้อีกด้วย อาจจะไม่ได้จำเป็นกับบิ้วของเราเท่ากับ Extra Attack แต่ก็มีเวทย์ที่มีประโยชน์อย่าง Silence มาให้ด้วยครับ (กรณีที่คุณเลือก Oath of Devotion) ซึ่งเป็นเวทย์แบบ Ritual หรือก็คือ ร่ายฟรีไม่เสีย Spell Slot นั่นเอง

และที่มันใช้ได้ดี นั่นก็เพราะว่า ถึงเราจะร่ายเวทย์ในวง Silence ตัวเองไม่ได้ แต่เราก็ยัง Divine Smite ใส่ศัตรูในวงได้นะครับ ต่างกับพวกบิ้วนักเวทย์ที่ถ้าโดนวงเงียบไปนี่ ง่อยหนักเลย ... แต่เนื่องจากบิ้วนี้เป็นบิ้วผสมทำให้ฝังกลบจุดอ่อนนี้ไปได้มิดเลย

และเราจะหยุดการอัพเลเวลคลาสนี้ไว้เพียงเท่านี้ครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 06
Paladin Lv5 / Sorcerer Lv1

ในตอนต้น ผมเคยเกริ่นว่าบิ้วนี้เป็นบิ้วผสมระหว่าง 001 และ 002 ... ใช่แล้วครับ เมื่ออัพฝั่งอัศวินไปแล้ว ก็ต้องมาอัพสายเวทย์บ้าง โดยเราจะอัพไปคลาส Sorcerer ยาวๆจนเลเวล 12 นู่นเลยล่ะ

Cantrips - เลือกสายโจมตีหรืออันที่ชอบมาได้เลยครับ ตรงนี้อะไรก็ได้เลย เพราะเอาจริงๆก็ไม่ได้ใช้เป็นหลักอยู่แล้ว


Spells - อันนี้ต้องเลือกหน่อยแล้วครับ เพราะ Sorcerer ไม่สามารถสลับเวทย์ไปมาเหมือน Wizard ได้ ดังนั้น ผมจะเขียนแนะนำอันที่จำเป็นจริงๆไว้ให้นะครับ นอกนั้นให้เลือกอะไรก็ได้เลย เพราะเราสามารถเอาไว้ Replace Spells ในเวลหลังๆได้ครับ

> Shield - เวทย์ป้องกันแบบ Reaction เมื่อเราโดนโจมตี เราสามารถร่ายเพื่อเพิ่ม AC 5 หน่วย และอยู่ตลอด Turn นั้นครับ


Subclass - Storm Sorcery แน่นอนว่าต้องเลือกสายนี้เพราะประโยชน์หลายๆอย่าง เช่น สามารถบินหนีได้หลังร่ายเวทย์, ได้เวทย์ Call Lightning ฟรีๆ, ได้ค่าป้องกันสายฟ้าและฟ้าผ่า เป็นต้น ... ส่วนตัวผมคิดว่าเป็นสายที่เน้นทำดาเมจเวทย์สายฟ้าได้ดีที่สุดแล้วครับ แม้เราจะไม่ได้ผสมกับ Tempest Cleric เพื่อให้ได้ Max Damage แต่ก็ยังมีประสิทธิภาพพอจะจัดการกลุ่มศัตรูได้ดีมากๆครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 07
Paladin Lv5 / Sorcerer Lv2

Spells - อะไรก็ได้ครับ เอาไว้ใช้ช่วงเลเวลต่ำๆก่อน ยังไงก็เอาไว้เปลี่ยนอยู่แล้ว


Class Passives - มาถึงส่วนสำคัญที่เป็นเหตุผลหลักให้เรา Multi-class มาเลือกใช้ Sorcerer ครับ นั่นก็คือ Metamagic นั่นเอง โดยผมจะยกคำอธิบายจากบิ้ว 001 มาเลยนะครับ เพราะใช้เหมือนกันเป๊ะๆเลย

Metamagic
คือระบบ Passive เฉพาะตัวของ Sorcerer ที่สามารถใช้แต้ม Sorcery Point ของคลาส (ได้เพิ่ม 1 แต้มทุกเลเวลของ Sorcerer ที่อัพ) ปรับเปลี่ยนการใช้เวทย์ของเราได้ เช่น ยิงเวทย์ได้ไกลขึ้น, ใช้เวทย์ที่ปกติยิงใส่ได้ตัวเดียว สามารถยิงใส่ได้สองตัว เป็นต้น ดังนั้น คุณจะมีทางเลือกในการใช้เวทย์หลากหลายสุดๆ

โดยในเวลนี้ เราจะสามารถเลือก Metamagic ได้ 2 อย่าง ซึ่งผมไม่แนะนำนะครับ แต่ขอจับล็อคคอให้เลือกตามผมเลย เพราะมันดีจริงๆนะเออ

Metamagic: Extended Spell - สำหรับยืดระยะเวลาของเวทย์บัฟหรือเวทย์ที่ทำให้ศัตรูติดสถานะทั้งหลาย แล้วมันก็ไม่ได้ยืดเวลาให้แค่ 25% 50% นะครับ แต่มันเพิ่มให้อีก 100% หรือพูดง่ายๆคือ เพิ่มระยะเวลา x2 เท่าไปเลย ดังนั้นเวทย์บัฟที่ปกติอยู่ 10 เทิร์น จะกลายเป็น 20 เทิร์นเลย แถมใช้แต้ม Sorcery Point แค่ 1 แต้ม คุ้มกว่าคุ้มอีก


Metamagic: Twinned Spell - สำหรับเพิ่มเป้าหมายในการใช้เวทย์ที่ปกติเราใช้ใส่ได้แค่เป้าหมายเดียว โดยใช้แต้ม Sorcery Point 1 แต้มต่อเลเวลของเวทย์นั้นๆ … อธิบายง่ายๆในกรณีของบิ้วนี้เลยนะครับ อย่างปกติ เวทย์ Haste เป็นเวทย์เวล 3 ที่ร่ายใส่เราหรือเพื่อนได้ 1 คน แต่ถ้าคุณเปิดโหมดนี้ คุณจะร่ายใส่ได้ 2 คนแทน โดยแลกกับแต้ม Sorcery Point 3 แต้ม ถือเป็นการใช้ Slot เวทย์และ Sorcery Point ให้คุ้มค่ามากๆวิธีนึงครับ


การอัพเกรดตัวละครที่ Level 08
Paladin Lv5 / Sorcerer Lv3

Spells - ตอนนี้คุณจะมีตัวเลือกของเวทย์เลเวล 2 มาให้แล้ว ให้คุณเลือก 2 อันนี้ครับ

> Misty Step - เวทย์วาร์ปอเนกประสงค์โดยใช้แค่ Bonus Action เท่านั้น มีไว้เพื่อให้ใช้เข้าออกพื้นที่ต่างๆได้ง่ายขึ้นครับ


> Hold Person - เวทย์สำหรับล็อคศัตรูที่เป็นมนุษย์หรือ Humanoid ทั้งหลาย ซึ่งถ้าล็อคสำเร็จ ศัตรูจะทำอะไรไม่ได้ไป 10 เทิร์น ... นอกจากนี้การโจมตีศัตรูตัวนั้นๆในระยะ 3 เมตรจะติดคริอัตโนมัติ ถือเป็นของดีที่เอาไว้ใช้ล็อคพวกบอสเก่งๆได้ครับ


Class Passives - มาเลือก Metamagic อีก 1 อันและเป็นอันสุดท้ายในบิ้วนี้ของเรากัน ขอล็อคคอเลือกเหมือนเดิมนะครับ

Metamagic: Quickened Spell - สำหรับการใช้แต้ม Sorcery Point 3 แต้ม แลกกับการร่ายเวทย์โดยใช้แค่ Bonus Action แทน สำหรับบิ้วที่เอา Action Point ไปโจมตีระยะประชิดได้ การที่สามารถปรับให้ใช้เวทย์ด้วย Bonus Action ได้นี่คือ สวรรค์สุดๆเลยครับ เพราะคุณจะสามารถทั้งโจมตีและร่ายเวทย์ หรือจะร่ายเวทย์รัวๆใส่ศัตรูเลยก็ได้ เป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่ามากครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 09
Paladin Lv5 / Sorcerer Lv4

Cantrips - เลือกอะไรก็ได้ครับ เพราะไม่ได้ใช้เช่นเดิม 5555


Spells - เลือก Spell Lv2 อีก 1 อย่าง อันนี้อะไรก็ได้ครับ เอาไว้เปลี่ยนเป็นเวทย์อื่นๆแทน


Feats - การเลือก Feat รอบแรกของบิ้วนี้ ผมแนะนำกึ่งๆล็อคคอให้เลือก Ability Improvement เพิ่ม Cha เข้าไปอีก 2 หน่วยครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 10
Paladin Lv5 / Sorcerer Lv5

Spells - ตอนนี้เราจะเลือกเวทย์เวล 3 ได้แล้ว ซึ่งมีหลายอันเลยที่ต้องเอาไว้ครับ ผมขอแนะนำให้เลือกอันที่จำเป็นสุด 2 อันก่อน นั่นก็คือ

> Counterspell - เวทย์ Anti Magic ที่ใช้ได้ผลดีสุดๆ เมื่อศัตรูร่ายเวทย์เราจะสามารถใช้ Reaction ในการป้องกันการร่ายเวทย์นั้นของศัตรูได้ โดยศัตรูจะเสีย Action Point และ Spell Slot ในการร่ายเวทย์นั้นไปฟรีๆเลย ถือว่าเป็นของดีที่คุณคู่ควรครับ


> Haste - เวทย์ที่สำคัญมากๆสำหรับทุกคน เพราะจะเพิ่ม Action Point ให้กับคนที่เราร่ายใส่อีก 1 แต้ม หมายความว่า คุณจะสามารถยิงเวทย์หรือโจมตีได้อีก 1 ชุดเลย แต่เวทย์นี้ต้องการ Concentration นะครับ ดังนั้น ต้องระวังไม่ให้ร่ายเวทย์ที่ต้อง Concentrate ซ้ำหลังร่ายเวทย์นี้นะ เพราะมันจะหลุดจาก Concentrate และคนที่ได้ Haste จะติดมึนไป 1 เทิร์นทันที ตอนใช้ก็ระวังด้วยนะครับ


Replace Spell - ก็เอาอันที่ไม่ใช้แลกกับ 1 อันข้างบนที่ไม่ได้เลือกได้เลยครับ
การอัพเกรดตัวละครที่ Level 11
Paladin Lv5 / Sorcerer Lv6

เวลนี้เราจะอัพ Storm Sorcery เวล 6 ซึ่งจะได้โบนัสหลายอย่างมากๆเลย ผมจะสรุปให้คร่าวๆ ตามนี้นะครับ

Heart of the Storm - เมื่อคุณร่ายเวทย์ Lightning หรือ Thunder จะสามารถระเบิดพลัง Lightning หรือ Thunder 3 ดาเมจรอบๆตัวเราในระยะ 6 เมตรได้ เป็นโบนัสดาเมจเล็กๆเวลาโดนศัตรูล้อมอยู่ครับ

Heart of the Storm: Resistance - ง่ายๆตรงๆ คือ คุณจะได้ค่าป้องกันธาตุ Lightning และ Thunder มาครับ เวลาโดนดาเมจสองธาตุนี้ ก็จะลดดาเมจลงไปได้ครึ่งนึงครับ


นอกจาก Passive ข้างบนแล้ว เรายังจะได้เวทย์ฟรีอีก 5 อันครับ ซึ่งผมไม่ขออธิบายทุกอันนะ เพราะจริงๆเราจะใช้แค่ 2 อันเท่านั้น

> Create or Destroy Water - เวทย์ที่สำคัญสุดๆเลยครับ หลายคนอาจจะงงว่า ร่ายน้ำมันจะมีประโยชน์อะไรเนี่ย มีสิครับ เพราะเมื่อคุณร่ายน้ำลงใส่ศัตรู มันจะติดสถานะ Wet ซึ่งจะทำให้แพ้ธาตุน้ำแข็งและสายฟ้า หรือก็คือ โดนดาเมจน้ำแข็งและสายฟ้าเป็นสองเท่าของปกติ เช่น ถ้าปกติโดนสายฟ้า 80 ดาเมจ จะกลายเป็น 160 ดาเมจทันที

> Call Lightning - หลายๆสำนัก ยกให้เป็นเวทย์สายฟ้าที่ 'Cost Effective' หรือคุ้มค่าที่สุด เพราะพอคุณใช้เวทย์นี้ครั้งแรกแล้ว คุณจะเข้า Concentrate และสามารถร่ายฟรีได้อีก 10 เทิร์น แถมยังเป็นเวทย์เวล 3 ด้วย (Upcast เพิ่มดาเมจได้อีกนะ) ทำให้เป็นเวทย์ที่คุ้มค่าสุดๆ โดยในบิ้วนี้ เราจะไม่มีเวทย์แรงๆอย่าง Chain Lightning แบบบิ้ว 001 เราจึงจะใช้เวทย์นี้ในการทำดาเมจสายฟ้าแบบ AOE เป็นหลักแทนครับ

Spells - เลือกเวทย์เวล 3 อีก 1 อัน เนื่องจากบิ้วนี้เป็นบิ้วเน้นเวทย์สายฟ้า ผมเลยแนะนำให้เลือก Lightning Bolt ซึ่งเป็นเวทย์ยิงลำแสงสายฟ้าเป็นเส้นตรงที่ไม่ต้อง Concentrate ครับ เป็นเวทย์ทำดาเมจแบบ Line AOE ที่ดีมากๆอันนึงเลย

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 12
Paladin Lv5 / Sorcerer Lv7

Spells - ตอนนี้เราจะเลือกเวทย์เลเวล 4 ได้แล้ว ซึ่งตรงนี้จะเลือกได้ 1 อันและเปลี่ยนได้ 1 อันครับ
ผมจะแนะนำ 2 อันที่ผมชอบส่วนตัวไว้ตามนี้

> Ice Storm - เนื่องจากเราสามารถร่ายเวทย์ Create Water เพื่อทำให้ศัตรูติดสถานะ Wet ได้ ทำให้เวทย์น้ำแข็งก็ได้อานิสงค์นี้ไปด้วย แต่เวทย์นี้จะไม่ได้เป็นดาเมจเวทย์น้ำแข็งเพียวๆนะครับ ทำให้อาจจะไม่ได้แรงมากนัก แต่ก็มีระยะที่กว้างและทำให้ศัตรู(และพวกเราด้วย)ล้มลงไปนอนกองกับพื้นได้ง่ายๆ ก็ถือเป็นเวทย์ทำดาเมจวงกว้างที่มีประโยชน์มากๆครับ


> Banishment - เมื่อคุณเจอศัตรู(หรือเพื่อน)ป่วนๆที่ทำให้คุณวุ่นวายใจ ลองใช้เวทย์นี้ขับไล่ไสส่งมันไปอีกมิติเป็นเวลา 2 เทิร์นดูสิครับ ... ใช่ครับ ถ้าคุณใช้แล้วศัตรู (หรือเพื่อน) ไม่สามารถ Cha Saving Throw ผ่าน Spell Save DC ของคุณได้ จะถูกส่งไปยังอีกมิติเป็นเวลา 2 เทิร์น เหมือนโดนธานอสดีดนิ้วลบให้หายไป (แต่แป๊บเดียวก็กลับมา) ประมาณนั้นเลยครับ ... เอาไว้ใช้ช่วยเพื่อนหรือใช้ใส่ศัตรูระดับบอสที่เรายังไม่อยากให้มันใช้สกิลอะไรเยอะแยะให้เราปวดหัววุ่นวายครับ


จริงๆ เวทย์เลเวล 4 นี้คุณจะเลือกอะไรก็ได้ครับ เอาตามที่คุณชอบก็ได้นะ และเราก็จะจบกับการอัพเลเวลตัวละครเพียงเท่านี้ ไปต่อกันที่อุปกรณ์ที่จำเป็นกันเลยครับ
Equipment อุปกรณ์สวมใส่ที่จำเป็น
MINOR SPOILER ALERT!!!

สำหรับอุปกรณ์สวมใส่ที่จำเป็นนี่ ยังไงก็คงหลีกเลี่ยงการสปอยได้ยาก ... แต่ก็เช่นเดิม ผมจะทำแถบปิด Spoiler เอาไว้ และจะ Spoil ให้น้อยที่สุดครับ

หากใครกลัวพลาดหรือแค่อยากรู้ว่าชิ้นไหนทำอะไรได้บ้างจริงๆ ให้ข้ามไปดูสรุปข้อมูลได้เลย

Helmet ส่วนหัว/หมวก
Birthright

หาซื้อได้จาก Sorcerous Sundries ใน Act 3 ... ขายโดยร่างจำแลงของ Lorroakan หรือ Rolan ถ้ายังเขายังมีชีวิตรอดจาก Act 1 และ 2 มาได้

Cloak ส่วนผ้าคลุม
Cloak of Protection

หาซื้อได้จาก Quartermaster Talli ที่ Last Light Inn ใน Act 2

Armor/Clothing ส่วนเกราะ/ชุด
Luminous Armour

หาได้จากหีบที่ล็อคไว้ใน Selunite Outpost ที่ Underdark ใน Act 1 ... หีบอยู่หลังประตูลับที่ต้อง Perception Check ให้ผ่าน หรือกระโดดขึ้นไปจากด้านล่างแถวห้องที่มี Waypoint

Gloves ส่วนถุงมือ
Gauntlets of Frost Giant Strength

ได้จาก House of Hope ใน Act 3 อยู่ในห้องโชว์ Artifact ที่เดียวกันกับ Orphic Hammer

Boots ส่วนรองเท้า
Boots of Persistence

หาซื้อได้จาก Dammon ที่ Forge of Nine ใน Act 3

Amulet ส่วนสร้อยคอ
Amulet of Greater Health

ได้จาก House of Hope ใน Act 3 อยู่ในห้องโชว์ Artifact ที่เดียวกันกับ Orphic Hammer

Rings ส่วนแหวน
Ring of Protection

หาได้จาก Druid Grove ใน Act 1 ... เป็นรางวัลของเควส Steal the Sacred Idol ของ Mol หลังจากที่เราไปขโมยรูปปั้นมาให้เธอแล้ว

Callous Glow Ring

หาได้จากหีบใน Vault Room ใกล้ๆกับ Balthazar ที่ Gauntlet of Shar ใน Act 2

Melee Weapon ส่วนอาวุธประชิด
The Sacred Star

หาซื้อได้จาก Vicar Humbletoes ที่ Stormshore Tabernacle ใน Act 3

Drakethroat Glaive

หาซื้อได้จาก Roah Moonglow ที่ Moonrise Towers ใน Act 2

Shield ส่วนโล่
Viconia's Walking Fortress

โล่ที่ดีที่สุดในเกม ดรอปจาก Viconia ที่ House of Grief ใน Act 3 ... โดยถ้าเล่นปกติ เราต้องเลือกฆ่าเธอถึงจะได้ของนะครับ แต่ถ้าจะเลือกปล่อยไปแล้วอยากได้โล่ด้วย หลังจบไฟท์ก่อนคุยให้กดคลิกขวาที่ Viconia แล้วกด Loot ของทั้งหมดมาก่อน จากนั้นค่อยคุยให้ปล่อยไปได้ครับ ผมเทสแล้วว่าสามารถทำได้จริง ณ Patch 6 Hotfix 25

Range Weapon ส่วนอาวุธระยะไกล
Hellrider Longbow

หาซื้อได้จาก Ferg Drogher ที่ Rivington ใน Act 3 … โดยตอนที่เราจะไปซื้อของ ห้ามเอา Shadowheart เข้าทีมนะครับ ไม่งั้นเนื้อเรื่องของน้องจะเดินแล้ว Ferg จะหายตัวไปเลยหลังเราคุยจบ ดังนั้น ซื้อของช้อปปิ้งให้เสร็จก่อนครับ
สรุปความจำเป็นของอุปกรณ์แต่ละชิ้น
Birthright - ใส่เพื่อเพิ่ม Cha+2 แต้ม ดูเหมือนน้อยแต่จำเป็นมากๆสำหรับบิ้วนี้ครับ เพราะ 2 แต้มนี้ หมายถึง Cha Modifier+1 ในตัวมันเองเลยนะ เอาไว้ช่วยเพิ่ม Cha ให้สามารถร่ายเวทย์ของ Paladin และ Sorcerer ได้ดีขึ้นครับ
Cloak of Protection - ใส่เพื่อเพิ่ม AC+1 และ Saving Throw +1
Luminous Armour - เมื่อเราทำดาเมจแสงจากการโจมตีหรือเวทย์ จะทำให้เกิด Radiant Shockwave ซึ่งจะทำให้ศัตรูที่อยู่ในระยะ 3 เมตรติดสถานะ Radiating Orb เป็นเวลา 2 เทิร์น
Gauntlets of Frost Giant Strength - ปรับ Strength ของเราให้เป็น 23 เป็นเหตุผลที่บิ้วนี้ผมลด Str ลงไปเหลือ 8 เป็นของเทพอีกอย่างที่หาได้ในช่วง Endgame ครับ
Boots of Persistence - ใส่เพื่อเอาสกิล Longstrider ให้เดินไกลขึ้น 3 เมตร และสกิล Freedom of Movement ด้วย
Amulet of Greater Health - ปรับ Constitution ของเราให้เป็น 23 ของดีที่ต้องมีไว้ในครอบครอง
Ring of Protection - ใส่เพื่อเพิ่ม AC+1 และ Saving Throw +1
Callous Glow Ring - เมื่อโจมตีศัตรูที่ถูกแสงส่องใส่ เราจะได้ดาเมจแสง 2 แต้มฟรีๆ พอใช้คู่กับอุปกรณ์ที่ทำให้ศัตรูติดสถานะ Radiating Orb แล้ว ยิ่งเรียกได้ว่า การันตีดาเมจ 2 หน่วยกันไปเลย
The Sacred Star - ใช้เป็นอาวุธหลักในการโจมตี เพราะเมื่อโจมตีโดน จะทำให้ศัตรูติดสถานะ Radiating Orb เป็นเวลา 1 เทิร์น เมื่อรวมกับผลของเกราะและแหวนแล้ว จะทำให้ศัตรูติดสถานะ Radiating Orb เยอะมากจนตีเราแทบไม่โดนเลย แถมอาวุธนี้ยังมีท่าพิเศษที่ชื่อว่า Dawnburst Strike (ใช้ได้ 1 ครั้ง / 1 Short Rest) ที่เมื่อโจมตีแล้วจะมีผลแบบ AOE 3 เมตร ทำให้ศัตรูติดสถานะตาบอดหรือ Blinded ได้ และเอาไว้ Trigger Divine Smite ได้ด้วย (ดูตัวอย่างในคลิปหมวดโบนัสได้ครับ)
Drakethroat Glaive - ไม่ได้ใส่ แต่เอาไว้ร่ายสกิล Draconic Elemental Weapon ธาตุสายฟ้าให้กับ The Sacred Star ครับ
Viconia's Walking Fortress - ใส่เพื่อเพิ่ม AC+3 และได้สกิล Warding Bond (ไม่ได้ใช้ครับ) กับสกิล Reflective Shell ซึ่งดีมากเวลาเล่น Tank แล้วเจอกับกลุ่มศัตรูสายระยะไกล เพราะเมื่อเราเปิดใช้สกิลนี้ มันจะอยู่เป็นเวลา 2 เทิร์น และในระยะเวลานั้น มันจะสะท้อนการโจมตีระยะไกลแบบ Missile ที่เล็งมาที่เราทุกชนิด ใช่ครับ เวทย์ระยะไกลก็สะท้อนได้เช่นกัน นอกจากนั้นยังมี Shield Bash แบบพิเศษที่สามารถทำดาเมจ Force ได้ด้วย ยิ่งใน Patch 6 ขึ้นไปได้แก้ไขบั๊กของ Bash แล้ว ยิ่งทำให้โล่นี้ใช้งานได้เต็มที่มากขึ้นครับ
Hellrider Longbow - ใส่เพื่อเอา Initiative+3 ทำให้เราได้ตาเดินก่อนชาวบ้าน(และศัตรู) และมีโอกาสทำให้ศัตรูที่โดนธนูยิง ติดสถานะ Faerie Fire ได้ 1 ครั้งต่อเทิร์นด้วย

อุปกรณ์ทางเลือกสำหรับคนที่อยากดันบิ้วนี้ไปให้สุดกว่านี้
สำหรับคนที่ไม่เคยอ่านบิ้ว 001 และ 002 ของผมหรือจำไม่ได้ ผมจะแนะนำอุปกรณ์ที่สามารถเอามาใช้ในบิ้วนี้ได้นะครับ โดยอุปกรณ์เหล่านี้สามารถหาอ่านวิธีการได้มาจากบิ้วเก่าได้เลยครับ (สุดท้ายก็บังคับให้ไปอ่านอยู่ดี 555)
  1. Hood of the Weave - ใส่เพื่อเพิ่ม Spell Save DC และ Spell Attack Rolls +2 ใช้แทนหมวกของบิ้วนี้ได้เลย แต่หมวกนี้เป็นหมวกเทพของพวกนักเวทย์ การจะเอามาใช้ก็ลองถามเพื่อนที่เล่นนักเวทย์เต็มตัวดูก่อนนะครับ 555+
  2. Cloak of The Weave - ใส่เพื่อเพิ่ม Spell Save DC และ Spell Attack Rolls +1 และได้สกิล Absorb Element มาเพิ่ม เวลาเราโดนโจมตีด้วยธาตุใด เราจะสามารถดูดซับดาเมจครึ่งนึงมาแปลงเป็นดาเมจธาตุนั้นในการโจมตีคร้งถัดไปของเรา ไม่ได้ใช้บ่อยหรอกครับเพราะดาเมจที่เพิ่มน้อยมาก แต่ก็ถือเป็นสกิลกำไรที่ดี แต่เราจะเสีย AC+1 จากผ้าคลุมอันเก่าไป ก็เหมาะกับคนที่อยากเน้นไปทางสายเวทย์ให้มากขึ้นครับ
  3. Disintegrating Night Walkers - ใส่เพื่อกันการลื่นล้มจากน้ำแข็ง และมี Misty Step ฟรีให้ใช้ได้ 1 ครั้งครับ สำหรับคนที่หล่อจะลื่นล้มบ่อยๆ ใส่รองเท้าคู่นี้แล้วบอกลาความหล่อลื่นของตัวเองได้เลย
  4. Deva Mace - อยากสไมท์แรงกว่านี้? หยิบ Deva Mace มาใช้สิครับ แล้วดาเมจคุณจะไม่แพ้บิ้ว 002 เลยล่ะ ข้อเสียคือ คุณจะเสียโอกาสการใช้ท่าพิเศษอย่าง Dawnburst Strike ไปนะครับ ... แต่เชื่อเถอะ อาวุธนี้มัน OP เกินกว่าจะมานั่งเทียบความคุ้มครับ
  5. Ketheric's Shield - ใส่เพื่อเพิ่ม Spell Save DC +1 และ AC+2 แถมได้ Advantage ตอน Dex Saving Throw ด้วย ก็เป็นอีกโล่ที่แลก AC 1 แต้ม กับการเพิ่ม Spell Save DC 1 แต้มครับ สำหรับสายเน้นเวทย์ก็ลองเปลี่ยนมาใช้ดูได้ฮะ
  6. Gontr Mael - ถ้าพูดถึงอาวุธระยะไกลที่มีดาเมจแสงแล้ว ก็คงไม่พ้นธนูเทพอันนี้ครับ นอกจากนี้ยังมีสกิล Celestial Haste ซึ่งให้ผลเหมือน Haste เลยแต่ตอนหลุด Concentrate จะไม่ทำให้มึน และระยะเวลามีผลแค่ 5 เทิร์นครับ
  7. Risky Ring - สำหรับใครที่อยากเน้น Smite หรือโจมตีระยะประชิดให้มากกว่านี้ ลองใส่แหวนเทพนี้ดูครับ จะรู้เลยว่าการได้ Advantage ทุกๆการโจมตีนี่คือสวรรค์ของสาย Smite เลย ... จะมารู้ตัวว่านรกก็ตอนที่โดน Disadvantage ตอน Saving Throw นี่แหละครับ 555+
Items อื่นๆที่จำเป็นสำหรับบิ้ว
Elixir of Bloodlust

ยาเทพที่ทุกคนต้องมี ผลของมันคือ เมื่อฆ่าศัตรูได้ จะได้ Action Point คืนมา 1 แต้ม มีผล 1ครั้ง/1เทิร์น นั่นหมายความว่า ถ้าคุณฆ่าศัตรูได้ในเทิร์นนั้น คุณจะ Smite ฟรีได้อีก 2 ครั้งหรือร่ายเวทย์ได้อีก 1 ครั้งครับ


Spellcrux Amulet

สร้อยที่สามารถฟื้น Spell Slot เวลใดก็ได้ ได้จำนวน 1 ครั้ง ถือว่าเป็นสร้อยสำรองที่ต้องพกติดตัวไว้เลยครับ หาได้จากคุกของ Moonrise Tower ใน Act 2 ครับ อย่าพลาดเชียวล่ะ อันนี้ของดีจัดๆ


Pearl of Power Amulet

เหมือนกับ Spellcrux Amulet ครับ แต่รี Spell Slot ได้แค่เวล 1 2 3 เท่านั้น เป็นสร้อยสำรองที่ดีอีกอันนึง เพราะบิ้วเรามีเวทย์ถึงแค่เวล 4 เอง หาซื้อได้จาก Omeluum ที่ Myconid Colony ใน Underdark ของ Act 1 ครับ


Potion of Angelic Slumber

ยาเทพที่หายากสุดๆ แน่นอนครับ เพราะมันคือยาของดียังไงล่ะ ... เมื่อกินยานี้แล้ว เราจะสลบไป 2 เทิร์น (แนะนำให้ใช้นอก Combat) เมื่อเราตื่นขึ้นมา จะได้ผลเหมือนกับเรา Long Rest ครับ เลือดและ Spell Slot จะรีกลับมาให้จนเต็มทันที ... แต่ผมไม่แนะนำให้ใช้บ่อยๆนะครับ เพราะยานี้หายากมาก เอาเก็บไว้ใช้ตอน Endgame หรือตอนที่อยู่ใน Danger Zone ที่ไม่สามารถวาร์ปกลับแคมป์ได้จะดีกว่าครับ
Illithid Powers & Passive Bonus ที่จำเป็น
MAJOR SPOILER ALERT!!!

จริงๆถึงไม่มีพวกนี้ก็เล่นได้ แต่ถ้าอยากไปให้สุดก็ควรต้องมีบัฟและสกิลพวกนี้ครับ ผมจะแบ่งออกเป็นสองส่วนหลักๆก่อน คือ 1.Illithid Powers ที่แนะนำและ 2.Permanent Passive Buff ที่จำเป็นสำหรับบิ้วนี้

Illithid Powers ที่แนะนำกับบิ้วนี้

ผมจะยกมาแค่อันที่จำเป็นๆนะครับ แต่ถ้ามีโอกาสอัพเต็มก็ทำได้เลยครับ ได้ใช้คุ้มแน่นอนเพราะสกิลพวกนี้มัน OP เอามากๆ และก็ไม่ได้ส่งผลกับเนื้อเรื่องในเกมมากมายอย่างที่เรากลัวด้วยครับ

Luck of the Far Realms
เมื่อเราโจมตีศัตรูโดน จะสามารถบังคับติด Critical ได้ ใช้ได้ 1 ครั้ง / 1 Long Rest ถือว่าเป็นสกิลที่จำเป็นสำหรับสายโจมตีเลยครับ เพราะเราจะบังคับติดคริได้
Cull the Weak
เมื่อเราลดเลือดศัตรูให้ต่ำกว่าจำนวน Tadpole ในหัวเรา ศัตรูจะตายทันทีและระเบิดทำดาเมจพลังจิตใส่ศัตรูใกล้เคียงอีก 1-4 หน่วย เป็นสกิลที่ดีมาก สำหรับคนที่ใช้พลังของ Tadpole เยอะๆอยู่แล้ว เพราะถ้าคุณอัพเกรดจนครบ แค่คุณลดเลือดศัตรูลงมาเหลือแค่นิดหน่อยก็สามารถฆ่าศัตรูตัวนั้นได้ทันที พูดง่ายๆคือ ยิ่งใช้หนอนมาก สกิลนี้ก็ยิ่งได้ผลดีมากขึ้น และบอกลาความเซ็งตอนศัตรูเหลือเลือด 1 ไปได้เลย
Fly
อีกสกิลที่ตรงตามตัวเป๊ะๆเลย ทำให้เราสามารถเคลื่อนที่ได้ดีกว่าเดินปกติมากๆ ซึ่งสกิลนี้จะได้มาฟรีๆ เมื่อเรายอมเปิดใจรับพลังจาก Astral Tadpole ที่ได้จาก The Emperor ในตอนต้น Act 3 ครับ (แต่ต้องยอมลดสวยลดหล่อ มีเส้นเลือดดำขึ้นหน้านะ 5555)

Permanent Passive Buff ที่จำเป็นกับบิ้วนี้

ผมจะยกมาแต่อันที่จำเป็นนะครับ แต่ถึงพลาดไปก็ไม่เป็นไร แค่อย่างน้อยขอให้ได้บัฟ Cha+2 จากตอน Act 3 ได้ก็พอ ... ถ้าไม่ได้บัฟเลยถามว่าเล่นได้มั๊ย ก็เล่นได้ครับ แต่จะไม่สุดเท่าคนที่มีบัฟแค่นั้นเอง

[Act 1] Abilities+1 จากหนังหัวของป้าแม่มด Ethel
ได้จากการปราบป้า Ethel ในรังแม่มดที่ Act 1 ก่อนป้าจะตายจะทำการต่อรองให้เราไว้ชีวิตโดยแลกกับหนังหัวเพิ่มค่า Abilities ค่าใดค่าหนึ่ง จำนวน 1 แต้มครับ ... เช่นเดิม ลองดูความจำเป็นคนในทีมด้วยก็ดีครับ

ถ้าเราจะเอาค่าโบนัสจากข้อนี้ ผมแนะนำให้เลือก Cha เท่านั้นครับ

[Act 3] Abilities+2 จากกระจก Mirror of Loss
หลังจากทำเควสของ Shadowheart ใน House of Grief แล้ว เข้าไปห้องด้านในที่เจอพ่อแม่ของน้อง จะมีกระจก Mirror of Loss อยู่ ตรงนี้ผมแนะนำให้เซฟไว้ก่อนนะครับ เพราะกระจกนี่ต้องผ่าน Skill Check หลายรอบมาก ผมจะเรียงไว้ให้คร่าวๆประมาณนี้
1. การ Activate กระจก ต้องผ่าน Skill Check สองอย่างคือ Religion (DC20) และ Arcana (DC25)
2. หลัง Activate กระจกแล้ว คนที่จะเพิ่ม Stat ต้องผ่าน Skill Check Religion (DC25) ของใครของมันเป็นรายบุคคลไป
3. หลังจากผ่านเช๊คทั้งหมดแล้ว เราจะสามารถมอบ Abilities 1 ใน 6 อันไหนก็ได้ของเราให้กับกระจก 2 แต้ม แล้วจะสามารถเลือกเพิ่ม Abilities 1 ใน 6 อันไหนก็ได้ของเรา 2 แต้มแทน เช่น คุณอาจะแลก Wis-2 แล้วเอา Cha+2 แทน
4. หลังจากเลือกได้แล้ว ให้ใช้ Remove Curse ลบคำสาปที่โดน -2 อยู่ ก็จะทำให้เรามีบัฟ +2 Abilities ที่เราเลือกไว้ฟรีๆอย่างถาวรครับ
5. ทำซ้ำข้อ 2-4 กับตัวละครอื่นๆได้ ยกเว้นจะเฟล Skill Check คนนั้นจะอดบัฟนี้ไปเลยถาวรครับ

[Act 3] Cha+1 จากกระจก Mirror of Loss
วิธีทำตามในคลิปด้านล่างได้เลยครับ แต่ผมจะพิมพ์อธิบายไว้คร่าวๆประมาณนี้
1. Activate กระจกเหมือนเดิม
2. อย่าเพิ่งผ่าน Religion Check รายบุคคล ให้แลก Stat -2 เพื่อสุ่มหา Patriar's Memory ครับ ... ใช่ครับ สุ่มนะครับ อาจจะไม่ได้ 100% ดังนั้นควร Quicksave ไว้ก่อนด้วยครับ
3. สุ่มจนกว่าจะได้ข้อความแบบในรูปด้านล่าง
4. กลับไปทำ Religion Check แล้วแลก Stat ตามปกติครับ

https://www.youtube.com/watch?v=ISy1fKM_mWo

ซึ่งจาก Permanent Passive Buffs ทั้งหมดที่กล่าวมา คุณจะมีโอกาสเพิ่ม Cha ได้ +2,+3 และ +4 แต้มเลย ... สำหรับคนงกที่ได้บัฟถึง Cha+4 ก็ให้ปรับ Abilities ตามตารางเวล 1 ของ Cha+2 ไปครับ เพราะถ้าใช้ตามตารางช่อง Cha+3 สุดท้ายคุณก็จะมีแต้ม Cha สูงสุดที่ 24 แต้มอยู่ดีเพราะบัฟมันบวกเกินกว่า 24 ไม่ได้ ดังนั้นเอาไปลงแต้มค่าอื่นคุ้มกว่าครับ

บิ้วนี้ ค่า Cha ที่เพิ่มมาจะทำให้เราได้ Spell Save DC และ Spell Attack Rolls เพิ่มขึ้น ... อ่อ และก็ทำให้เลือก Prepare Spell ของ Paladin ได้เยอะขึ้นด้วยครับ แต่ถ้าคุณไม่ได้สนใจจะเล่นแนวใช้เวทย์ก็ไม่ต้องสนใจเรื่องบัฟพวกนี้ก็ได้ครับ
วิธีการเล่นของบิ้วนี้โดยละเอียด
Role และแนวทางการเล่น
เป็นอีกหนึ่งบิ้วที่กำหนด Role ยากเหลือเกิน เพราะในแง่ดาเมจนั้น สามารถเป็นได้ทั้ง Melee Damage Dealer และ Offensive Spellcaster ... พอมาในแง่ Support ก็เป็นได้ทั้ง Frontline Healer, Crowd Control และ Debuff Master เรียกได้ว่าเป็นทุกอย่างให้เธอแล้วจริงๆครับ 555

แต่ก็ไม่ใช่ว่าบิ้วนี้จะดีไปซะหมดไม่มีข้อเสียนะครับ เพราะตัวบิ้วนี้เองไม่ได้ทำดาเมจเว่อร์วังแบบบิ้วเมต้าทั้งหลาย แม้จะสามารถ Solo Tactician ค่าย Basilisk ที่เรียกได้ว่าเป็นข้อสอบพื้นฐานของทุกบิ้วที่ผมทำนี่แล้ว แต่อุปกรณ์ของสวมใส่หลายๆอย่างก็ได้มาตอน Endgame Act 3 เช่น ถุงมือ สร้อย และโล่ ซึ่งถึงแม้จะไม่มีก็สามารถเล่นได้นะครับ แต่จะบิ้วได้ไม่สุดเท่านั้นเอง แถมเราจะเล่นแบบคนชั่วไม่ได้นะครับ ไม่งั้น Oath แตกแน่นอน

สำหรับบิ้วนี้ สกิลที่ใช้ทำดาเมจหลักๆจะเป็น Divine Smite เจ้าเก่าในฝั่งของการโจมตีระยะประชิด และเวทย์ Call Lightning+Create Water ในฝั่งของการโจมตีระยะไกลแบบ AOE ... ส่วนนี้ผมจะไม่แจงรายละเอียดดาเมจแบบบิ้วอื่นๆนะครับ เพราะตัวดาเมจคงที่มีน้อย (หรือแทบไม่มีเลย) เป็นดาเมจแบบทอยเต๋าซะส่วนใหญ่ ทำให้ Range ดาเมจกว้างอยู่ครับ ถึงแจงรายละเอียดไปก็ไม่มีประโยชน์มากอยู่ดี 5555 ดังนั้น เราลงไปดูวิธีเตรียมตัวและวิธีใช้งานกันเลยดีกว่า

การเตรียมพร้อมแบบ Step by Step
1. กินยา Elixir of Bloodlust
สรรพคุณตามที่แจ้งไว้แล้วครับ เท่ากับว่าถ้าคุณฆ่าศัตรูได้ในเทิร์นนั้น คุณจะโจมตีระยะประชิดเพิ่มได้อีก 2 ทีหรือร่ายเวทย์ได้อีก 1 ครั้งเลย หลายๆคนที่อ่านบิ้วไกด์ผมบ่อยๆก็คงเดาทางได้ละ 555+
2. ดรอปอาวุธ The Sacred Star ไว้ที่พื้น ใส่ Drakethroat Glaive แล้วบัฟดาเมจธาตุสายฟ้าให้อาวุธนั้น
อีกหนึ่งขั้นตอนมาตรฐานของบิ้วผมอีกอย่าง คือการบัฟธาตุให้อาวุธที่เราใช้ครับ จริงๆขั้นตอนนี้จะไม่ทำก็ได้นะ แต่ถ้าทำ ผมแนะนำให้บัฟธาตุสายฟ้าเข้าไปครับ เนื่องจากบิ้วนี้เราจะใช้ Create Water ทำให้ศัตรูติด Wet โดนดาเมจสายฟ้าเพิ่มอีกเท่าตัวก็คือ คุ้มๆจุกๆเลย (ธาตุน้ำแข็งก็ได้นะ)
3. ใช้สกิล Create Sorcery Points เพิ่มแต้มด้วย Slot เวทย์เวล 5 จำนวน 1 ครั้ง
เนื่องจากเราอัพ Sorcerer เลเวล 7 ทำให้เรามีแต้ม Sorcery Point แค่ 7 แต้ม ซึ่งจะสามารถใช้ Quickened Metamagic ได้แค่ 2 รอบเท่านั้น (รอบละ 3 แต้ม) แต่ถ้าเราเพิ่มไปอีก 5 แต้ม จะได้ทั้งหมด 12 แต้ม ทำให้ใช้ Quickened Metamagic ได้ถึง 4 ครั้ง ... นั่นหมายความว่า คุณจะสามารถใช้ Bonus Action ร่ายเวทย์ได้ถึง 4 เทิร์นเลยทีเดียว
4. ใส่สร้อย Spellcrux Amulet เพื่อรี Slot เวทย์เวล 5 คืนมา
ถ้าคุณทำข้อ 3 ไป อันนี้จำเป็นครับ เนื่องจากเวทย์ Call Lightning จะรุนแรงขึ้นตามเลเวลที่เรา Upcast ดังนั้น เราต้องใช้เวทย์ในเลเวลสูงที่สุดที่เราทำได้ (บิ้วนี้คือเวล 5) เพื่อให้ได้ Damage Output สูงที่สุดครับ
5. ถ้าอยากได้แต้ม Sorcery Point เพิ่ม ให้ทำแบบข้อ 3 และ 4 แต่เปลี่ยนเป็นเวทย์เลเวล 3 และใช้ Pearl of Power Amulet ในการฟื้น Slot แทน
ถ้า 12 แต้มไม่เพียงพอสำหรับคุณ งั้นก็เพิ่มเป็น 15 แต้มไปเลยครับ แต่อันนี้ผมทำแยกออกมา เพราะจากที่ลอง 4 เทิร์นนี่ก็เหลือๆแล้ว และเราก็ควรมีของฟื้น Slot เวทย์สำรองเอาไว้ เผื่อเจอกรณีฉุกเฉินที่คาดไม่ถึงครับ
6. ร่าย Haste ก่อนเข้าการต่อสู้ (Optional)
อันนี้ต้องบอกว่า สำหรับสายที่จะเน้นโจมตีระยะประชิดดีกว่าครับ เพราะถ้าคุณเล่นแบบร่ายเวทย์ Call Lightning แล้ว มันจะไปแย่ง Concentration กัน ดังนั้น ถ้าเป็นไปได้ ก็ให้เพื่อนร่าย Haste แทนเราก็ได้นะ

การใช้งานบิ้วนี้ในการต่อสู้แบบ Step by Step
ในส่วนของวิธีการเล่นนั้น ขึ้นอยู่กับคุณเลยครับ หลักๆก็คือ กำจัดศัตรูอย่างน้อย 1 ตัวให้ผลของยา Bloodlust ทำงาน แล้วก็เล่นตามที่คุณต้องการได้เลย ... แต่ถ้าจะให้แนะนำ ผมจะแบ่งหลักๆเป็น 2 แบบใหญ่ๆตามบิ้ว 001 และ 002 ครับ

1. การโจมตีประเภทดาเมจแสง ในระยะประชิด
เป็นการลอกเลียนวิธีของบิ้ว 002 มาครับ ในการเล่นรูปแบบนี้ จะเน้นไปทางการโจมตีระยะประชิดด้วยดาเมจแสง The Sacred Star เพื่อให้ศัตรูติด Debuff Radiating Orb ครับ เพราะเมื่อศัตรูติด Radiating Orb แล้วจะทำให้ติดลบ Attack Rolls ตามจำนวนเทิร์นของดีบัฟที่มี หรือก็เรียกได้ว่า จะตีเราโดนยากขึ้น แถมยังทำให้ศัตรูที่โดนนั้นส่องสว่างกระจ่างใสจนไม่ต้องจุดไฟในห้องมืดๆก็ยังได้ มีผลทำให้เราได้ดาเมจแสงฟรี 2 หน่วยจากแหวนอีก

ซึ่งดาเมจหลักๆของการเล่นสไตล์นี้ แน่นอนครับ นั่นก็คือ Divine Smite นั่นเอง แม้สกิลที่ Trigger ดีบัฟบางส่วนจะไม่นับดาเมจแสงของ Divine Smite แต่ดาเมจที่เราทำก็ไม่อาจมองข้ามได้เลย แถมบิ้วนี้เรายังมี Feat Savage Attacker ทำให้ดาเมจสไมท์ของเราอยู่ในโซนสูงตลอด ยิ่งถ้าล็อคศัตรูด้วย Hold Person ไว้ได้ด้วยนี่ ยิ่งสบายเลย แทบจะส่งศัตรูกลับบ้านเก่าในการโจมตีด้วย Divine Smite แค่ 1-2 ครั้งเลยครับ

อีกทริคที่ผมแนะนำคือ การใช้ท่าพิเศษของ The Sacred Star ที่ชื่อว่า Dawnburst Strike นั่นเอง ซึ่งท่านี้จะทำให้คุณทำดาเมจแสงเพิ่มขึ้น ตาม Proficiency ของคุณด้วย แถมยังปล่อยแสงเป็นวงกว้าง 3 เมตรโดนศัตรูรอบๆ ทำให้ศัตรูที่ไม่ผ่าน Con Check ติดสถานะตาบอด (แหงล่ะ แสงจ้าขนาดนั้น คนเล่นก็เกือบตาบอด 5555) ... แต่ที่ดีคือ การโจมตีนี้มันนับเป็น Weapon Attack ธรรมดาครับ ทำให้เราสามารถได้ผลจาก Extra Attack และยัง Trigger Divine Smite ใส่ศัตรูทุกตัวที่โดนแสงในระยะ 3 เมตรด้วย ... ใช่ครับ คุณอ่านไม่ผิด ตอนใช้ท่านี้คุณจะสามารถกด Divine Smite ใส่ศัตรูในระยะ 3 เมตรได้ทุกตัวครับ เป็นเทคนิคที่ดีเวลาโดนรุมล้อม แต่ก็ทำให้คุณสิ้นเปลือง Slot เวทย์เร็วมากๆนะ แถมดาเมจ Smite ตอน Trigger เป็น Reaction มีแค่ดาเมจแสง ไม่ได้แรงเท่ากับเรา Smite เองที่จะนับดาเมจอาวุธเข้าไปด้วยครับ ดังนั้น ควรค่าจะใช้ขนาดไหน อันนี้ต้องขึ้นอยู่กับคุณเลยครับ ... สำหรับใครที่ยังงงๆ ลองดูตัวอย่างในคลิปเทสรันได้นะครับผม

2. การโจมตีประเภทดาเมจสายฟ้าแบบ AOE ในระยะไกล
ถ้าข้างบนเป็นการเล่นแบบบิ้ว 002 ... งั้นนี่ก็คงเป็นการเล่นแบบบิ้ว 001 ครับ ซึ่งแน่นอนเราจะใช้เวทย์ดาเมจสายฟ้าเป็นหลัก ซึ่งผมจะแนะนำเป็น Call Lightning เนื่องจากเป็นเวทย์สายฟ้าแบบ AOE ที่สามารถ Concentrate แล้วใช้ได้เรื่อยๆเป็นระยะเวลา 10 เทิร์น (หรือจนกว่าจะหลุด Concentrate) โดยไม่เสีย Slot เวทย์เพิ่ม ซึ่งสำหรับบิ้วนี้ เราจะมี Metamagic ที่จะทำให้ร่ายเวทย์ด้วย Bonus Action ได้ ทำให้เราสามารถร่ายเวทย์นี้ได้ 2-3 ครั้งต่อเทิร์นเลย บอกเลยครับว่าเปรี้ยงปร้างอย่างกับธอร์มาเอง 555+

แน่นอน การใช้เวทย์สายฟ้าของเราจะขาดคีย์หลักอย่างเวทย์ Create Water ไปไม่ได้ เพราะสามารถร่ายใส่ศัตรูให้ติด Wet เป็นเวลา 3 เทิร์น ทำให้โดนดาเมจสายฟ้าเพิ่มเป็นสองเท่า แถมยังทิ้งพื้นน้ำไว้ให้ไฟช็อตศัตรู(และพวกเรา)เล่นอีก ซึ่งขั้นตอนการทำให้ศัตรูติด Wet นี่ผมแนะนำให้ทำเป็นอันดับแรกครับ หลังจากนั้นก็ร่าย Call Lightning ใส่ศัตรูให้ช็อตตายกันให้หมด

สำหรับคนที่รายเวทย์ Haste หรือ Hold Person แล้ว Concentrate อยู่นั้น เราก็ยังมีเวทย์สายฟ้า AOE แบบเส้นตรงอย่าง Lightning Bolt มาให้คุณใช้แล้วไม่หลุด Concentrate ได้ ซึ่งดาเมจก็จะแรงขึ้นเมื่อเรา Upcast แต่เนื่องจากเป็นเวทย์ที่ร่ายและโจมตีเพียงครั้งเดียว ทำให้จะเอาดาเมจที่ได้มาเทียบกับ Call Lightning ก็คงจะเป็นไปได้ยากครับ แถมการเล็ง AOE แบบ Linear ก็เป็นเรื่องยากในการต่อสู้ในที่กว้างๆ ... ถือว่าเป็นเวทย์ทางเลือกที่เอาไว้ใช้ในบางจังหวะหรือบางสถานการณ์แค่นั้นละกันครับ

ไอเดียแนวทางการเล่นแบบอื่นๆ
นอกจากแนวทางหลักทั้ง 2 แบบด้านบน ผมจะขอเสนอแนวทางการเล่นคร่าวๆที่เหลือเท่าที่ผมเคยลองมาให้ได้อ่านกันนะครับ
  • ฮีลเพื่อนในระยะประชิดหรือตัวเองในยามคับขันด้วย Lay on Hands
  • ร่าย Sanctuary ให้เพื่อนหรือตัวเอง แล้วหลบออกนอกการต่อสู้ได้
  • ใช้เวทย์น้ำแข็ง Ice Storm ทำดาเมจวงกว้าง และสร้างพื้นน้ำแข็งให้ศัตรูลื่นล้มเล่น
  • เปิด Metamagic ร่าย Haste ให้เพื่อนในทีม 2 คนพร้อมกัน
จริงๆมีในหัวอีกหลายแบบเลย แต่เอาคร่าวๆแค่นี้ก่อนละกันครับ ใครมีแนวทางไหนน่าสนใจ อย่าลืมเอามาแบ่งปันกันด้วยนะ
Conclusion
มาถึงตรงนี้ต้องขอขอบคุณกำลังใจจากผู้อ่านทุกๆท่านด้วยนะครับ ทั้งคนที่คอมเม้นท์พูดคุยติชมหรือแนะนำ ต้องขอบคุณทุกท่านมากๆเลย เพราะไกด์พวกนี้ผมเองก็เขียนด้วยความชอบและความรักในเกมนี้ล้วนๆ ไม่คิดจะรับผลตอบแทนใดๆ ขอแค่ท่านผู้อ่านได้ข้อมูลที่มีประโยชน์ไปใช้เล่นเกมให้สนุกก็พอครับ ... ถึงเกมนี้จะออกแบบ Full Release มาได้เกินครึ่งปีแล้ว แต่จำนวนคนเล่นก็ยังเยอะอยู่ตลอด แม้เกมค่ายนี้จะไม่ค่อยลดราคาก็ตาม 555

ก็ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีมากๆครับ เพราะก่อนเกมนี้มา คนเล่นเกมแนว Turn-Based ในไทยมีน้อยมาก ยิ่งคนรู้จักจักรวาล D&D ยิ่งน้อยเลย ถ้าเทียบกับต่างประเทศ แต่ไทยเราก็มีคอมมูนิตี้ที่เหนียวแน่น แบ่งปัน และช่วยเหลือกันเสมอ เป็นสิ่งที่ผมเห็นในไม่กี่คอมมูเกมครับ ทำให้ผมยังมีแรงใจจะทำคอนเท้นท์ให้กับคนที่สนใจได้มีอะไรอ่านเล่นไปเรื่อยๆเลยครับ

แอบใบ้ให้เล็กๆว่า ไกด์ต่อไปที่ผมกำลังทำ จะไม่ใช่บิ้วไกด์นะครับ ... แต่จะเป็นไกด์ข้อมูลเกี่ยวกับอะไร ไว้รอดูกันดีกว่า ยังไงช่วงนี้ก็ขอเคลียร์งานเพื่อลาหยุดไปเที่ยวช่วงสงกรานต์ก่อนละกันครับ

ขอให้ทุกท่านสไมท์และร่ายเวทย์สายฟ้าใส่ศัตรูอย่างเมามันส์จนลืมวันลืมคืน แล้วพบกันใหม่ครับผม
Bonus รวมคลิปการบิ้ว วิธีเล่น และเทสรัน
สำหรับใครที่ขี้เกียจอ่านเรียงความยาวๆของผมนะครับ ลองดูในคลิปด้านล่างได้เลย ผมทำเผื่อไว้ให้แล้ว ... สามารถพูดคุยสอบถามได้จากในคลิปหรือในไกด์นี้ได้เลยนะครับ

คลิปการทำบิ้วตั้งแต่ Level 01-12


คลิปวิธีเล่นแบบคร่าวๆและอุปกรณ์ที่ใช้


คลิป Tactician Solo Test Run

Link Guide&Build อื่นๆที่ผมได้ทำไว้
สำหรับใครที่ขี้เกียจเลื่อนหา หรืออาจจะหาไกด์ไหนไม่เจอ ลองกดไปดูในสารบัญรวมเล่มนี้ได้เลยครับ
https://test-steamproxy.haloskins.io/sharedfiles/filedetails/?id=3140547253