Baldur's Gate 3

Baldur's Gate 3

Not enough ratings
[BG3] Build#022 บิ้วนักเวทย์สายรถถังคลังมิสไซล์
By Kingreader-K
บิ้ว Endgame (Act 3 Lv12) สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเล่นนักเวทย์สไตล์ยิงมิสไซล์ขีปนาวุธจำนวนมากใส่ศัตรู โดยไกด์นี้ จะอธิบายการทำบิ้ว, อุปกรณ์ที่จำเป็น, และวิธีการเล่นให้อย่างละเอียดระดับโมเลกุล

อ้างอิงจากเกม Version 4.1.1.5022896 (Patch 6 Hotfix 25)
   
Award
Favorite
Favorited
Unfavorite
Introduction & Overview
คุณเคยเล่นสายนักเวทย์ที่ทำดาเมจจากเวทย์ Magic Missile โดยเฉพาะมั๊ย?
คุณอยากเป็นนักเวทย์ที่เล่นง่ายๆไม่ซับซ้อน ร่ายเวทย์เดิมซ้ำๆทั้งไฟท์หรือไม่?
อยากลองบิ้วที่ทำดาเมจแบบโดน 100% ไม่ต้องพึ่งพาดวงจากการทอยเต๋ามั๊ย?


เช่นเดิม ขอกราบสวัสดีพ่อแม่พี่น้องทุกท่านครับ วันนี้กระผม Kingreader-K ผู้ซึ่งมาพร้อมกับบิ้วที่ 22 แล้ว รอบนี้มาแบบเอาใจสายนักเวทย์ ขอเอาตาพี่เกลไปแปลงโฉมให้กลายเป็นรถถังยิงมิสไซล์เวทย์กันไปเลยยยย

ระหว่างที่รอตั้งแต่วันที่ประกาศว่าจะออก Patch 7 มา นี่เป็นบิ้วที่ 3 แล้วนะ หวังว่าจะไม่ออกแพทช์มาคั่นระหว่างที่ผมทำบิ้วนี้นะครับ ไม่งั้นอาจจะต้องนั่งอัดคลิปรื้อของกันใหม่เลย 555+ จริงๆ บิ้วนี้ก็เป็นเมต้ามานานหลายแพทช์แล้วครับ ผมก็แค่เอามาปรับเปลี่ยนตามสไตล์การเล่นของตัวเองเล็กน้อย ... ว่ากันตามตรง บิ้วนี้เป็นบิ้วสายเวทย์ที่อัพและเล่นง่ายมากๆ แถมยังแรงสุดๆ นี่ขนาดโดนเนิร์ฟไปจากเมื่อก่อนสมัยที่ถุงมือ Spellmight ยังใช้กับเวทย์นี้ได้ไปแล้วนะครับ ก็ยังรุนแรงเพียงพอให้เก็บกวาดเหล่าศัตรูได้อย่างรวดเร็วทันใจไฉไลสุดๆเลยล่ะ

สำหรับคนที่เล่น D&D คงจะคุ้นหน้าคุ้นตากับเวทย์โจมตีพื้นฐานนี้ เพราะไม่ว่าคุณจะไป D&D เกมไหน มันก็จะตามไปหลอกหลอนคุณในทุกๆเกม แต่ใน Baldur's Gate 3 นี่ เวทย์นี้โดนยกระดับไปอีกขั้นครับ เรียกได้ว่าเป็นเวทย์พื้นฐานที่สามารถร่ายเป็นเวทย์โจมตีหลักตั้งแต่ต้นเกมยันท้ายเกมได้เลยล่ะ เพราะมีสกิล อุปกรณ์และของเสริมที่จะมาเพิ่มความสามารถของมิสไซล์เวทย์นี้อย่างมากมายเลย ... สำหรับคนที่เคยบิ้วเคยเล่นแล้ว ก็คงจะรู้กันว่าคืออะไร แต่สำหรับใครที่ยังไม่เคย ผมแนะนำเลย ลองซักครั้งแล้วจะติดใจจนไปไหนไม่ได้ครับ

ลองจินตนาการว่าคุณยิงมิสไซล์ 9 นัด และทำดาเมจนัดละ 21-27 หน่วย แถมยังเข้าเป้าทุกดอกดูสิครับ ... ใช่แล้ว มันไม่ใช่ความฝัน แต่มันคือบิ้วที่ใช้งานกันได้จริงๆ เชิญพบกับบิ้วฝันที่เป็นจริงนี้ได้เลยครับผม

การสร้างตัวละครที่ Level 01
Cleric Lv1

Origin/Race/Sub-Race - อะไรก็ได้ครับ แล้วแต่ความชอบเลย แต่เนื่องจากต้องเดินไกล ผมจึงแนะนำ Wood Elf หรือ Wood Half-Elf เช่นเดิมครับ เพราะเดินไกลกว่าเผ่าอื่น 1.5 เมตร แต่ก็ไม่ได้มีผลอะไรมากมายนัก คุณจะเอาเกลหรือคนอื่นๆมาปรับเล่นแบบผมก็ได้นะครับ

Class - Cleric ก่อนเลยครับ เพราะเราจะได้ Saving Throw Proficiency ของ Wis และ Cha

Cantrips - อันนี้ผมแนะนำให้เลือก Guidance, Light และ Produce Flame นะครับ เพราะใช้ได้ดีทั้งสามอย่าง ตั้งแต่ตอนต้นเกมจนถึงท้ายเกมเลย


Subclass - Tempest Domain เลยครับ เพราะเราจะได้ Proficiency ในการใช้งานชุดเกราะและอาวุธทุกชนิดในเกมได้ แถมยังมีสกิลเฉพาะตัวที่จะทำให้เวทย์ Lightning และ Thunder เราแรงขึ้นด้วย ... โดยในเลเวลนี้เราจะได้สกิลชื่อ Wrath of the Storm ที่จะทำให้เราสามารถใช้ Reaction สวนกลับศัตรูที่โจมตีโดนเราด้วยดาเมจแบบ Lightning หรือ Thunder 2-16 หน่วยได้ ถือเป็นของแถมที่ใช้ได้ดีมากๆเลยครับ


Deity - เลือกเทพที่นับถือมาครับ ลองเลือกที่คณชื่นชอบได้เลย ไม่ได้มีผลอะไรมากเท่าไหร่ จะมีก็แค่ Dialogue บางตัวที่เปลี่ยนไปแค่นั้นครับ

Abilities - แม้เราจะเริ่มต้นด้วยคลาส Cleric แต่เอาจริงๆ เราจะใช้เวทย์ของ Wizard เป็นหลัก ดังนั้น เน้นอัพ Int ให้ถึง 16-17 ไปเลยครับแล้ว่อยแบ่งมาลง Dex กับ Con ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะได้บัฟถาวรมาเพิ่ม Int เท่าไหร่ (ดูรายละเอียดได้ที่หมวด Permanent Buff ครับ) ซึ่งผมจะทำตารางแยกอัพให้ทั้ง 2 กรณี ดังนี้

Abilities
Score แบบได้ Int+2
Score แบบได้ Int+3
Strength
8
8
Dexterity
16
16
Constitution
14
14
Intelligence
16
17
Wisdom
12
10
Charisma
8
8

Skills - อันนี้ก็เน้นตามที่ชอบได้เลยครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 02
Cleric Lv2

ในเวลนี้ เราจะได้สิ่งสำคัญมา นั่นก็คือ Subclass Feature: Destructive Wrath ทำให้ เวลาเราใช้เวทย์สาย Lightning หรือ Thunder เราจะสามารถใช้แต้ม Channel Divinity ของ Cleric 1 แต้ม เพื่อให้ได้ Maximum Damage ครับ โดยแต้ม Channel Divinity ที่เราจะใช้ได้ ณ Cleric Lv2 นั้นมีแค่ 1 แต้มครับ

สำหรับบิ้วที่เน้นยิง Magic Missile นี่ก็คงไม่ได้ใช้ประโยชน์จากสกิลนี้มาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีประโยชน์นะครับ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณต้องการทำดาเมจสายฟ้าใส่ศัตรู คุณก็มีสกิลนี้ เป็นทางเลือกช่วยให้ทำดาเมจมหาศาลได้เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น กรณีที่คุณต้องสู้กับเหล่า Steel Watcher หรือเจอกับศัตรูที่ติดสถานะ Wet การใช้เวทย์สายฟ้าแรงๆอย่าง Chain Lightning เปรี้ยงเดียวนั้นอาจจะมีประสิทธิภาพมากกว่ามิสไซล์ 9 ลูก แถมอาจจะจบงานได้ใในทีเดียวแบบบิ้ว 001 เลยครับ

และเราจะหยุดการอัพเลเวลคลาสนี้ไว้เพียงเท่านี้

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 03
Cleric Lv2 / Wizard Lv1

เอาล่ะครับ ต่อจากนี้เราจะอัพ Wizard กันยาวๆ 10 เวลไปเลย แต่จริงๆสิ่งที่เราต้องการจากคลาสนี้มีเพียงแค่ Magic Missile, Shield, Haste, Sculpt Spells และ Empowered Evocation ของ Evocation Wizard เท่านั้นเองครับ เวทย์อื่นจริงๆก็ขึ้นอยู่กับความชื่นชอบของคุณเลยว่าจะเลือกอันไหน เพราะเอาจริงๆคลาสนี้มันก็เรียนเพิ่มจาก Scrolls ต่างๆได้ ทำให้ไม่ต้องซีเรียสมากตอนเลือกเวทย์ก็ได้ครับ

ในไกด์นี้ เพื่อลดความยาวโดยไม่จำเป็น ผมจะแนะนำเวทย์บางอย่างที่ควรมีไว้ใช้แค่นั้นนะครับ สำหรับใครที่อยากได้เวทย์อะไร ก็เลือกตามใจชอบได้เลย ไม่ต้องตามผมเป๊ะๆก็ได้ครับ เพราะผมเองก็ยังไม่ได้เลือกเหมือนเดิมเป๊ะๆทุกครั้งเลย อ่าว 5555+

Cantrips - เลือก 3 อย่างที่ชอบได้เลยครับ แต่แนะนำเป็นสายโจมตีนะ เพราะ Int เราสูง


Spells - เลือก 6 อย่างที่ชอบได้เลยครับ เพราะสุดท้ายเราสามารถเรียนเวทย์ทุกอันได้จาก Scrolls อยู่แล้ว แต่ผมแนะนำ 3 อย่างนี้

> Magic Missile - อ่ะแน่นอน ไม่เลือกอันนี้ก็เล่นบิ้วอื่นเถอะครับ 555+ เวทย์ทำดาเมจแบบ Force ที่ยิงเป็นมิสไซล์ล็อคเป้าหมายแบบโดน 100% ถึงแม้ดาเมจจะดูหน่อมแน้ม แต่ถ้าเอาไปอัพดีๆนี่คือ แรงเรือหายเลยล่ะครับ ในเลเวล 1 นี้เราจะยิงได้แค่ 3 นัด แต่จะยิงเพิ่ม 1 นัดในทุกๆเวลที่เรา Upcast ซึ่งพอใช้ด้วย Slot เลเวล 6 เราจะยิงได้มากถึง 8 นัดเลยทีเดียว


> Longstrider - เวทย์เพิ่มระยะการเดินให้ไกลขึ้น 3 เมตร มีผลยาวทั้งวัน แถมยังเป็นเวทย์แบบ Ritual ที่ไม่ต้องใช้ Slot เวทย์ในการร่ายด้วย ของดีสุดๆ


> Shield - ยังต้องบอกความสำคัญของเวทย์นี้กันอยู่มั๊ยครับ 555+ เวทย์ Reaction สายป้องกันที่จะทำให้คุณได้ AC+5 ไปจนกว่าจะถึงเทิร์นของคุณเลย แถมเวทย์นี้คือเวทย์เดียวที่เอาไว้ป้องกัน Magic Missile ได้แบบ 100% เลยด้วยครับ หรือเรียกว่าเป็นเวทย์แก้ทาง Magic Missile เลยก็ว่าได้ ... อีกอย่างที่ผมแนะนำให้เลือกอันนี้ เพราะมันไม่มี Scrolls ให้เรียนเวทย์นี้นะครับ ต้องได้จากการเลือกตอนเลเวลอัพเท่านั้น

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 04
Cleric Lv2 / Wizard Lv2

Subclass - ล็อคคอบังคับเลือก Evocation Wizard เท่านั้นครับ ห้ามเลือกอย่างอื่นเด็ดขาด โดยในเลเวลนี้เราจะได้สกิลเฉพาะของ Subclass นี้มา นั่นก็คือ ...

Sculpt Spells
สกิล Passive ที่จะทำให้เวทย์สาย Evocation ของคุณไม่สามารถทำดาเมจใส่เพื่อนในทีมได้ ... ใช่ครับ บอกลา Friendly Fire ในการใช้เวทย์วงกว้างได้เลย ไม่ว่าจะเป็น Lightning Bolt, Fireball, Ice Storm หรือเวทย์วงกว้างอะไรก็ตาม เพื่อนคุณจะไม่โดนดาเมจเวทย์เหล่านี้อีกต่อไป ถือเป็นของแถมที่ดีมีคุณค่าดั่งบ้านราคาหลายล้านเลยนะ เพียงแต่ในบิ้วนี้เราใช้ Magic Missile เป็นหลักซึ่งไม่ได้เป็น AOE ครับ 5555+


Spells - เลือก 2 อย่างที่ชอบได้เลยครับ ผมไม่มีอะไรแนะนำ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 05
Cleric Lv2 / Wizard Lv3

Spells - เลือกเวทย์เวล 2 จำนวน 2 อย่าง ผมแนะนำดังนี้

> Misty Step - เวทย์วาร์ปอเนกประสงค์โดยใช้แค่ Bonus Action เท่านั้น มีไว้เพื่อให้ใช้เข้าออกพื้นที่ต่างๆได้ง่ายขึ้นครับ

> Hold Person - เวทย์สำหรับล็อคศัตรูที่เป็นมนุษย์หรือ Humanoid ทั้งหลาย ซึ่งถ้าล็อคสำเร็จ ศัตรูจะทำอะไรไม่ได้ไป 10 เทิร์น ... นอกจากนี้การโจมตีศัตรูตัวนั้นๆในระยะ 3 เมตรจะติดคริอัตโนมัติ ถือเป็นของดีที่เอาไว้ใช้ล็อคพวกบอสเก่งๆที่เป็นมนุษย์ได้ครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 06
Cleric Lv2 / Wizard Lv4

Cantrips - เลือกสายโจมตีมาซักอย่างก็ได้ครับ


Spells - เลือกเวทย์เวล 2 อีก 2 อันที่ชอบได้เลย


Feat - อันนี้ให้เลือก Dual Wielder ครับ เพราะจะทำให้เราสามารถถือ Staff เวทย์มนต์ที่เป็นอาวุธแบบ Versatile คู่ได้ ซึ่งโบนัส AC+1 นี่ก็ถือเป็นของแถมไปครับ และการถือไม้เท้าคู่ได้นี่ จะทำให้ความสามารถในการร่ายเวทย์ของเราดีขึ้นเยอะเลยล่ะ เพราะตอน Act 1 ก็มีไม้เท้าดีๆให้ใช้อยู่หลายอันเลยครับ ... เอาจริงๆ วิธีอัพเลเวลบิ้วนี้ก็คล้ายๆบิ้ว 019 อยู่นะเนี่ย 555+

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 07
Cleric Lv2 / Wizard Lv5

Spells - ตอนนี้เราจะเลือกเวทย์เวล 3 ได้แล้ว ซึ่งผมขอแนะนำให้เลือก 2 อันนี้

> Counterspell - เวทย์ Anti Magic ที่ใช้ได้ผลดีสุดๆ เมื่อศัตรูร่ายเวทย์เราจะสามารถใช้ Reaction ในการป้องกันการร่ายเวทย์นั้นของศัตรูได้ โดยศัตรูจะเสีย Action Point และ Spell Slot ในการร่ายเวทย์นั้นไปฟรีๆเลย ถือว่าเป็นของดีที่คุณคู่ควรครับ


> Haste - เวทย์ที่สำคัญมากๆสำหรับทุกคน เพราะจะเพิ่ม Action Point ให้กับคนที่เราร่ายใส่อีก 1 แต้ม หมายความว่า คุณจะสามารถยิงมิสไซล์ได้อีก 1 ชุดเลย แต่เวทย์นี้ต้องการ Concentration นะครับ ดังนั้นจะใช้กับเวทย์ที่ต้อง Concentrate ไปด้วยไม่ได้นะ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 08
Cleric Lv2 / Wizard Lv6

พอเราอัพ Wizard มาถึงเวล 6 แล้ว เราจะได้สกิลมาอีก 1 อัน ซึ่งก็คือ

Potent Cantrip
เมื่อใช้ Cantrips ทำดาเมจ แล้วศัตรู Save ผ่านได้ ศัตรูตัวนั้นจะยังโดนดาเมจครึ่งนึงอยู่ แต่จะไม่ติดสถานะพิเศษของ Cantrips นั้นๆ ... เป็นสกิลเสริมในการโจมตีที่ดีมากๆครับ เพราะจะทำให้ Cantrips โจมตีทั้งหลายของเราทำดาเมจได้แบบแน่นอน บอกลาเรื่องยิง Firebolt ใส่ศัตรูแล้ว Critical Miss ได้เลย

เพียงแต่ บิ้วนี้เรายิงเวทย์ Magic Missile ที่โดน 100% อยู่แล้วแถมไม่ได้เป็น Cantrips ด้วย เศร้าเลย ... ไม่เป็นไรครับ ในตอนที่ Slot เวทย์คุณหมด แล้วเหลือแต่ Cantrips ให้ใช้ สกิลนี้ก็มีประโยชน์อยู่ล่ะนะ

Spells - เลือกเวทย์เวล 3 สองอัน ผมแนะนำดังนี้

> Glyph of Warding - เวทย์กับดักที่เราคุ้นเคย สามารถเลือกประเภทดาเมจธาตุต่างๆได้ด้วย

> Lightning Bolt - เวทย์ยิงสายฟ้า AOE แบบเส้นตรง เหมาะกับการใช้คู่กับสกิลของ Tempest Cleric ครับ ถือเป็นเวทย์สายฟ้าเลเวล 3 ที่รุนแรงใช้ได้เลยนะ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 09
Cleric Lv2 / Wizard Lv7

Spells - ตอนนี้เราจะเลือกเวทย์เวล 4 ได้แล้ว จะเลือกอะไรก็ได้ครับ แล้วแต่สะดวกเลย

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 10
Cleric Lv2 / Wizard Lv8

Spells - เลือกเวทย์เลเวล 4 อีก 2 อันครับ เช่นเดิม อะไรก็ได้ เพราะเราจะเรียนเวทย์พวกนี้ได้จากม้วนคัมภีร์อยู่แล้ว


Feat - รอบนี้ผมแนะนำให้เลือก Ability Improvement เพื่อเพิ่ม Int+2 แต้มไปเลยครับ เพราะจะทำให้คุณมี Int อยู่ที่ 18-19 แต้ม และจะทำให้คุณมี Int สูงสุดได้ 20-22 แต้มเลย

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 11
Cleric Lv2 / Wizard Lv9

Spells - เวทย์เลเวล 5 มาแล้ว! แนะนำเลือก 2 อันนี้ก่อนเลยครับ

> Cone of Cold - ตามชื่อ เวทย์ยิงน้ำแข็งแบบ Shotgun ที่ทำดาเมจน้ำแข็งเพียวๆได้สูงมากๆครับ

> Conjure Elemental - เวทย์อัญเชิญ Elemental ธาตุต่างๆมาช่วยเราสู้ แถมเมื่อเรามี Slot เวทย์เลเวล 6 แล้ว เราก็สามารถเรียก Water Myrmidon ที่เก่งกว่าออกมาได้ด้วย แจ๋วสุดๆไปเลยล่ะ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 12
Cleric Lv2 / Wizard Lv10

มาถึงเลเวลสุดท้ายกันแล้ว ซึ่งเวลนี้เราจะได้สิ่งที่สำคัญที่สุดของบิ้วนี้มาครับ

Empowered Evocation
Passive สกิลที่จะทำให้เวทย์สาย Evocation ในการทำดาเมจ ได้รับโบนัสดาเมจเท่ากับ Int Modifier ของเราด้วย ซึ่งถ้าคุณมี Int อยู่ที่ 20-22 แต้ม นี่ก็คือ +5 หรือ +6 ดาเมจฟรีๆไปเลย มีผลกับเวทย์ Evocation ทุกแบบแม้กระทั่ง Cantrips หรือ Smite ของ Paladin ครับ

และที่มันสำคัญกับบิ้วนี้มากๆ เพราะว่าไอ้เจ้า Empowered Evocation ที่เพิ่มดาเมจ +5 +6 หน่วยอะไรเนี่ย มันเอาไปเพิ่มให้กับมิสไซล์นัดต่อนัดเลย ใช่ครับ อ่านไม่ผิด เพิ่มให้ทุกนัด ยกตัวอย่างเช่น คุณร่ายเวทย์ Magic Missile เลเวล 1 จำนวน 3 นัด และมี Int 22 แต้ม คุณจะได้รับดาเมจเพิ่มรวมทั้งหมด 6x3=18 หน่วยเลยนะครับ ซึ่งจริงๆยังมีอะไรที่มากกว่านี้ แต่ผมขอเก็บไว้อธิบายในหมวดวิธีเล่นละกันนะ เดี๋ยวจะยาวเกิน 555+

Cantrips - เลือกสายโจมตีอะไรก็ได้มา 1 อันครับ หรือจะเลือกอันอื่น เช่น Mage Hand แบบผมก็ได้นะ (เอามาทำไรผมก็ไม่รู้เหมือนกัน 555)


Spells - เลือกเวทย์เวล 5 อีก 2 อันครับ อะไรก็ได้เช่นเคย

Equipment อุปกรณ์สวมใส่ที่จำเป็น
MINOR SPOILER ALERT!!!

สำหรับอุปกรณ์สวมใส่ที่จำเป็นนี่ ยังไงก็คงหลีกเลี่ยงการสปอยได้ยาก ... แต่ก็เช่นเดิม ผมจะทำแถบปิด Spoiler เอาไว้ และจะ Spoil ให้น้อยที่สุดครับ

หากใครกลัวพลาดหรือแค่อยากรู้ว่าชิ้นไหนทำอะไรได้บ้างจริงๆ ให้ข้ามไปดูสรุปข้อมูลได้เลย

Helmet ส่วนหัว/หมวก
Helmet of Balduran

ของอีก 1 ชิ้นที่หลบสปอยได้ยากอีกแล้วครับ โดยเราจะได้มาจาก The Dragon's Sanctum ใน Act 3 ... ในตอนที่เราเจอซากมังกร Ansur ให้เดินเข้าไปด้านใน จะมีหมวกวางอยู่บนแท่นใกล้ๆกับทางออกครับ สามารถเข้าไปหยิบได้ก่อนสู้กับ Ansur ได้นะครับ

Cloak ส่วนผ้าคลุม
Cloak of Displacement

หาซื้อได้จาก Entharl Danthelon ที่ Danthelon's Dancing Axe ใน Act 3

Armor/Clothing ส่วนเกราะ/ชุด
Armor of Persistence

หาซื้อได้จาก Dammon ที่ Baldur's Gate ใน Act 3 Dammon จะต้องไม่ตายใน Act 1 (ต้องเลือกช่วย Druid Grove) และ Act 2 (ต้องเลือกช่วย Isobel) นะครับ ถึงจะมีให้ซื้อใน Act 3 ได้

Gloves ส่วนถุงมือ
Gloves of Belligerent Skies

หาได้จาก Crèche Y'llek ใน Act 1 ... ในหีบ Elegant Chest ห้องที่เจอกับ Inquisitor Ch'r'ai W'wargaz (เกลียดการพิมพ์ชื่อไอ้ตัวนี้จริงๆ)

Boots ส่วนรองเท้า
Boots of Stormy Clamour

หาซื้อได้จาก Omeluum ที่ Myconid Colony ใน Underdark Act 1 ... หลังจากที่เราทำเควส Help Omeluum investigate the parasite เสร็จแล้วเท่านั้น

Amulet ส่วนสร้อยคอ
Psychic Spark

หาซื้อได้จาก Blurg ที่ Myconid Colony ใน Act 1

Rings ส่วนแหวน
Coruscation Ring

หาได้จากหีบ Heavy Chest ในห้องลับชั้นใต้ดินของ Last Light Inn ใน Act 2

Callous Glow Ring

หาได้จากหีบใน Vault Room ใกล้ๆกับ Balthazar ที่ Gauntlet of Shar ใน Act 2

Melee Weapon ส่วนอาวุธประชิด
The Spellsparkler

เป็นรางวัลของเควสที่ Waukeen's Rest ใน Act 1 ... ได้เป็นรางวัลที่เราต้องเลือก 1 ใน 3 อัน หลังจากช่วย Counsellor Florrick จากไฟไหม้ให้รอดมาได้

Phalar Aluve

ดาบที่แทบเรียกได้ว่าดีที่สุดในเกมเลยก็ได้ หาได้จาก Underdark ใน Act 1 ... โดยเราต้องผ่าน Skill Check Strength หรือ Religion DC15 ... แต่ถ้าเล่น Paladin จะสามารถใช้ Skill Check Religion หรือ Charisma DC10 ได้

Range Weapon ส่วนอาวุธระยะไกล
Gontr Mael

หาได้จาก Steel Watch Foundry ใน Act 3 … ดรอปจากบอส Steel Watch Titan หลังจัดการแล้วอย่าลืมเก็บมานะครับ เพราะถ้าเราเลือกระเบิดโรงงานแล้วจะกลับเข้าไปอีกไม่ได้แล้วครับ
สรุปความจำเป็นของอุปกรณ์แต่ละชิ้น
Helmet of Balduran - ใส่เพื่อให้ได้ฮีลฟรีทุกเทิร์น แถมศัตรูยังไม่สามารถติดคริใส่เราหรือทำเรา Stun ได้ แถมยังได้ AC+1 อีก ... อ่ะ เอาเป็นว่า หมวกเทพที่สายนักรบต้องมีละกันครับ
Cloak of Displacement - เมื่อเริ่มเทิร์นเราจะติดสกิลเบลอ ทำให้ศัตรูที่โจมตีเราติด Disadvantage โดนจะมีผลนี้จนกว่าเราจะได้รับดาเมจ
Armor of Persistence - ใส่เพื่อให้ได้ AC20 และยังได้ Resistance ของการโจมตีกายภาพทั้ง 3 แบบ (Slashing, Bludgeoning, Piercing) จากสกิล Blade Ward และ +1-4 Saving Throw จากสกิล Resistance ... อีกทั้งยังลดดาเมจทุกประเภทที่โดนลงอีก 2 หน่วย เป็น 1 ในเกราะหนักที่ดีที่สุดในเกมครับ
Gloves of Belligerent Skies - เมื่อเราโจมตีด้วยดาเมจธาตุ Lightning, Thunder หรือ Radiant จะทำให้ศัตรูติด Reverberation 2 เทิร์น ใช้ได้ดีมากๆกับบิ้วนี้เพราะทำดาเมจทั้งสามอย่างนี้เลยครับ
Boots of Stormy Clamour - เมื่อเราทำให้ศัตรูติดสถานะใดๆ ศัตรูตัวนั้นจะติด Reverberation 2 เทิร์นไปด้วย โดยถ้าศัตรูติด Reverberation 5 เทิร์น จะโดนดาเมจ Thunder 1-4 หน่วย และต้อง Con Saving Throw DC10 ให้ผ่าน ไม่งั้นศัตรูตัวนั้นจะล้มลง (Prone)
Psychic Spark - หากจะเล่นบิ้ว Magic Missile แต่ไม่ใส่สร้อยนี้ก็กระไรอยู่นะ เพราะจะทำให้เวทย์ Magic Missile ที่เราร่ายออกไป สามารถร่ายเพิ่มได้อีก 1 นัดครับ แถมมีสกิล Magic Missile เลเวล 1 สำรองให้ฟรีด้วย 1 ครั้ง / 1 Long Rest ก็สมกับเป็นสร้อยอวยของเวทย์นี้ครับ
Coruscation Ring - เมื่อเราทำดาเมจจากเวทย์โดยที่ตัวเราโดนติดแสงสว่างอยู่ (จาก Light ที่อาวุธหรือ Produce Flame ที่มือ) จะทำให้ศัตรูติด Radiating Orb 2 เทิร์นครับ ซึ่งสถานะนี้จะลด Attack Roll -1 ของศัตรูตามจำนวนเทิร์นที่เหลืออยู่ สูงสุดติดได้ 10 เทิร์น และจะลดลง 2 เทิร์นหลังจากศัตรูโจมตี 1 ครั้ง ก็เรียกได้ว่าเป็นดีบัฟที่โหดมากๆ เพราะจะทำให้ศัตรูตีเราโดนยากขึ้น แถมพอใช้คู่กับแหวนอีกวงก็ยิ่งดีเพราะจะได้ดาเมจแสงเพิ่มฟรีๆเลย
Callous Glow Ring - ใส่เพื่อเวลาเราทำดาเมจใส่ศัตรูที่มีแสงส่องโดน (Radiating Orb จากแหวนอีกวง) จะทำให้เราได้ดาเมจแสง 2 แต้มฟรีๆทุกการโจมตีครับ แถมในบิ้วนี้จะทำงานแบบรัวๆให้กับมิสไซล์นัดต่อนัดเลยล่ะ
The Spellsparkler - ใส่เพื่อเวลาทำดาเมจจากการร่ายเวทย์แล้ว จะได้บัฟสถานะ Lightning Charges เพิ่มมา 2 เทิร์น ซึ่งในขณะที่เรามีสถานะนี้อยู่จะได้ +1 Attack Rolls และ +1 ดาเมจ Lightning ทุกๆการโจมตี แถมเมื่อเรามีสถานะนี้ครบ 5 เทิร์น การโจมตีต่อไปจะทำดาเมจสายฟ้า 1-8 หน่วยกับศัตรู เรียกได้ว่าเป็นดาเมจเสริมที่โหดมากสำหรับบิ้วนี้เลยครับ ถึงจะไม่ได้เยอะเท่าดาเมจแสงจากแหวนก็เถอะ
Phalar Aluve - อาวุธพระเอกของบิ้วนี้ ที่จะทำให้บิ้วนี้ (หรือบิ้วไหนๆก็ตาม) เฉิดฉายสุดๆ ... เพราะเราไม่ได้เอาไว้ตีครับ แต่เอาไว้เปิดบัฟสกิลที่ชื่อว่า Phalar Aluve: Shriek ซึ่งจะทำให้ศัตรูในระยะรอบตัวเรา 6 เมตร โดนดาเมจ Thunder 1-4 หน่วยเพิ่มจากทุกๆการโจมตี มีผลเป็นเวลา 5 เทิร์นและใช้ได้ 1 ครั้ง / 1 Short Rest ... ดูแล้วอาจจะไม่เยอะมาก แต่กับบิ้วนี้มันดันไปได้ผลจากสกิล Empowered Evocation ด้วยครับ ทำให้เพิ่มดาเมจ Thunder ไปอีก 5-6 หน่วย (แล้วแต่ Int Modifier ของคุณ) แถมเพิ่มเข้าไปในทุกๆนัดของมิสไซล์! ใช่ครับ คุณอ่านไม่ผิด เพิ่มไปในทุกนัดครับ 5555+
Gontr Mael - ใส่เพื่อเอาสกิล Celestial Haste ของธนูนี้เท่านั้นครับ ซึ่งให้ผลเหมือน Haste เลยแต่ตอนหลุด Concentrate จะไม่ทำให้มึน และระยะเวลามีผลแค่ 5 เทิร์นครับ
Items อื่นๆที่จำเป็นสำหรับบิ้ว
Elixir of Bloodlust

ยาเทพที่ทุกคนต้องมี ผลของมันคือ เมื่อฆ่าศัตรูได้ จะได้ Action Point คืนมา 1 แต้ม มีผล 1ครั้ง/1เทิร์น นั่นหมายความว่า ถ้าคุณฆ่าศัตรูได้ในเทิร์นนั้น คุณจะร่ายเวทย์ฟรีได้อีก 1 ครั้งครับ แต่ต้องระวังเรื่องที่ศัตรูจะตายจากดาเมจของสถานะ Lightning Charges หรือ Reverberation นะครับ เพราะมันจะไม่นับว่าเราฆ่าครับ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน 5555+


Potion of Angelic Slumber

ยาเทพที่หายากสุดๆ แน่นอนครับ เพราะมันคือยาของดียังไงล่ะ ... เมื่อกินยานี้แล้ว เราจะสลบไป 2 เทิร์น (แนะนำให้ใช้นอก Combat) เมื่อเราตื่นขึ้นมา จะได้ผลเหมือนกับเรา Long Rest ครับ เลือดและ Spell Slot จะรีกลับมาให้จนเต็มทันที ... แต่ผมไม่แนะนำให้ใช้บ่อยๆนะครับ เพราะยานี้หายากมาก เอาเก็บไว้ใช้ตอน Endgame หรือตอนที่อยู่ใน Danger Zone ที่ไม่สามารถวาร์ปกลับแคมป์ได้จะดีกว่าครับ


Spellcrux Amulet

สร้อยที่สามารถฟื้น Spell Slot เวลใดก็ได้ ได้จำนวน 1 ครั้ง ถือว่าเป็นสร้อยสำรองที่ต้องพกติดตัวไว้เลยครับ หาได้จากคุกของ Moonrise Tower ใน Act 2 ครับ อย่าพลาดเชียวล่ะ อันนี้ของดีจัดๆ


Pearl of Power Amulet

เหมือนกับ Spellcrux Amulet ครับ แต่รี Spell Slot ได้แค่เวล 1 2 3 เท่านั้น เป็นสร้อยสำรองที่ดีอีกอันนึง หาซื้อได้จาก Omeluum ที่ Myconid Colony ใน Underdark ของ Act 1 ครับ
Illithid Powers & Passive Bonus ที่จำเป็น
MAJOR SPOILER ALERT!!!

จริงๆถึงไม่มีพวกนี้ก็เล่นได้ แต่ถ้าอยากไปให้สุดก็ควรต้องมีบัฟและสกิลพวกนี้ครับ ผมจะแบ่งออกเป็นสองส่วนหลักๆก่อน คือ 1.Illithid Powers ที่แนะนำและ 2.Permanent Passive Buff ที่จำเป็นสำหรับบิ้วนี้

Illithid Powers ที่แนะนำกับบิ้วนี้

ผมจะยกมาแค่อันที่จำเป็นๆนะครับ แต่ถ้ามีโอกาสอัพเต็มก็ทำได้เลยครับ ได้ใช้คุ้มแน่นอนเพราะสกิลพวกนี้มัน OP เอามากๆ และก็ไม่ได้ส่งผลกับเนื้อเรื่องในเกมมากมายอย่างที่เรากลัวด้วยครับ

Luck of the Far Realms
เมื่อเราโจมตีศัตรูโดน จะสามารถบังคับติด Critical ได้ ใช้ได้ 1 ครั้ง / 1 Long Rest ถือว่าเป็นสกิลที่จำเป็นสำหรับสายโจมตีเลยครับ เพราะเราจะบังคับติดคริได้
Cull the Weak
เมื่อเราลดเลือดศัตรูให้ต่ำกว่าจำนวน Tadpole ในหัวเรา ศัตรูจะตายทันทีและระเบิดทำดาเมจพลังจิตใส่ศัตรูใกล้เคียงอีก 1-4 หน่วย เป็นสกิลที่ดีมาก สำหรับคนที่ใช้พลังของ Tadpole เยอะๆอยู่แล้ว เพราะถ้าคุณอัพเกรดจนครบ แค่คุณลดเลือดศัตรูลงมาเหลือแค่นิดหน่อยก็สามารถฆ่าศัตรูตัวนั้นได้ทันที พูดง่ายๆคือ ยิ่งใช้หนอนมาก สกิลนี้ก็ยิ่งได้ผลดีมากขึ้น และบอกลาความเซ็งตอนศัตรูเหลือเลือด 1 ไปได้เลย
Fly
อีกสกิลที่ตรงตามตัวเป๊ะๆเลย ทำให้เราสามารถเคลื่อนที่ได้ดีกว่าเดินปกติมากๆ ซึ่งสกิลนี้จะได้มาฟรีๆ เมื่อเรายอมเปิดใจรับพลังจาก Astral Tadpole ที่ได้จาก The Emperor ในตอนต้น Act 3 ครับ (แต่ต้องยอมลดสวยลดหล่อ มีเส้นเลือดดำขึ้นหน้านะ 5555)
Blackhole
สกิลจำเป็นเลยครับ ถ้าคุณอยากจะรวบศัตรูมาอยู่ใกล้ๆโดนดีบัฟ เพื่อทำดาเมจให้ได้มากที่สุด ก็อาจจะต้องรวบศัตรูมากองรวมกันก่อนครับ 555 จะอัพไปสกิลนี้ได้ เราต้องเลือกยอมเปิดใจรับพลังจาก Astral Tadpole ที่ได้จาก The Emperor ในตอนต้น Act 3 ครับ และผมแนะนำให้ตัวละครที่จะเล่นบิ้วนี้ไปเอาบัฟ Passive: Awakened ที่จะอธิบายไว้ด้านล่างด้วยครับ
Freecast
เอาไว้ร่ายเวทย์ฟรีไม่เสีย Slot เวทย์ได้ 1 ครั้ง / 1 Long Rest โดยจะใช้กับเวทย์เลเวลใดก็ได้ ถือว่าเป็นของดีสำหรับบิ้วสายนักเวทย์เลย จะอัพไปสกิลนี้ได้ เราต้องเลือกยอมเปิดใจรับพลังจาก Astral Tadpole ที่ได้จาก The Emperor ในตอนต้น Act 3 ครับ

Permanent Passive Buff ที่จำเป็นกับบิ้วนี้

ผมจะยกมาแต่อันที่จำเป็นนะครับ แต่ถึงพลาดไปก็ไม่เป็นไร แค่อย่างน้อยขอให้ได้บัฟ Int+2 จากตอน Act 3 ได้ก็พอ ... ถ้าไม่ได้บัฟเลยถามว่าเล่นได้มั๊ย ก็เล่นได้ครับ แต่จะไม่สุดเท่าคนที่มีบัฟแค่นั้นเอง

[Act 1] Passive: Awakened จากเครื่อง Zaith'isk ใน Crèche Y'llek
บัฟนี้จำเป็นมากๆสำหรับคนที่ใช้พลัง Tadpole และไม่ค่อยได้ใช้ Bonus Action เป็นดาเมจหลัก เช่น พวกนักเวทย์ทั้งหลาย และบิ้วนี้ก็เช่นกันครับ ... เมื่อคุณ Awakened แล้วมันจะทำให้ Illithid Powers ทุกอย่างที่ใช้ Action Point มาใช้ Bonus Action แทน ถือว่าเป็นทางเลือกในการใช้ Bonus Action ที่ดีครับ แต่ยังไง ถ้าเล่นตี้ก็ต้องลองดูความจำเป็นและเหมาะสมของ Role คนในทีมด้วยนะครับ บางคนอาจจะต้องการมันมากกว่าเรานะ

[Act 1] Abilities+1 จากหนังหัวของป้าแม่มด Ethel
ได้จากการปราบป้า Ethel ในรังแม่มดที่ Act 1 ก่อนป้าจะตายจะทำการต่อรองให้เราไว้ชีวิตโดยแลกกับหนังหัวเพิ่มค่า Abilities ค่าใดค่าหนึ่ง จำนวน 1 แต้มครับ ... เช่นเดิม ลองดูความจำเป็นคนในทีมด้วยก็ดีครับ

ประเด็นคือ ถ้าเราจะอัพสุดให้มี Int 22 แต้ม อันนี้ต้องเอามาเพิ่ม Int+1 ให้ได้ครับ

[Act 3] Abilities+2 จากกระจก Mirror of Loss
หลังจากทำเควสของ Shadowheart ใน House of Grief แล้ว เข้าไปห้องด้านในที่เจอพ่อแม่ของน้อง จะมีกระจก Mirror of Loss อยู่ ตรงนี้ผมแนะนำให้เซฟไว้ก่อนนะครับ เพราะกระจกนี่ต้องผ่าน Skill Check หลายรอบมาก ผมจะเรียงไว้ให้คร่าวๆประมาณนี้
1. การ Activate กระจก ต้องผ่าน Skill Check สองอย่างคือ Religion (DC20) และ Arcana (DC25)
2. หลัง Activate กระจกแล้ว คนที่จะเพิ่ม Stat ต้องผ่าน Skill Check Religion (DC25) ของใครของมันเป็นรายบุคคลไป
3. หลังจากผ่านเช๊คทั้งหมดแล้ว เราจะสามารถมอบ Abilities 1 ใน 6 อันไหนก็ได้ของเราให้กับกระจก 2 แต้ม แล้วจะสามารถเลือกเพิ่ม Abilities 1 ใน 6 อันไหนก็ได้ของเรา 2 แต้มแทน เช่น คุณอาจะแลก Wis-2 แล้วเอา Cha+2 แทน
4. หลังจากเลือกได้แล้ว ให้ใช้ Remove Curse ลบคำสาปที่โดน -2 อยู่ ก็จะทำให้เรามีบัฟ +2 Abilities ที่เราเลือกไว้ฟรีๆอย่างถาวรครับ
5. ทำซ้ำข้อ 2-4 กับตัวละครอื่นๆได้ ยกเว้นจะเฟล Skill Check คนนั้นจะอดบัฟนี้ไปเลยถาวรครับ

ข้อนี้ บังคับเลือก Int+2 เช่นกันครับ

จาก 2 ข้อบน ถ้าคุณอัพ Int เริ่มที่ 17 แต้ม แล้วคุณได้ Int+3 คุณจะสามารถมี Int สูงสุดที่ 22 แต้มเลย (Int Modifier+6) แต่ถ้าคุณได้แค่ Int+2 ก็ให้ไปปรับ Int ตอน Respec ให้เหลือ 16 แต้มแทนครับ คุณก็จะมี Int สูงสุดที่ 20 ซึ่งก็ถือว่าเพียงพอใช้งานได้แล้วเช่นกัน
วิธีการเล่นของบิ้วนี้โดยละเอียด
Role และแนวทางการเล่น
บิ้วนี้เป็นลูกผสมระหว่าง Offensive Caster และ Debuff Caster ครับ เพราะสามารถทำดาเมจไปพร้อมกับทำดีบัฟอย่าง Reverberation และ Radiant Orbs ใส่ศัตรูพร้อมๆกัน ไหนจะดีบัฟจากดาบอีก แทบจะทำให้ศัตรูพิการไปเลย จริงๆอยากจะเพิ่มความ Tank เข้าไปให้ด้วย แต่เนื่องจากไม่ได้อึดมากมายขนา่ดจะไปรับดาเมจแทนเพื่อนๆได้ เลยไม่ดีกว่า ... แต่บิ้วนี้เองก็อึดพอที่จะทนรับดาเมจทางกายภาพแรงๆได้นะครับ เนื่องจากมีอุปกรณ์เสริมความอึดให้เยอะอยู่เพราะต้องวิ่งเข้าไปหาสัตรูในระยะ 6 เมตรเพื่อแจกดีบัฟ จึงต่างกับพวกนักเวทย์แนวหลังที่เปราะบางอยู่พอสมควรครับ

แนวทางการเล่นของบิ้วนี้นั้นง่ายมากๆ เพราะร่ายเวทย์แบบเดียวซ้ำไปเรื่อยๆ แถมไม่ได้มีการเตรียมการยุ่งยากอะไรนัก ทำให้คุณสามารถเล่นได้ง่ายๆและเพลิดเพลินไปกับเครื่องยิงจรวดหน้าตาเหมือนสิ่งมีชีวิตนี้ ... ในส่วนของดาเมจนั้น ผมจะแยกเอาไปชี้แจงข้างล่างนะครับ เนื่องจากมีรายละเอียดและข้อควรคำนึงถึงหลายอย่าง

การเตรียมพร้อมแบบ Step by Step

1. กินยา Elixir of Bloodlust
สรรพคุณตามที่แจ้งไว้แล้ว การได้ Action Point คืนในเทิร์นๆนึงนี่คือ ดาเมจฟรีอีกมหาศาลเลยนะครับ สำหรับบิ้วนี้

2. ร่ายเวทย์ Longstrider ใส่ตัวไว้
เวทย์แบบ Ritual ที่ไม่เสีย Slot เวทย์ แถมยังทำให้เราเดินได้ไกลขึ้น 3 เมตรและอยู่ยาวจนกว่าจะ Long Rest ... เอ้า รออยู่ทำไม ร่ายเลยสิครับ 5555+

3. ร่าย Light ใส่ไม้เท้าไว้
เพื่อบังคับให้ผลของสกิลจากแหวนทั้งสองวงของเราทำงานเต็มที่ครับ ตอนร่ายก็ดูดีๆให้มันติดที่ไม้เท้าหรือดาบ Phalar Aluve ของเรานะครับ เพราะธนูมันมีแสงอยู่แล้วไม่ต้องไปร่ายใส่มันนะ 5555+

4. ร่าย Celestial Haste หรือ Haste ก่อนเข้าการต่อสู้ (Optional)
อันนี้จะทำหรือไม่ทำก็ได้ครับ แต่ถ้าทำก็จะได้ Action Point ฟรีไว้ร่ายเวทย์มิสไซล์ฟรีอีก 1 ชุดเลยครับ

การใช้งานบิ้วนี้ในการต่อสู้แบบ Step by Step

1. เปิดโหมด Shriek ของดาบ Phalar Aluve
เหมือนที่แจ้งไปข้างบนนู่น คือ พอเราเปิดโหมดนี้แล้ว ศัตรูรอบๆในระยะ 6 เมตรจะโดนดาเมจ Thunder เพิ่ม 1-4 หน่วยในทุกๆการโจมตี ซึ่งในบิ้วนี้ก็คือ 1-4 Thunder ดาเมจจากมิสไซล์ทุกๆนัด เรียกว่าคุ้มสุดๆ แต่อยู่ได้แค่ 5 เทิร์นและใช้ได 1 ครั้ง / 1 Short Rest เท่านั้นครับ ยังไงก่อนใช้ก็วางตำแหน่งตัวเองดีๆ เอาให้คุ้มที่สุดละกัน

2. เดินให้ศัตรูโดนดีบัฟจาก Phalar Aluve: Shriek ในข้อ 1 และยิง Magic Missile ใส่ศัตรูที่ติดดีบัฟให้ตายอย่างน้อย 1 ตัว
ขั้นนี้คือการ Activate สกิลจากยา Bloodlust ครับ ผมแนะนำให้เก็บตัวที่เลือดน้อยๆก่อน

3. ทำแบบข้อ 2 แล้วยิง Magic Missile เลเวลสูงๆใส่ศัตรูที่เหลือ
อันนี้คือขั้นตอนการยิงมิสไซล์เก็บกวาดศัตรูทั้งหลายนี่เองครับ ถ้าเราอัพและมีของพร้อม จะสามารถใช้ Magic Missile ในเลเวล 6 ยิงออกไปได้ถึง 9 นัดเลยล่ะ

ข้อควรระวังในการใช้บิ้วนี้
จุดอ่อนเดียวของบิ้วนี้เลย คือ เวทย์ Shield ครับ เพราะถ้าศัตรูเปิดเวทย์ Shield เมื่อไหร่ มันจะไม่โดนดาเมจจากเวทย์ Magic Missile ของเราทั้งหมดเลย ย้ำว่าไม่โดนดาเมจเลยครับ ดังนั้น ก่อนจะร่าย ให้ระมัดระวังศัตรูที่เป็นนักเวทย์ให้ดีครับ ผมแนะนำให้ร่ายเวทย์อื่นล่อให้มันใช้ Counterspell หรือเดินลากให้มันใช้ Opportunity Attack ก่อนก็ดีนะ เพื่อให้มันไม่มี Reaction ในการใช้เวทย์ Shield ครับ

รายละเอียดเบื้องลึกในการใช้ Magic Missile ของบิ้วนี้
เอาล่ะเรามาเข้าเรื่องสำคัญกัน การจะใช้บิ้วนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดนั้น คุณจะต้องรู้ก่อนว่ามิสไซล์แต่ละนัดของคุณนั้น ทำดาเมจได้นัดละเท่าไหร่ ซึ่งผมจะขอแจงรายละเอียด ดังนี้



จากรูปจะเห็นว่าเราจะมีดาเมจทั้งหมด 4 แหล่ง คือ
  1. Magic Missile - เป็นดาเมจ Force (1d4)+1 หรือก็คือ 2-5 หน่วย และได้เพิ่มจาก Int Modifier อีกสูงสุดที่ 6 หน่วย รวมแล้วเป็น 8-11 หน่วย
  2. Phalar Aluve: Shriek - เป็นดาเมจ Thunder 1d4 หรือก็คือ 1-4 หน่วย และได้เพิ่มจาก Int Modifier อีกสูงสุดที่ 6 หน่วย รวมแล้วเป็น 7-10 หน่วย ... ที่บวกเพิ่มเพราะ Empowered Evocation ตรงนี้น่าจะเป็นเพราะตัวมันเป็น Damage Rider ที่นับเป็น Damage Source เลยได้เพิ่มจากตรงนี้ด้วยครับ ถ้าใน Honour Mode หลักการตรงนี้จะเปลี่ยนไป อาจจะไม่ได้ผลแบบนี้ก้ได้นะ
  3. Callous Glow - เป็นดาเมจ Radiant 2 หน่วย เป็นผลจากสกิลของแหวน
  4. Lightning Charge Damage - เป็นดาเมจ Lightning 1 หน่วย ขณะที่เรามีบัฟ Lightning Charges อยู่

ซึ่งข้อ 1 และ 2 นั้นนับเป็น Damage Source ส่วนข้อ 3 กับ 4 นับเป็น Damage Rider ซึ่งหลักการของ Rider นั้นคือ จะเกาะติดไปกับ Damage Source ทุกอัน ดังนั้นดาเมจที่เราทำได้ในมิสไซล์แต่ละนัดจะเท่ากับ 1+3+4+2+3+4 = (8-11)+2+1+(7-10)+2+1 = 21-27 หน่วย นั่นเอง ซึ่งตรงนี้ยังไม่นับรวมดาเมจจาก Lightning Charge ครบ 5 เทิร์นกับ Reverberation ครบ 5 เทิร์นอีกนะครับ



ทีนี้หลักในการใช้คือ เมื่อเรารู้ว่ามิสไซล์เราทำดาเมจได้ 21-27 หน่วยต่อลูกแล้ว ก็มาดูเลือดของศัตรูครับว่ามีจำนวนเท่าไหร่ เช่น ถ้าศัตรูมีเลือด 60 หน่วย เราก็ใช้มิสไซล์ยิงใส่แค่ 3 นัดก็พอ แต่ถ้าศัตรูมีเลือดประมาณ 140 แล้วเราต้องการให้มันตาย ก็ต้องยิงมิสไซล์ใส่ 7 นัดครับ ... หลักการง่ายๆที่ผมใช้ คือ เอาเลือดศัตรูหาร 20 ดูครับ เหลือเศษก็ปัดขึ้นเอา เช่น เลือด 75 ก็ปัดเป็น 4 นัด อะไรประมาณนี้ จะทำให้คุณยิงมิสไซล์ได้อย่างคุ้มค่าที่สุดครับ

ทีนี้เรามาดูกันบ้างว่า เราสามารถพกมิสไซล์ไปได้กี่นัดใน 1 Long Rest

เลเวลเวทย์
จำนวน Slot ที่มี
จำนวนมิสไซล์ต่อการใช้ 1 ครั้ง
ดาเมจต่อการใช้ 1 ครั้ง
จำนวนมิสไซล์ทั้งหมด
1
4
4
84-108
16
2
3
5
105-135
15
3
3
6
126-162
18
4
3
7
147-189
21
5
2
8
168-216
16
6
1
9
189-243
9

จากตารางพอเราบวกรวมกันแล้วจะได้มากถึง 95 นัดเลย ถ้าเรารวมกับเวทย์ที่เราจะรีคืนได้ทั้งจากสร้อย จากสกิล รวมทั้งเวทย์ฟรี ก็จะได้มากกว่า 100+ นัด ... เมื่อคูณกับดาเมจนัดละ 21-27 หน่วยแล้ว เรียกได้ว่าใน 1 Long Rest รถถังยิงมิสไซล์คันนี้จะสามารถทำดาเมจได้ประมาณ 1,995-2,565 หน่วยเลยล่ะ!!!
Conclusion
ก็จบกันไปอีกบิ้วแล้วนะครับ สำหรับบิ้วตาม Concept นักเวทย์อัพง่าย เล่นสบาย ศัตรูตายเป็นเบือ 555+ อาจจะไม่ได้รุนแรงชนิดที่ว่าทำบาลานซ์เกมเป๋ แต่ก็เก๋พอที่จะเอามา Solo Tactician ได้เลยครับ ... ยังไงก็ระวังเรื่องจุดอ่อนที่ผมได้แจ้งไว้ไปด้วยแค่นั้นเอง แต่ถ้าเล่นแบบมีตี้อีก 3 คน ก็ไม่จำเป็นต้องซีเรียสเรื่องจุดอ่อนนั้นเท่าไหร่ครับ

ช่วงนี้ผมก็เวียนๆเล่น เวียนๆไลฟ์อยู่ 4 เกม 3 สไตล์ไปเรื่อยๆ (Baldur's Gate 3, Monster Hunter World, Granblue Fantasy Relink และ Manor Lords) ใครที่อยากเล่นด้วยกันหรืออยากพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอะไร ก็ทักทายคุยที่หน้าช่อง Twitch กันได้เลยนะครับ ... ตอนนี้ผมว่าจะนั่งรอ Patch 7 ออกมาอย่างจริงๆจังๆ และจะหักห้ามใจพร้อมล็อคมือตัวเองไว้ไม่ให้ทำบิ้วต่อไปก่อนละกัน เผื่อว่ามีการปรับเปลี่ยนนู่นนี่นั่น จะได้ไม่ต้องทำข้อมูลที่ไม่อัพเดท ... ก็หวังว่าทุกคนจะชอบกันนะครับ ยังไงช่วงนี้อากาศบ้านเราก็ยังร้อนอย่างกับอยู่ใน Avernus รักษาสุขภาพและเล่นเกมกันให้สนุกนะครับผม

ขอตัวพาเกลไปยิงมิสไซล์เก็บกวาดเหล่าศัตรูต่อก่อน ไว้พบกันใหม่บิ้วไกด์หน้าครับ
Bonus รวมคลิปการบิ้ว วิธีเล่น และเทสรัน
สำหรับใครที่ขี้เกียจอ่านเรียงความยาวๆของผมนะครับ ลองดูในคลิปด้านล่างได้เลย ผมทำเผื่อไว้ให้แล้ว ... สามารถพูดคุยสอบถามได้จากในคลิปหรือในไกด์นี้ได้เลยนะครับ

คลิปการทำบิ้วตั้งแต่ Level 01-12


คลิปวิธีเล่นแบบคร่าวๆและอุปกรณ์ที่ใช้


คลิป Tactician Solo Test Run

Link Guide&Build อื่นๆที่ผมได้ทำไว้
สำหรับใครที่ขี้เกียจเลื่อนหา หรืออาจจะหาไกด์ไหนไม่เจอ ลองกดไปดูในสารบัญรวมเล่มนี้ได้เลยครับ
https://test-steamproxy.haloskins.io/sharedfiles/filedetails/?id=3140547253