Baldur's Gate 3

Baldur's Gate 3

Not enough ratings
[BG3] Build#031 นักรบยักษ์แห่งฝูงผึ้งดาเมจถึงตาย
By Kingreader-K
บิ้ว Endgame (Act 3 Lv12) สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการแปลงร่างเป็นยักษ์ ไล่เตะไล่ขว้างดาบไปทิ่มแทงศัตรูพร้อมฝูงผึ้งรอบตัวสุดน่ารัก โดยไกด์นี้ จะอธิบายการทำบิ้ว, อุปกรณ์ที่จำเป็น, และวิธีการเล่นให้อย่างละเอียดระดับโมเลกุล

อ้างอิงจากเกม Version 4.1.1.6848561 (Patch 8 Hotfix 32)
   
Award
Favorite
Favorited
Unfavorite
Introduction & Overview
อยากเล่นบาบาเรี่ยนสายขว้างแต่เบื่อบิ้วเมต้า Berserker แล้วหรือไม่?
เคยอยากเล่นสายขว้างที่ขว้างได้แบบระยะเผาขนมั๊ย?
คุณชอบเลี้ยงผึ้งแล้วฝันอยากจะเข้าโจมตีศัตรูพร้อมกับฝูงผึ้งหรือไม่?
หรือคุณอยากเป็นทุกอย่างให้ทีม ทั้ง Tank ได้ ทำดาเมจประชิดได้ ระยะไกลก็ได้บ้างมั๊ย?


กราบสวัสดีนักผจญภัยใฝ่รู้ผู้ยังคงเล่นเกมแห่งปี 2023 อย่าง Baldur's Gate 3 นี่อยู่นะครับ กลับมาพบกับผม Kingreader-K กันอีกครั้ง หลังจากที่ห่างหายจากเกมนี้ไปนาน พอเห็น Patch 8 อัพเพิ่ม Subclass ใหม่มาถึง 12 คลาส ทำให้มีข้อมูลและสไตล์การเล่นแบบใหม่ผุดขึ้นมาเยอะมากๆเลยครับ ... ตัวผมเองช่วงนี้พักจาก Monster Hunter Wilds ที่กำลังรออัพเดทอยู่ เลยตัดสินใจ กลับมาทำซีรี่ย์บิ้วไกด์นี้อีกครั้ง

เกริ่นก่อนว่า ผมกะไว้ว่าจะทำเพิ่มอีกประมาณ 10 บิ้ว แต่คงไม่ได้ถี่เหมือนสมัยก่อนนะครับ (สมัยนั้นกำลังเพลินและเล่นแต่ BG3 อยู่เกมเดียวเลย 555) และจะเน้นไปที่การผสมบิ้วโดยใช้ Subclass ใหม่ๆให้ได้มากและครอบคลุมที่สุดครับ และคงไม่ได้กลับไปปรับบิ้วเก่าแต่อย่างใด เช่น บิ้ว 011 สายหมัดเมา ที่ตอนนี้มี Monk สาย Drunken Master มาแล้วก็ตาม ก็คงจะไม่ได้อัพเดทปรับอะไรครับ แต่ผมจะทยอยไล่อัพเดทเพิ่มเติมในส่วนของหมวดใหม่อย่าง "แนวทางการอัพเลเวลและไอเท็มก่อน Endgame" ที่หลายๆท่านอยากให้เพิ่มมานานละ แต่ผมยังไม่มีเวลาลงรายละเอียดซักที เพราะความขี้เกียจส่วนตัวล้วนๆเลย 5555

สำหรับบิ้วนี้เป็นบิ้ว Comeback แรกที่ผมอยากลองดูตอนที่ทำข้อมูล Subclass ใหม่เพิ่มไปใน Guide#001 พอทำแล้วเทสดูก็แบบ เห้ย ดีเอาเรื่องเลย เพราะนอกจากจะทำดาเมจ Solo Basilisk Gate โหมด Tactician ได้ตาม Criteria แล้ว ยังสามารถยืน Tank ดาเมจ และเคลื่อนที่ไปมาได้ดีแม้ไม่มี Tadpole เลย โดยบิ้วนี้จะเน้นการ Rage แล้วขว้างทำดาเมจ คล้ายๆบิ้ว 007 เลยครับ แต่จะมีออพชั่นในการต่อสู้ระยะใกล้ได้ดีกว่า และมีดาเมจ กับออพชั่นเสริมจากฝูงผึ้งอีก เรียกได้ว่าเป็นบิ้วสายขว้างสำหรับคนที่เบื่อ Berserk Thrower แล้วอยากลองอะไรใหม่ๆแปลกๆครับ

ว่าแล้วก็อย่ารอช้า ลงไปดูวิธีบิ้ว "รังผึ้งยักษ์เดินได้" ที่สามารถโจมตีศัตรูได้ครั้งละมากกว่า 40-50 หน่วยต่อการโจมตีกันเลยดีกว่าฮะ

การสร้างตัวละครที่ Level 01
Barbarian Lv1

Origin/Race/Sub-Race - กลับมาถึงจุดที่คุ้นเคย กับคำพูดเดิมๆ เผ่าอะไรก็ได้ครับตามชอบเลยฮะ 555+

Class - Barbarian แน่นอนครับ ... โดยเราจะได้ Saving Throw Proficiency เป็น Str และ Con และมีจะมี Rage ธรรมดาไว้ใช้งานตอน 2 เวลแรกด้วย


Abilities - เน้น Str เป็นหลักเลย และต้องอัพไว้ที่ 17 เพื่อให้เราดันให้ได้สูงสุด 24 ในตอน Act 3 ครับ ... ส่วนอื่นที่ควรเน้นก็คือ Dex และ Con เพราะทั้งสองอย่างนี้ช่วยเพิ่ม AC ให้คลาสนี้และยังมีผลต่อคอมแบทเยอะครับ

สำหรับคนที่เริ่มเล่นแต่แรก อาจจะต้องอัพ Con ให้เป็น 16 ไว้ก่อนนะครับ จะทำให้ตัวคุณอึดได้มาก จนกว่าคุณจะได้สร้อย Greater Health ในตอน Endgame แล้วค่อยมา Respec ให้ Con เหลือ 8 ตามตารางนี้

Abilities
Score (Respec Lv12)
Score (สำหรับคนเพิ่งเริ่ม)
Strength
17
17
Dexterity
16
14
Constitution
8
16
Intelligence
8
8
Wisdom
14
10
Charisma
10
8

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 02
Barbarian Lv2

บิ้วนี้จะเหมือนกับบิ้ว 007 เลยครับ ในช่วงแรกๆนี่อัพเลเวลง่ายมาก หลับตากดยังได้ ... แต่ลืมตามองก่อนก็ดีฮะ เพราะในเวลนี้เราจะได้สกิลดีๆมา 1 อัน นั่นก็คือ ...

Reckless Attack
เราจะโจมตีระยะประชิดและได้ Advantage สำหรับ Attack Roll ของการโจมตีในเทิร์นนั้นทั้งหมด แต่ศัตรูเองก็จะได้ Advantage เวลาโจมตีเราเช่นกัน

อาจจะเป็นสกิลที่ใช้ได้ไม่ค่อยเห็นผลในช่วงแรก เนื่องจากยังไม่มี Extra Attack เลยอาจจะทำให้เราโจมตีได้ครั้งเดียวอยู่ ... แต่หากใช้หลังจากที่เรามี Extra Attack แล้วจะได้ผลดีมาก เพราะเราสามารถโจมตีด้วยสกิลนี้ เพื่อให้การโจมตีด้วยอาวุธขว้างของเราติด Advantage ทั้งหมดในเทิร์นนั้นได้

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 03
Barbarian Lv3

เอาล่ะ มาถึงเลเวลที่เราจะได้เข้าของใหม่กันบ้างแล้ว โดยรอบนี้ผมจะขอให้ทุกคนเลือกเล่นเป็น Subclass: Giant ครับ

Subclass - ก็ Giant ตามที่บอกข้างบนเลยฮะ เพราะมันจะเปลี่ยน Rage ธรรมดาให้กลายเป็น Giant's Rage ที่จะขยายร่างเราให้ใหญ่ขึ้น พร้อมบวกโบนัสดาเมจเวลาขว้างอาวุธจากปกติ 2 หน่วย เป็น 4 หน่วย (หรือก็คือสองเท่า) ทำให้ดาเมจตอนขว้างอาวุธแรงกว่า Berserker ครับ

เหมือนจะดีใช่มั๊ยล่ะ แต่ข้อเสียคือ ไม่มี Enraged Throw แบบ Berserker นะครับ ทำให้ขว้างได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น ไม่สามารถใช้ Bonus Action ขว้างได้ แต่ Giant นี้จะมีสกิลในการโจมตีระยะประชิดที่ดีกว่า ซึ่งผมจะเอาไว้อธิบายในภายหลังฮะ


แถมเราจะได้สกิลชื่อ Vaprak's Greed ที่จะช่วยให้เราแบกของมากขึ้นได้ด้วย เรียกได้ว่าเป็นตัวแบกของของตี้ได้สบายๆเลยล่ะ


การอัพเกรดตัวละครที่ Level 04
Barbarian Lv4

Feat - เป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก Tavern Brawler ครับ เพราะจะทำให้เราเอาค่า Str Modifier มาบวกให้กับดาเมจและ Attack Roll เวลาใช้อาวุธขว้าง แถมยังสามารถเพิ่มค่า Str ได้ 1 แต้มทำให้เราสามารถเพิ่ม Str เป็น 18 ได้ ถือว่าคุ้มๆครับสำหรับบิ้วนี้

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 05
Barbarian Lv5

ในเลเวลนี้ เราจะได้ Extra Attack มา ทำให้สามารถโจมตีหรือขว้างอาวุธได้ 2 ครั้งต่อ 1 Action Point แล้ว แถมยังได้สกิล Fast Movement เวลาเราไม่ได้ใส่เกราะ จะสามารถเดินได้ไกลขึ้น 3 เมตรด้วย แต่ถ้าบิ้วนี้ เราต้องใส่เกราะตอนท้ายเกมก็ไม่ได้ระยะเดินเพิ่มฮะ


โดยปกติเราจะหมดธุระในเลเวล 5 เท่านี้ แต่สำหรับสาย Giant จะมีอีกท่าที่เอาไว้ใช้งานได้ดีมากๆครับ นั่นก็คือ

Boot of the Giants - เป็นการใช้ Bonus Action โจมตีด้วย "บาทาแห่งยักษ์" ของแทร่ ซึ่งจะให้ผลในการเช๊คสกิล Athletics แบบเดียวกับผลัก แต่อันนี้จะทำดาเมจแบบ Unarmed ด้วย ... ใช่ครับ มันจะได้ประโยชน์จาก Tavern Brawler ด้วย แม้ดาเมจ Base ของท่านี้จะเป็น 1 แต่ถ้าบวกดาเมจไปเยอะๆ ก็เรียกได้ว่า เป็นดาเมจแบบคงที่ที่เอาไว้ใช้ Bonus Action ทำดาเมจใส่ศัตรูได้ดีเลย แถมใช้ได้ทั้งตอนที่ไม่ได้ Rage ด้วย ของดีสุดๆ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 06
Barbarian Lv6

อันนี้เป็นเลเวลสำคัญของสาย Giant เลย เพราะนอกจากจะได้ Rage Charge เพิ่ม 1 แต้มแล้ว ยังจะได้สกิลจำเป็นสุดๆ หรือจะเรียกว่าสกิลพระเอกของบิ้วนี้ไว้ใช้งานเลยครับ

Elemental Cleaver
ในขณะที่เราอยู่ในโหมด Rage จะสามารถเสกธาตุ Acid, Cold, Fire, Lightning, Thunder ธาตุใดธาตุหนึ่ง เพิ่มดาเมจธาตุ 1-6 หน่วยให้กับอาวุธที่เราถืออยู่ตอนนั้น แถมยังทำให้อาวุธนั้นๆได้สถานะ "Throw" หรือ "ขว้างได้" มาด้วยไม่ว่าจะเป็นอาวุธอะไรก็ตาม!!! แถมใช้เปลี่ยนธาตุได้เรื่อยๆตามที่ต้องการเลยเพราะมันเป็นฟรีแอคชั่น ยังๆ ยังไม่หมดแค่นี้ เมื่อเราขว้างอาวุธที่ติดสกิลนี้ไป มันจะกลับเข้ามือเราอัตโนมัติเลยแบบ Homing Weapon ... เป็นไงครับ พอมองเห็นหนทางในการใช้งานสกิลนี้แล้วใช่มั๊ย? ใช่ครับ สกิลนี้จะทำให้คุณสามารถขว้าง "อาวุธอะไรก็ได้" โดยจะทำเบสดาเมจเท่ากับเบสของอาวุธนั้นๆเลย ... พอกันทีกับเมต้า Nyrluna และ Dwarven Thrower ...นี่เป็นเวลาของอาวุธ No Name ทั้งหลายแล้ว!!!


และเราจะหยุดการอัพเลเวล Barbarian ไว้เพียงเท่านี้ครับผม
การอัพเกรดตัวละครที่ Level 07
Barbarian Lv6 / Fighter Lv1

Class - Fighter ... เพื่อให้ได้สกิล Action Surge ในเลเวลถัดไปเท่านั้นครับ แต่ก็ยังได้ของแถมเป็นสกิล Second Wind ไว้เพิ่มเลือดกรณีฉุกเฉินได้ด้วย


Fighting Style - เลือก Defence จะทำให้เราได้ AC+1 ตอนใส่เกราะครับ ซึ่งเราสามารถใส่เกราะ Light หรือ Medium ได้เลย โดยไม่ทำให้เสียประโยชน์จากโหมด Rage

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 08
Barbarian Lv6 / Fighter Lv2

ผมบอกแล้วว่าบิ้วนี้บิ้วง่ายจริงๆครับ เพราะเลเวลนี้ เราก็ไม่ได้เลือกอะไร 5555 ... ใช่ครับ เราต้องการ Fighter 2 เพื่อเอาสกิล Action Surge ในการเพิ่ม Action Point 1 แต้ม เพื่อให้เราสามารถขว้างอาวุธได้เพิ่มอีก 2 ครั้ง / 1 Short Rest ครับ ... ดูเหมือนไม่เยอะ แต่มันคือดาเมจประมาณ 80-100 หน่วยได้เลยนะ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 09
Barbarian Lv6 / Fighter Lv2 / Ranger Lv1

ในเลเวลนี้ เราจะ Dip เข้าไปที่ Ranger เลยฮะ โดยผมจะแนะนำให้เลือกสกิลต่างๆ ดังนี้

Favoured Enemy - เลือกศัตรูที่เราชอบล่า 1 อย่างตามที่ชอบได้เลยครับ


Natural Explorer - สภาพแวดล้อมที่ชอบ อันนี้ผมแนะนำ Wasteland Wanderer ทั้ง 3 อย่างครับ เลือกอะไรก็ได้ที่คุณไม่อยากโดนดาเมจนั้นแรงๆครับ


Skills - เลือก Athletics ได้เลยครับ เพราะมีผลกับท่าเตะของเรา

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 10
Barbarian Lv6 / Fighter Lv2 / Ranger Lv2

ในเลเวลนี้เราจะได้เลือกเวทย์ไว้ใช้งานแล้ว แต่เนื่องจากปกติเรา Rage ก็จะใช้เวทย์อะไรไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้น ผมแนะนำให้เลือกเวทย์แบบ Utilities ที่เอาไว้ใช้ก่อนเข้าการต่อสู้ได้ครับ เช่น

> Longstrider - เวทย์สำหรับนักเดินไกล ทำให้เราเดินได้ไกลขึ้น 3 เมตร / เทิร์น แถมเป็นเวทย์แบบ Ritual ที่ร่ายฟรีไม่เสีย Slot เวทย์ด้วย เรียกได้ว่า บิ้วไหนเลือกเวทย์นี้ไว้ใช้ได้นี่ต้องเลือกไว้เลยล่ะ


> Speak with Animals - เอาไว้คุยกับสัตว์ได้ แถมเป็นเวทย์แบบ Ritual ที่ร่ายฟรีไม่เสีย Slot เวทย์ด้วย จริงๆก็อาจจะไม่ได้ใช้อะไรครับ แต่มีไว้ก็ไม่ได้เสียหายอะไรฮะ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 11
Barbarian Lv6 / Fighter Lv2 / Ranger Lv3

Spells - เลือกอะไรก็ได้อีกเวทย์ แต่ผมแนะนำอันนี้ครับ

> Enhance Leap - เวทย์แบบ Ritual ที่ร่ายฟรีไม่เสีย Slot อีกหนึ่งอย่าง ที่ร่ายแล้วจะทำให้เรากระโดดได้ไกลขึ้น 3 เท่าจากเดิม ยิ่งเรามี Str เยอะๆด้วยแล้วยิ่งทำให้กระโดดข้ามแมพกันได้เลยล่ะ


และก็มาถึงสิ่งที่เราต้องการครับ นั่นคือการเลือก Subclass ใหม่ของ Ranger นั่นเอง

Subclass - เลือก Swarmkeeper เลยครับ เพราะเราต้องการเลี้ยงผึ้งน้อย


Gathered Swarm - เลือก Legion of Bees แบบไม่ต้องสืบเลยครับ เพราะจะทำให้คุณได้สกิล Reaction ใหม่เวลาทำดาเมจใส่ศัตรูได้ 3 แบบ ดังนี้
> Legion of Bees: Attack - ทำดาเมจ Piercing เพิ่ม 1-6 หน่วยใส่ศัตรู ในกรณีที่มันยังไม่ตายเท่านั้นครับ
> Legion of Bees: Teleport - ใช้ฝูงแมลงพาวาร์ปฟรีได้ในระยะ 5 เมตร ใช้ได้แม้ฆ่าศัตรูตัวนั้นๆไปแล้วก็ตาม
> Legion of Bees: Knockback - ผลักเป้าหมายให้กระเด็นไป 5 เมตรได้ ในกรณีที่มันยังไม่ตายเท่านั้นครับ

จริงๆคือเราจะใช้ Legion of Bees: Attack ทำดาเมจใส่ศัตรูถ้ามันยังไม่ตายเป็นหลักเลยครับ แต่ถ้าศัตรูตายแล้วก็เอา Legion of Bees: Teleport เพื่อเอาไว้ใช้เคลื่อนที่เพิ่มในระยะสั้นๆได้ด้วย เรียกว่ามีประโยชน์หลายอย่างเลยล่ะ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 12
Barbarian Lv6 / Fighter Lv2 / Ranger Lv4

แล้วก็มาถึงเลเวลสุดท้าย เราจะอัพ Ranger เพื่อเอา Feat อีกหนึ่งอันครับ

Feat - อันแรกนี้ ผมแนะนำให้เลือก Ability Improvement เพิ่ม Str+2 ไปเลยครับ ให้ Str ถึง 20 แต้ม ซึ่งเราจะสามารถอัพ Str ได้สูงสุดถึง 24 แต้มเลย ถ้าได้บัฟถาวรอีก 4 แต้ม


จบแล้วครับ กับการอัพเลเวลของบิ้วนี้ ง่ายสุดๆไปเลย ใช่ครับ เพราะผมขี้เกียจพิมพ์ไงล่า 5555 หยอกๆ เพราะมันอัพง่ายจริงๆครับ เหมาะกับเป็นบิ้วคัมแบ๊คสำหรับคนที่ห่างหายจากวงการไปนานอย่างผมเลย
Equipment อุปกรณ์สวมใส่ที่จำเป็น
MINOR SPOILER ALERT!!!

สำหรับอุปกรณ์สวมใส่ที่จำเป็นนี่ ยังไงก็คงหลีกเลี่ยงการสปอยได้ยาก ... แต่ก็เช่นเดิม ผมจะทำแถบปิด Spoiler เอาไว้ และจะ Spoil ให้น้อยที่สุดครับ

หากใครกลัวพลาดหรือแค่อยากรู้ว่าชิ้นไหนทำอะไรได้บ้างจริงๆ ให้ข้ามไปดูสรุปข้อมูลได้เลย

Helmet ส่วนหัว/หมวก
Sarevok's Horned Helmet

ไอ้ของชิ้นนี้หลบสปอยยากมากครับ เอาเป็นว่า หาได้ใน Act 3 ใครอยากรู้ก็ต้องเปิดดูเนาะ ดรอปจาก Boss ของ Baldur's Gate ภาคแรก ที่ชื่อว่า Sarevok Anchev โดยเราต้องเข้าไปที่ Murder Tribunal และต้องฆ่า Sarevok เพื่อให้ได้มาเท่านั้นครับ

Cloak ส่วนผ้าคลุม
Cloak of Protection

หาซื้อได้จาก Quartermaster Talli ที่ Last Light Inn ใน Act 2

Armor/Clothing ส่วนเกราะ/ชุด
Bhaalist Armour

หาซื้อได้จาก Echo of Abazigal ที่ Murder Tribunal ใน Act 3 ... โดยเราต้องเลือกที่จะเป็น Unholy Assassin เท่านั้น ถึงจะมีพ่อค้ามาขายของชิ้นนี้ให้

Gloves ส่วนถุงมือ
Helldusk Gloves

หาได้จาก House of Hope ใน Act 3 ... ดรอปจากปีศาจที่ชื่อว่า Haarlep ในห้องที่มีสระน้ำฟื้นพลัง ให้เดินไปด้านหลังสระจะเจอมันนอนอยู่บนเตียงครับ

Boots ส่วนรองเท้า
Evasive Shoes

หาซื้อได้จาก Mattis ที่ Last Light Inn ใน Act 2

Amulet ส่วนสร้อยคอ
Amulet of Greater Health

ได้จาก House of Hope ใน Act 3 อยู่ในห้องโชว์ Artifact ที่เดียวกันกับ Orphic Hammer

Rings ส่วนแหวน
Ring of Flinging

หาซื้อได้จาก Arron ที่ Druid Grove ใน Act 1

Risky Ring

หาซื้อได้จาก Araj Oblodra ที่ Moonrise Towers ใน Act 2

Melee Weapon ส่วนอาวุธประชิด
Duellist's Prerogative

หาได้จาก Lora ที่เมือง Baldur's Gate ใน Act 3 ... โดยเราจะได้เป็นรางวัลหลังจบเควส Save Vanra ซึ่งเราจะต้องช่วย Vanra จาก Ethel ให้ได้โดยการใช้ระเบิด Witch's Bane ปาใส่ Ethel ในตอนที่สู้กัน ให้มันคายน้องออกมาครับ

Shield ส่วนโล่
Viconia's Walking Fortress

โล่ที่ดีที่สุดในเกม ดรอปจาก Viconia ที่ House of Grief ใน Act 3 ... โดยถ้าเล่นปกติ เราต้องเลือกฆ่าเธอถึงจะได้ของนะครับ แต่ถ้าจะเลือกปล่อยไปแล้วอยากได้โล่ด้วย หลังจบไฟท์ก่อนคุยให้กดคลิกขวาที่ Viconia แล้วกด Loot ของทั้งหมดมาก่อน จากนั้นค่อยคุยให้ปล่อยไปได้ครับ ผมเทสแล้วว่าสามารถทำได้จริง ณ Patch 6 Hotfix 25

Range Weapon ส่วนอาวุธระยะไกล
The Dead Shot

หาซื้อได้จาก Fytz the Firecracker ที่ Stormshore Armoury ใน Act 3
สรุปความจำเป็นของอุปกรณ์แต่ละชิ้น
Sarevok's Horned Helmet - ใส่เพื่อเอาสกิลลดค่าการ Roll ของ Critical ลงอีก 1 แต้ม (เพิ่มอัตราคริ 5%) นอกนั้นยังได้ Darkvision และกันการติดสถานะ Frightened ได้ด้วย
Cloak of Protection - ใส่เพื่อเพิ่ม AC+1 และ Saving Throw +1 เพิ่มประสิทธิภาพการ Tank
Bhaalist Armour - ใส่เพื่อเอาสกิล Aura of Murder ที่จะทำให้ศัตรูในระยะ 3 เมตร ติดสถานะ Vulnerable ของดาเมจแบบ Piercing หรือก็คือ โดนดาเมจ Piercing แรงขึ้นสองเท่านั่นเอง ยกเว้นว่าศัตรูตัวนั้นจะมี Immunity ของดาเมจแบบ Piercing ... อันนี้ผมเองก็เพิ่งสังเกตุว่ามันปรับจากเดิม 2 เมตรเป็น 3 เมตรแล้ว เรียกได้ว่า บัฟสกิล Aura of Murder มาแน่นๆเลย
Helldusk Gloves - ใส่เพื่อเพิ่มดาเมจไฟ 1-6 หน่วย เวลาใช้อาวุธโจมตี และดาเมจ Necrotic 1-6 หน่วย เวลาใช้มือเปล่า(หรือเท้า)โจมตี
Evasive Shoes - ใส่เพื่อเพิ่ม AC+1 และได้ของแถมเป็น Acrobatics+1 ด้วย
Amulet of Greater Health - ปรับ Constitution ของเราให้เป็น 23 ของดีที่ต้องมีไว้ในครอบครอง
Ring of Flinging - ใส่เพื่อเพิ่มดาเมจตอนขว้างอาวุธ 1-4 หน่วย ใช้ได้ดีมากกับบิ้วนี้ เพราะหาซื้อได้ตั้งแต่เริ่มเกมแรกๆเลย
Risky Ring - แหวนเทพแห่งสายโจมตี เพราะตอนโจมตีด้วยอาวุธ จะได้ Advantage เสมอ พูดง่ายๆคือ Roll เต๋าสองลูกสำหรับ Attack Roll ทุกครั้ง และถ้า Roll ได้แต้ม 18-20 จะได้ Critical ทันทีเนื่องจากบิ้วนี้มีการลดการ Roll ของคริลง 2 แต้ม ... แต่ก็มีข้อเสียอยู่ คือ แลกมากับการ Roll ของ Saving Throw แบบ Disadvantage หรือก็พูดง่ายๆคือ Roll 2 เต๋าแล้วเอาแต้มน้อยสุดในการ Saving Throw นั่นเอง ... ซึ่งเอาจริงๆในบิ้วนี้ เราต้องการแค่ Advantage มาลบล้างกับ Disadvantage เวลาขว้างใส่ในระยะประชิดเท่านั้นเอง
Duellist's Prerogative - อาวุธสาย Finesse สำหรับ Duellist ระดับ Legendary ที่ดีที่สุดในเกม โดยจะมีผลของสกิลต่างๆที่บิ้วของเราใช้งานได้มากมายเลย แต่สำหรับบิ้วนี้ไม่ได้ใช้อะไรพวกนั้นครับ เพราะเราจะเน้นเอามา "ขว้าง" ใส่ศัตรูของเราเทนนั่นเอง แต่ผมใช้อันนี้เพราะมันบวก Weapon Enchantment 3 แต้ม และก็สวยดีแค่นั้นเอง 555+
Viconia's Walking Fortress - ใส่เพื่อเพิ่ม AC+3 และได้สกิล Warding Bond (ไม่ได้ใช้ครับ) กับสกิล Reflective Shell ซึ่งดีมากเวลาเล่น Tank แล้วเจอกับกลุ่มศัตรูสายระยะไกล เพราะเมื่อเราเปิดใช้สกิลนี้ มันจะอยู่เป็นเวลา 2 เทิร์น และในระยะเวลานั้น มันจะสะท้อนการโจมตีระยะไกลแบบ Missile ที่เล็งมาที่เราทุกชนิด ใช่ครับ เวทย์ระยะไกลก็สะท้อนได้เช่นกัน เป็นอีกสกิลสำหรับ Tank ที่ Must Have อีกแล้ว ... นอกจากนั้นยังมี Shield Bash แบบพิเศษที่สามารถทำดาเมจ Force ได้ด้วย
The Dead Shot - ใส่เพื่อเอาสกิลลดค่าการ Roll ของ Critical ลงอีก 1 แต้ม (เพิ่มอัตราคริ 5%)

หากคุณไม่ต้องการใช้ดาบ Duellist's Prerogative หรือมีเพื่อนในทีมจะใช้ ก็ให้ใช้อาวุธมือเดียวที่ทำดาเมจ Piercing 1-8 หน่วย อย่างอื่นได้นะครับ เช่น Pickaxe หรือ Morningstars ก็ได้ แต่ไม่แนะนำให้ใช้หอกยาวอย่าง Spear ครับ เหตุผลคือ การที่มันเป็นอาวุธยาว ทำให้เวลาขว้างต้องการองศา Trajectory ที่มากกว่า ทำให้ขว้างไปติดนู่นติดนี่ได้ง่าย โดยเฉพาะการขว้างในระยะประชิด จะทำให้บางครั้งเราขว้างใส่ศัตรูไม่ได้ ทั้งๆที่เรายืนจ่อเลยก็มีครับ ซึ่งต่างกับอาวุธเล็กๆหรือกลางๆแบบ Dagger หรือ Rapier ที่ขว้างได้ง่ายกว่ามาก ดังนั้น จะใช้อันไหนก็ลองเทสขว้างๆดูมุมก่อนใช้งานจริงกันหน่อยก็ดีนะครับ
Items อื่นๆที่จำเป็นสำหรับบิ้ว
Elixir of Bloodlust

ยาเทพที่ทุกคนต้องมี ผลของมันคือ เมื่อฆ่าศัตรูได้ จะได้ Action Point คืนมา 1 แต้ม มีผล 1ครั้ง/1เทิร์น นั่นหมายความว่า ถ้าคุณฆ่าศัตรูได้ในเทิร์นนั้น คุณจะขว้างอาวุธฟรีได้อีก 2 ครั้งครับ ยกเว้นเล่นโหมด Honour ที่ Action Point นี้จะไม่ได้ผลจาก Extra Attack ทำให้ขว้างเพิ่มได้ 1 ครั้งเท่านั้นในโหมดนี้

Potion of Speed

เนื่องจากบิ้วนี้ พอเข้า Rage แล้วจะไม่สามารถใช้ Concentrate ใดๆได้ และถ้าคุณไม่มีเพื่อนคอยร่าย Haste ให้ ยานี้จึงเหมาะมากสำหรับบิ้วนี้ครับ ... แต่ต้องใช้อย่างระวังนะ เพราะถึงมันจะให้ผลเหมือน Haste แต่อยู่ได้ 3 เทิร์นเท่านั้นครับ
Illithid Powers & Passive Bonus ที่จำเป็น
MAJOR SPOILER ALERT!!!

จริงๆบิ้วนี้ถึงไม่ใช้ Illithid Powers ก็สามารถเล่นได้ครับ (ดูได้จาก Solo Test ในหมวดโบนัส) แต่ Permanent Buff เพิ่ม Str+2 ในตอน Act 3 นี่ ยังไงก็จำเป็นต้องเอามาให้ได้นะ ซึ่งเหมือนเดิม ผมจะแบ่งออกเป็นสองส่วนหลักๆก่อน คือ 1.Illithid Powers ที่แนะนำและ 2.Permanent Passive Buff ที่จำเป็นสำหรับบิ้วนี้ อะไรที่ไม่จำเป็นผมจะไม่พูดถึงละกันนะครับ

โดยในบิ้วนี้จะมีการใช้งาน Bonus Action ในการทำดาเมจได้ด้วย ทำให้ไม่เหมาะกับสกิลหรือ Buff หลายอย่างที่ต้องใช้ Bonus Action เหมือนบิ้วอื่นๆครับ

Illithid Powers ที่แนะนำให้ใช้กับบิ้วนี้

Cull the Weak
เมื่อเราลดเลือดศัตรูให้ต่ำกว่าจำนวน Tadpole ในหัวเรา ศัตรูจะตายทันทีและระเบิดทำดาเมจพลังจิตใส่ศัตรูใกล้เคียงอีก 1-4 หน่วย เป็นสกิลที่ดีมาก สำหรับคนที่ใช้พลังของ Tadpole เยอะๆอยู่แล้ว เพราะถ้าคุณอัพเกรดจนครบ แค่คุณลดเลือดศัตรูลงมาเหลือแค่นิดหน่อยก็สามารถฆ่าศัตรูตัวนั้นได้ทันที พูดง่ายๆคือ ยิ่งใช้หนอนมาก สกิลนี้ก็ยิ่งได้ผลดีมากขึ้น และบอกลาความเซ็งตอนศัตรูเหลือเลือด 1 ไปได้เลย
Fly
อีกสกิลที่ตรงตามตัวเป๊ะๆเลย ทำให้เราสามารถเคลื่อนที่ได้ดีกว่าเดินปกติมากๆ ซึ่งสกิลนี้จะได้มาฟรีๆ เมื่อเรายอมเปิดใจรับพลังจาก Astral Tadpole ที่ได้จาก The Emperor ในตอนต้น Act 3 ครับ (แต่ต้องยอมลดสวยลดหล่อ มีเส้นเลือดดำขึ้นหน้านะ 5555)

Permanent Passive Buff ที่จำเป็นกับบิ้วนี้

ถ้าอยากให้บิ้วนี้แรงสุด ก็ควรจะเอาให้เต็มนะครับ แต่ถ้าพลาดไปก็ไม่เป็นไร เพราะต่ำสุดที่เราจะเพิ่ม Str ได้เป็น 22 ก็ยังถือว่าพอได้อยู่ครับ

[Act 1] Abilities+1 จากหนังหัวของป้าแม่มด Ethel
ได้จากการปราบป้า Ethel ในรังแม่มดที่ Act 1 ก่อนป้าจะตายจะทำการต่อรองให้เราไว้ชีวิตโดยแลกกับหนังหัวเพิ่มค่า Abilities ค่าใดค่าหนึ่ง จำนวน 1 แต้มครับ ... ลองดูความจำเป็นคนในทีมด้วยก็ดีครับ

บิ้วนี้ไม่จำเป็นต้องได้หนังหัวป้าก็ได้ครับ แต่ถ้าได้ ก็ให้เลือกเพิ่ม Str+1 ไปเลย

[Act 2] STR+2 จากยา Potion of Everlasting Vigor
ยานี้ได้จากการเอา Astarion ไปกินเลือด Araj Oblodra ที่ Moonrise Towers ใน Act 2 ครับ (เป็นเควสของ Araj Oblodra ที่ขอตัวอย่างเลือดจากเรา) พอทำเควสจบก็จะได้ยาที่ชื่อว่า Potion of Everlasting Vigor มา คนที่กินยานี้จะได้ Str+2 ถาวรทันที ซึ่งเหมาะมากกับสายโจมตีที่เน้นโบนัสจาก Str Modifier อย่างบิ้วนี้ครับ

[Act 3] Abilities+2 จากกระจก Mirror of Loss
หลังจากทำเควสของ Shadowheart ใน House of Grief แล้ว เข้าไปห้องด้านในที่เจอพ่อแม่ของน้อง จะมีกระจก Mirror of Loss อยู่ ตรงนี้ผมแนะนำให้เซฟไว้ก่อนนะครับ เพราะกระจกนี่ต้องผ่าน Skill Check หลายรอบมาก ผมจะเรียงไว้ให้คร่าวๆประมาณนี้
1. การ Activate กระจก ต้องผ่าน Skill Check สองอย่างคือ Religion (DC20) และ Arcana (DC25)
2. หลัง Activate กระจกแล้ว คนที่จะเพิ่ม Stat ต้องผ่าน Skill Check Religion (DC25) ของใครของมันเป็นรายบุคคลไป
3. หลังจากผ่านเช๊คทั้งหมดแล้ว เราจะสามารถมอบ Abilities 1 ใน 6 อันไหนก็ได้ของเราให้กับกระจก 2 แต้ม แล้วจะสามารถเลือกเพิ่ม Abilities 1 ใน 6 อันไหนก็ได้ของเรา 2 แต้มแทน เช่น คุณอาจะแลก Wis-2 แล้วเอา Cha+2 แทน
4. หลังจากเลือกได้แล้ว ให้ใช้ Remove Curse ลบคำสาปที่โดน -2 อยู่ ก็จะทำให้เรามีบัฟ +2 Abilities ที่เราเลือกไว้ฟรีๆอย่างถาวรครับ
5. ทำซ้ำข้อ 2-4 กับตัวละครอื่นๆได้ ยกเว้นจะเฟล Skill Check คนนั้นจะอดบัฟนี้ไปเลยถาวรครับ

ข้อนี้ให้เราเลือก Str+2 ไปเลยครับ

จากสามข้อด้านบน เราจะได้ Str+5 ถ้าไม่เอาหนังหัวป้า Ethel มาก็ได้แค่ +4 ซึ่งก็เพียงพอให้เราอัพ Str ไปได้สูงสุดที่ 24 แต้ม (Str Modifier +7) แล้ว ... แต่ถึงมี Str แค่ 22 แต้ม ก็เพียงพอที่จะใช้งานบิ้วนี้ได้ครับ
วิธีการเล่นของบิ้วนี้โดยละเอียด
Role และแนวทางการเล่น
หน้าที่หลักๆของบิ้วนี้คือการทำดาเมจหรือ DPS Dealer ครับ ไม่มีอย่างอื่นเลย เพราะเน้นการโจมตีเป็นหลัก ไม่ว่าจะระยะประชิดหรือระยะไกลด้วยการขว้างก็ตาม แต่หากคุณจะทำดาเมจให้สูงที่สุด ต้องเน้นการขว้างในระยะประชิดเท่านั้นครับ ซึ่งหากคุณ Rage และเพิ่มดาเมจด้วย Elemental Cleaver แล้ว จะได้ดาเมจในการขว้างระยะประชิดสูงถึง 40-50 หน่วยเป็นอย่างน้อยเลย ต้องขอบคุณ สกิล Aura of Murder ของเกราะ Bhaalist Armour เจ้าเก่าที่ทำให้ดาเมจแบบ Piercing เป็นดาเมจที่ OP ที่สุดในเกมครับ แถมตอนนี้ยังบัฟเพิ่มระยะ Aura เป็น 3 เมตรแล้วด้วย (ของเดิม 2 เมตร) ทำให้ใช้ได้ง่ายขึ้นเยอะมากๆ แถมดาเมจเสริมจากฝูงผึ้งก็เป็น Piercing เหมือนกัน และถ้าใช้เป็นดาเมจเสริมจากการขว้างก็จะได้ดาเมจจาก Rage และแหวนเป็น Rider เพิ่มอีกด้วย

หากจำเป็นต้องโจมตีในระยะไกล บิ้วนี้ก็สามารถทำได้นะครับ แต่ดาเมจอาจจะลดลงเยอะหน่อยเพราะไม่ได้ผลจากสกิลออร่าของเกราะ แต่ก็ยังได้ดาเมจเพิ่มเยอะอยู่ครับ ทั้งจาก Rage จากแหวน จาก Feat แถมมีฝูงผึ้งช่วยอีก ก็ยังสามารถทำดาเมจได้สูงถึง 20-30 ต่อฮิทได้สบายๆครับ

ว่าละอย่ารอช้า ไปดูข้อมูลการเตรียมตัวกับวิธีใช้งานกันเลยฮะ

การเตรียมพร้อมแบบ Step by Step
1. กินยา Elixir of Bloodlust
สรรพคุณตามที่แจ้งไว้แล้วครับ เท่ากับว่าถ้าคุณฆ่าศัตรูได้ในเทิร์นนั้น คุณจะโจมตีเพิ่มได้อีก 2 ทีเลย
2. ร่าย Longstrider ใส่ตัวไว้
เพื่อให้เดินได้ไกลขึ้นอีก 3 เมตร มีแต่ผลดีไม่มีผลเสียก็ร่ายไว้เหอะครับ ถือว่าผมขอ 5555+

สำหรับบิ้วนี้ ผมไม่ได้แนะนำให้ใช้ง้าว Drakethroat Glaive เพิ่มดาเมจธาตุให้อาวุธ เพราะยังไงตอนเข้า Rage เราก็ได้ธาตุที่เลือกเพิ่มมา 1-6 หน่วยอยู่แล้ว แต่จะร่ายไว้เพื่อเพิ่ม +1 Attack Roll และ Damage จาก Weapon Enchantment ก็ได้นะครับ แต่ถ้าในตี้ต้องการโบนัสนี้มากกว่าก็ยกให้เค้าดีกว่าครับ

การใช้งานบิ้วนี้ในการต่อสู้แบบ Step by Step
1. กดใช้สกิลเข้าโหมด Giant's Rage ตอนเริ่มไฟท์
อันนี้จำเป็นเลยครับหากคุณต้องการดาเมจแบบขั้นสุด แต่หากเจอไฟท์เล็กก็อาจจะไม่จำเป็นต้องเข้า Rage ก็ได้ครับ ถ้าแบบนั้นก็แค่เล่นเป็นบิ้วสายดาเมจแบบประชิดไปแทน ซึ่งก็ยังใช้การโจมตีปกติ การเตะ และฝูงผึ้งได้อยู่เหมือนเดิม

2. ใช้ Elemental Cleaver ใส่อาวุธ Duellist's Prerogative หรืออาวุธประชิดดาเมจ Piercing อื่นที่คุณถือไว้
จะเลือกธาตุอะไรก็ได้ครับ ยกเว้นไฟที่เรามีดาเมจจากถุงมือบวกให้อยู่แล้ว 1-6 หน่วย

3. เข้าประชิดศัตรูในระยะ 3 เมตร และขว้างอาวุธใส่ศัตรู
ในจุดนี้ เวลาเราขว้างระยะใกล้จะติด Disadvantage ครับ แต่เราก็มีแหวน Risky Ring ที่มี Advantage ช่วยแก้ให้มันหักล้างกันไป หรือถ้าคุณยังไม่มีแหวน ก็ให้ใช้ Reckless Attack 1 ก่อนขว้างด้วย Extra Attack เพิ่มหักล้าง Disadvantage ก็ได้เหมือนกันครับ แค่จะเสียโอกาสทำดาเมจสูงสุดไป 1 ครั้งเท่านั้น

4. หากศัตรูไม่ตาย ให้ใช้ดาเมจจากฝูงผึ้งทำดาเมจต่อ ซ้ำให้เป้าหมายตายให้ได้ เพื่อเอา Bloodlust
ตรงนี้ต้องเอาให้ได้ครับ เพื่อไม่ให้เทิร์นนั้นเสีย Action Point ฟรีนี้ไป ยังไงก็ต้องฆ่าศัตรูให้ตายให้ได้อย่างน้อย 1 ตัวครับ

5. ใช้ Action Surge เพื่อเอา Action Point เพิ่มมาเก็บศัตรูที่เหลือ
อันนี้แล้วแต่สถานการณ์นะครับ คุณจะเก็บไว้ก่อน หรือใช้ตั้งแต่แรกก็ได้ไม่มีปัญหา ... ถ้าปกติทีมคุณต้อง Short Rest ทุกครั้งหลังไฟท์อยู่แล้ว ก็ใช้ไปเลยครับ

6. ในเทิร์นต่อไปใช้ Bonus Action เตะศัตรูที่ไม่ต้องการให้อยู่ใกล้ หรือเตะให้ตกจากที่สูงทำดาเมจได้
อันนี้แล้วแต่สถานการณ์เลยครับ ถ้าศัตรูโดนเตะกระเด็นตกผาหรือที่สูงตายได้ก็ดี หรือแค่คุณต้องทำดาเมจเพิ่มซัก 15-20 ดาเมจ ก็ใช้ท่านี้ทำดาเมจใส่ศัตรูได้เลย แค่จะใช้ในเทิร์นแรกที่เราใช้ Bonus Action ในการ Rage ไปแล้วไม่ได้เท่านั้นเองครับ แถมท่านี้ยังใช้ตอนไม่ Rage ได้ด้วยนะ ของดีย์

7. เลือกใช้ Legion of Bees ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในแต่ละเทิร์น (Optional)
ไม่ว่าจะทำดาเมจ เก็บวาร์ปฟรีเพื่อเคลื่อนที่ต่อ หรือแม้กระทั่งผลักศัตรู อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ณ ตอนนั้นเลยครับ ว่าคุณจะเลือกแบบไหน แต่เนื่องจากเรามี Reaction แค่แต้มเดียวต่อเทิร์น ก็ลองชั่งใจเลือกอันที่เหมาะสมที่สุดดูครับ เพราะบางครั้ง ตัวเลือกที่ดีที่สุด อาจจะเป็นการไม่ใช้ตอนนั้นเพื่อเก็บไว้ใช้ทีหลังก็ได้นะ

ถ้าคุณทำและบัฟตามผม ก็จะสามารถทำดาเมจได้ถึง 5 ครั้งต่อเทิร์น (4 ครั้งในโหมด Honour) ซึ่งโดยรวมก็จะมีดาเมจอยู่ประมาณ 200 ต่อเทิร์น และไม่ต้องบริหารทรัพยากรอะไรมาก ยกเว้น Rage Charges 4 แต้มต่อ 1 Long Rest ที่ผมแนะนำให้เอาไว้ใช้ตอนไฟท์ใหญ่ๆหรือโหดๆเท่านั้นครับ
แนวทางการอัพเลเวลและไอเท็มก่อน Endgame
เนื่องจากมีหลายๆท่านถามเข้ามาเรื่องไอเท็มที่สามารถใช้ได้จาก Act 1 และ Act 2 เพราะยังไปไม่ถึง Endgame ใน Act 3 พร้อมทั้งมีหลายๆท่านถามเรื่องการอัพหรือรีคลาสในช่วงเลเวลนั้นๆ ผมเลยขอทำหมวดนี้เพิ่มให้เพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นให้กับผู้ที่สนใจเอาไปปรับใช้กันนะครับ

แนวทางการอัพเลเวลในแต่ละขั้น
ในไกด์ของผมส่วนใหญ่จะเป็นการอัพเลเวลยาวๆไปจนเลเวล 12 เลย ทำให้หลายๆท่านที่เล่นตั้งแต่แรกเริ่ม อาจจะใช้บิ้วนี้ได้ไม่เต็มที่ ผมเลยขอทำตารางแนะนำแนวทางการอัพเลเวล พร้อมเหตุผลคร่าวๆมาให้เป็นทางเลือกสำหรับคนที่เริ่มเล่นและเติบโตไปพร้อมกับบิ้วนี้ครับผม

LEVEL
แนวทางการอัพเลเวล/Respec
เหตุผลคร่าวๆในการอัพ/Respec
1
Barbarian 1
เพื่อให้มีสกิล Rage ไว้ใช้งาน
2
Barbarian 2
เพื่อเอาสกิล Reckless Attack มาใช้งาน
3
Barbarian 3
เพื่อเลือก Subclass: Giant
4
Barbarian 4
เพื่อเลือก Feat Tavern Brawler
5
Barbarian 5
เพื่อให้ได้สกิล Extra Attack
6
Barbarian 6
เพื่อเอาสกิล Elemental Cleaver มาใช้งาน
7
Barbarian 6 / Fighter 1
เพื่อเอา Fighting Style เพิ่มอีก 1 อย่าง
8
Barbarian 6 / Fighter 2
เพื่อเอาสกิล Action Surge
9
Barbarian 6 / Fighter 2 / Ranger 1
-
10
Barbarian 6 / Fighter 2 / Ranger 2
เพื่อเอา Fighting Style เพิ่มอีก 1 อย่าง
11
Barbarian 6 / Fighter 2 / Ranger 3
เพื่อเลือก Subclass: Swarmkeeper
12
Barbarian 6 / Fighter 2 / Ranger 4
เพื่อเลือก Feat อันที่ 2

เอาจริงๆ บิ้วนี้ก็อัพตามในไกด์ได้เลยครับ เพราะทุกเลเวลที่อัพมีผลเพิ่มสกิลที่จำเป็นทั้งนั้นเลย แค่มา Respec เปลี่ยนค่า Abilities เอาตอนได้ของครบใน Act 3 แล้วแค่นั้นก็ยังได้

ไอเท็มและอุปกรณ์ทางเลือกก่อนถึง Endgame
ในส่วนนี้มีคนต้องการเยอะครับ สำหรับบางบิ้วนั้นจะเทพได้ก็ต่อเมื่อมีของ Endgame เท่านั้นจริงๆ ... แต่ผมจะพยายามหาทางอุปกรณ์ทางเลือกมาแนะนำให้ทุกท่านได้เอาไว้ใช้งานก่อนมีของเทพละกัน สำหรับใครที่อยากรู้ข้อมูลของอุปกรณ์แต่ละชิ้น ลองเอาชื่อไป Search หาใน https://bg3.wiki/ ได้เลยครับ

ประเภทอุปกรณ์สวมใส่
ACT1
ACT2
ACT3
หมวก/ส่วนหัว
Haste Helm
Marksmanship Hat
Sarevok's Horned Helmet
ผ้าคลุม
The Deathstalker Mantle (ถ้ามี Dark Urge)
Cloak of Protection
Cloak of Protection
เสื้อ/ชุดเกราะ
Adamantine Scale Mail
Adamantine Scale Mail
Bhaalist Armour
ถุงมือ
Gloves of Uninhibited Kushigo
Gloves of Uninhibited Kushigo
Helldusk Gloves
รองเท้า
Disintegrating Night Walkers
Evasive Shoes
Evasive Shoes
สร้อยคอ
Amulet of Branding
Amulet of Branding
Amulet of Greater Health
แหวนวงที่ 1
Ring of Flinging
Ring of Flinging
Ring of Flinging
แหวนวงที่ 2
Crusher's Ring
Risky Ring
Risky Ring
อาวุธ Melee มือหลัก
อะไรก็ได้
อะไรก็ได้
Duellist's Prerogative/อะไรก็ได้
อาวุธ Melee มือรอง
Safeguard Shield
Sentinel Shield
Viconia's Walking Fortress
อาวุธ Range
Hunting Shortbow
Darkfire Shortbow
The Dead Shot

ในช่วงต้นๆเกม อาจต้องเล่นแบบ Melee DPS ปกติไปก่อนครับ จนกระทั่งเลเวล 6 ถึงจะสามารถขว้างได้ แต่ถ้าคุณอยากขว้างตั้งแต่เลเวลแรกๆ ก็ให้ใช้ Returning Pike ที่หาซื้อได้จาก Goblin Camp ก็ได้ครับ เพราะมันจะกลับเข้ามือเรา แต่ก็แนะนำให้ใช้ตอนประมาณเลเวล 4 อยู่ดีเพราะจะได้ Feat Tavern Brawler มาใช้แล้ว

พอเลเวล 6 ก็สามารถใช้อาวุธอะไรขว้างก็ได้ครับ และถ้ามีสร้อย Amulet of Branding ก็สามารถเลือกทำให้ศัตรูแพ้ดาเมจของอาวุธนั้นๆได้เลย ทำให้คุณสามารถขว้างได้อย่างรุนแรง แต่สร้อยนี้ใช้ได้แค่ 1 ครั้ง / 1 Long Rest เท่านั้น ยังไงก็ใช้เฉพาะที่จำเป็นก็ดีครับ

พอถึงช่วง Act 3 ก็ได้ของจำเป็น แทบจะครบแล้ว และหลังจากได้สร้อย Amulet of Greater Health มาแล้ว ก็ให้ Respec ตัวละครลด Con ลงเหลือ 8 ได้เลย ซึ่งบิ้วนี้จากที่ผมลอง ก็สามารถทำดาเมจได้โหดตั้งแต่แรกๆเลยครับ เพราะ Tavern Brawler ตอนเลเวล 4 มันบวกให้ทั้งตอนขว้างและท่าเตะเลย แต่ดาเมจเราจะมาพุ่งทะลุเพดานเอาก็ตอนมีเกราะโกงอย่าง Bhaalist Armour เจ้าเก่านี่แหละครับ ... แต่หากคุณอยากจะเน้นเป็นสายขว้างระยะไกลอยู่ ก็สามารถเอาเกราะนี้ให้เพื่อนคนอื่นเป็นคนเข้าประชิด แล้วเราค่อยขว้างใส่ศัตรูที่อยู่ใกล้ๆคนนั้นแทน ก็ได้ดาเมจสูงสุดเช่นกันฮะ
Conclusion
จบกันไปอย่างรวดเร็วกับบิ้วเปิดศักราชหลังจากผมหายจากวงการเกมนี้ไปนานเลย ก็เรียกได้ว่าเป็นบิ้วที่ทำได้หลากหลายอย่างของจริงเลยครับ เพราะไม่ว่าคุณจะเล่นสายขว้างหรือตีระยะประชิดแบบไม่เปิด Rage คุณก็ยังได้ประโยชน์จากอุปกรณ์ทั้งหลายอย่างครบครันเลย ขาดก็แค่ร่ายเวทย์โจมตีหรือดาเมจแบบ AOE เท่านั้น อันนั้นก็ยกให้เป็นหน้าที่ของคนอื่นในตี้ไปละกันครับ 555+

ช่วงนี้โควิดกลับมาระบาดหนัก ยังไงก็รักษาดูแลสุขภาพตัวเองและครอบครัวด้วยนะครับทุกท่าน ผมจะพยายามไปเทสบิ้วของ Subclass ใหม่เพื่อมาผสมสร้างไอเดียแปลกๆให้ทุกท่านได้อ่านเล่นกันอีกเรื่อยๆครับ

ขอตัวไปนำฝูงผึ้ง ขว้างเหล็กในใส่ศัตรูต่อละ ไว้พบกันใหม่บิ้วไกด์หน้าครับผม
Bonus รวมคลิปการบิ้ว วิธีเล่น และเทสรัน
สำหรับใครที่ขี้เกียจอ่านเรียงความยาวๆของผมนะครับ ลองดูในคลิปด้านล่างได้เลย ผมทำเผื่อไว้ให้แล้ว ... สามารถพูดคุยสอบถามได้จากในคลิปหรือในไกด์นี้ได้เลยนะครับ

คลิปการทำบิ้วตั้งแต่ Level 01-12


คลิปวิธีเล่นแบบคร่าวๆและอุปกรณ์ที่ใช้


คลิป Tactician Solo Test Run

Link Guide&Build อื่นๆที่ผมได้ทำไว้
สำหรับใครที่ขี้เกียจเลื่อนหา หรืออาจจะหาไกด์ไหนไม่เจอ ลองกดไปดูในสารบัญรวมเล่มนี้ได้เลยครับ
https://test-steamproxy.haloskins.io/sharedfiles/filedetails/?id=3140547253