Baldur's Gate 3

Baldur's Gate 3

Not enough ratings
[BG3] Build#032 นักธนูพลังจิตพิชิตหัวใจและสายตา
By Kingreader-K
บิ้ว Endgame (Act 3 Lv12) สำหรับผู้ชอบเล่นเป็นนักธนูพลังจิตที่ยิงก็แรง แถมทำให้ศัตรูหลงรักจนตาบอด โดยไกด์นี้ จะอธิบายการทำบิ้ว, อุปกรณ์ที่จำเป็น, และวิธีการเล่นให้อย่างละเอียดระดับโมเลกุล

อ้างอิงจากเกม Version 4.1.1.6848561 (Patch 8 Hotfix 32)
   
Award
Favorite
Favorited
Unfavorite
Introduction & Overview
คุณอยากเล่นบิ้วนักธนูที่ไม่ใช่ Ranger และ Sword Bard ดูบ้างมั๊ย?
เบื่อที่จะเล่น Fighter สาย Battle Master ที่ยิงธนูอย่างโหด แต่ชาร์จน้อยเกินหรือไม่?
และคุณอยากได้บิ้วนักธนูสายเวทย์หรือสายพลังจิตไว้ใช้ดีบัฟใส่ศัตรูได้มั๊ย?


ถ้าสามประโยคข้างบนตรงใจคุณ ถือว่ามาถูกที่แล้วครับ เพราะวันนี้ผม Kingreader-K คนเดิม จะมาเพิ่มเติมบิ้วใน Collection ของคุณให้ นั่นก็คือ บิ้ว Arcane Archer ที่เป็น Subclass ใหม่ของ Fighter นั่นเอง!!!

บอกตามตรงว่าตัวผมนั้นค่อนข้างชอบ Paladin เป็นหลักตั้งแต่เล่น D&D แล้ว เพราะมันต้องเบียวอัศวินผู้คลั่งศาสนาที่ต้องต่อสู้กับกิเลศของตัวเองและผองเพื่อน ... แต่เอาจริงๆ ในบิ้วไกด์ของ Baldur's Gate 3 ที่ผมทำมานั้น มี Fighter ดิ๊ปไว้ด้วยแทบจะทุกบิ้วเลย พูดได้เลยว่า Fighter คือคลาสที่ผมชอบเล่นมาก ถัดจาก Paladin เลยล่ะ และพอรู้ว่า Patch 8 เอา Arcane Archer มาเลยคิดว่า ต้องหาทำบิ้วสายนี้ซักหน่อยแล้วล่ะ

จากที่ลองมาหลายสูตร สุดท้าย ก็ต้องกลับมาตายรังกับบิ้วยิงสามทีที่ Fighter 11 อีกเช่นเคย (ของมันดี ใครล่ะจะอดใจไม่ใช้ไหว) ซึ่งคราวนี้ก็ใช้ทริคผสมหลายๆอย่างให้ออกมาเป็นบิ้วเฉพาะทาง แต่ก็ยังคงความบิ้วง่ายเล่นง่ายไว้ครับ ... ถ้าคุณอยากได้บิ้วสายธนูที่ยิงทีละ 40-60 หน่วยต่อครั้ง และยิงได้อย่างน้อย 3 ครั้งต่อเทิร์น จนถึงมากสุด 10 ครั้งต่อเทิร์นแล้วล่ะก็ ... ขอเชิญพบกับบิ้วที่ 32 ของผมนี้ได้เลยครับ


การสร้างตัวละครที่ Level 01
Fighter Lv1

บิ้วนี้จะเริ่มและจบเหมือนกับบิ้ว 005 แทบจะเป๊ะๆเลยครับ ต่างกันที่คนละ Subclass เท่านั้นเอง ... แน่ะ เห็นแบบนี้คงได้กลิ่นความง่ายในการบิ้วการเล่นแล้วล่ะสิ ... เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราลุยกันเลยดีกว่าครับ

Origin/Race/Sub-Race - จริงๆหัวข้อนี้มักจะจบลงที่ "อะไรก็ได้" แต่ถ้าให้ผมแนะนำ ก็ขอให้เลือกเป็น Githyanki ครับ เนื่องจากว่ามีไอเท็มหลายอย่างที่เพิ่มดาเมจ Psychic ให้กับเผ่านี้ เอาไว้ใช้แทนอุปกรณ์ที่เรายังไม่ได้มาบางอย่างได้ครับ แต่จะเล่นเผ่าอื่นก็ไม่ได้มีผลต่างกันหรอก เลือกที่คุณชอบดีที่สุดครับ

Class - Fighter แน่นอน เกริ่นมาขนาดนี้ แล้วผมจะคุยกับตัวเองทำไมก่อนนะ 555+


Fighting Style - สายธนูก็ต้องอัพ Archery แบบแน่นอน 100% เพราะช่วยเพิ่ม Attack Rolls เวลายิงธนูให้ถึง +2 แต้ม เอาไว้หักลบกลบหนี้กับ Feat Sharpshooter All-In ได้ดีอีกด้วย


Abilities - เน้นเพิ่ม Dex และ Con ให้เป็น 16 ครับ นอกนั้นจะเอาเท่าไหร่ก็ได้ เพราะ Str เราจะกินยาไม่ก็ถือ Club of Hill Giant Strength เพิ่มให้เป็น 19-21 อยู่แล้ว ส่วน Int เดี๋ยวเราก็จะใส่รัดเกล้าของดีใน Act 1 ที่จะทำให้เรามี Int 17 ไปตลอด ที่เหลือก็เพิ่มเอาแล้วแต่คุณถนัดเลยครับ แต่ส่วนตัวผมอัพไว้ประมาณนี้

Abilities
Score
Strength
8
Dexterity
16
Constitution
16
Intelligence
8
Wisdom
14
Charisma
12

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 02
Fighter Lv2

เวลนี้ อัพง่ายๆเลยครับ เพราะเราไม่ต้องเลือกอะไรเลย สบายๆ แต่จำเป็นยิ่งยวดเพราะสิ่งที่เราจะได้จาก Fighter เวล 2 คือ Action Surge

Action Surge
สกิลเฉพาะตัวของ Fighter ที่สามารถใช้ได้ฟรีโดยไม่ต้องเสียแต้มอะไร แต่ต้องใช้ตอนอยู่ใน Combat เท่านั้น ใช้ได้ 1 ครั้ง / 1 Short Rest ครับ ... โดยเมื่อเราใช้ Action Surge มันจะเพิ่ม Action Point ให้เรา 1 แต้มทันที ทำให้คุณสามารถโจมตี แดช หรือร่ายเวทย์ช่วยเพื่อนได้ในเทิร์นนั้น ถือเป็นของดีที่สายโจมตีต้องมีไว้เลยครับ

สำหรับบิ้วนี้ คุณจะสามารถตีศัตรูได้ 2 ครั้งต่อ 1 เทิร์นตั้งแต่เวล 2 หรือตั้งแต่เริ่ม Act 1 เลย ... ก็ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบอีกอย่างของบิ้วนี้เลยล่ะ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 03
Fighter Lv3

Subclass - Arcane Archer สิครับ รออะไร เพราะนอกจากเราจะได้ Proficiency ของ Arcana และ Nature ที่ไม่ค่อยได้ใช้ประโยชน์แล้ว เรายังจะได้ชาร์จ Arcane Arrows 4 หน่วยไว้ใช้กับ Feature เฉพาะของคลาสนี้ นั่นก็คือ ...

Arcane Shots
ให้อธิบายง่ายๆ ก็คงจะเปรียบเหมือนกับ Battle Manoeuvres ของ Battle Master ครับ แต่เปลี่ยนจากการใช้อาวุธแบบ Melee หรือ Range ก็ได้ กลายเป็น Range Only และทำดาเมจพร้อมดีบัฟใส่ศัตรูแทน และความแตกต่างกันอีกอย่าง คือ Battle Manoeuvres จะใช้ Save DC ที่เพิ่มจาก Str หรือ Dex Modifier (แล้วแต่อาวุธที่ใช้) แต่ Arcane Shots จะใช้ Int Modifier แทน ทำให้เราต้องมี Int ระดับนึง แต่มันก็ดีอยู่ตรงที่มันนับเป็น Spell Save DC ทำให้ไอเท็มหลายๆอย่างที่ช่วยเพิ่มค่านี้ทำงานกับท่าทั้งหลายของ Arcane Shots ด้วยครับ ซึ่งในเลเวล 3 นี่เราจะเลือกท่ามาใช้ได้ 3 จาก 8 ท่า ซึ่งถ้าใครอยากรู้ว่ามีท่าอะไรบ้างลองดูใน https://bg3.wiki/wiki/Arcane_Archer#Arcane_Shots ได้เลยครับ เพราะในส่วนนี้ผมจะขอพูดถึงแต่ท่าที่เอาไว้ใช้ในบิ้วนี้เท่านั้น


Shadow Arrow - ใช้เวทย์ Enchantment อาบธนูแล้วทำดาเมจ Psychic เพิ่ม 2-12 หน่วย หากศัตรูทอย Wis Saving Throw ไม่ผ่านจะทำให้ติดสถานะตาบอดหรือ Blinded ได้ 2 เทิร์น ... เป็นท่าหลักเลยครับ เพราะการทำให้ศัตรูติดตาบอดนั้นคือดีมาก ทำให้พวกระยะไกลยิงได้ไม่เกิน 3 เมตร และการโจมตีของมันจะติด Disadvantage ยังไม่หมด ถ้าเราโจมตีศัตรูที่ติด Blinded ก็จะได้ Advantage ด้วย คุ้มๆอิ่มๆเลยล่ะ


Beguiling Arrow - ใช้เวทย์ Enchantment อาบธนูแล้วทำดาเมจ Psychic เพิ่ม 2-12 หน่วย หากศัตรูทอย Wis Saving Throw ไม่ผ่านจะทำให้ติดสถานะหลงสเน่ห์หรือ Charmed ได้ 2 เทิร์น ... จริงๆท่านี้ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่ครับ แต่เป็นอีกท่าที่ทำดาเมจ Psychic ได้ และหากคุณไม่ต้องการโดนโจมตีจากศัตรูตัวนี้ก็ใช้ท่านี้ใส่ได้ครับ แต่จากที่ผมลองยังไงก็ได้ผลดีไม่เท่า Shadow Arrow นะ


Bursting Arrow - ใช้เวทย์ Evocation อาบธนูแล้วทำดาเมจ Force เพิ่ม 2-12 หน่วยใส่ศัตรูเป้าหมายและรอบๆระยะ 5 เมตร โดยถ้ายิงพลาดเป้าจะไม่ระเบิดและคืน Arcane Arrow Charges ให้เรา ... เป็นอีกท่าที่ใช้ได้ดีครับ เพราะไม่มี Spell Saving Throw ใดๆ แต่ทำดาเมจระเบิด Force วงกว้าง 5 เมตรได้ เอาไว้เก็บศัตรูที่กองกันเป็นหมู่ได้ดีเลยล่ะ


Cantrips - อ่ะ ผมเกือบลืมเลยว่าเราเลือก Cantrips ฟรีได้อันนึง อันนี้ตอนแรกจะเลือก Guidance ไว้ใช้ก็ได้นะครับ ถ้าในทีมไม่มีคนที่ใช้อยู่ แต่ถ้ามีก็เลือก Light ไว้เสกแสงใส่อาวุธเล่นๆก็ได้ครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 04
Fighter Lv4

Feat - อันแรกที่ได้ตอนต้นเกมนี่ ผมอยากแนะนำให้เลือกเป็น ASI Dex+2 แทนครับ สำหรับคนที่อยากเล่นแบบไม่ซับซ้อน แต่ถ้าคุณต้องการดาเมจมหาศาลที่เพิ่มขึ้นแล้วล่ะก็ Sharpshooter สิครับ

Sharpshooter
เวลาใช้อาวุธระยะไกล และเราอยู่ในระดับต่ำกว่าศัตรู เราจะไม่โดนปรับจาก High Ground Rules ครับ โดยที่เรายังสามารถใช้โบนัสจากกฎนี้ได้อยู่ ... อ่ะ พูดง่ายๆคือ ตอนเราอยู่ต่ำกว่าเราจะไม่เสียอะไร แต่เรายังได้ประโยชน์อยู่ถ้าเราอยู่สูงกว่า ... ก็เป็น Feat แบบ Must Have ของมือธนูก็ว่าได้ครับ โดย Feat นี้จะให้สกิล Passive ที่เปิด-ปิดได้กับเราอีกอย่างคือ

Sharpshooter: All In - ลด Attack Roll -5 แต้ม เพื่อแลกกับดาเมจที่เพิ่มขึ้น 10 แต้ม ถ้าเราเลือก Archery Fighting Style ไว้ อันนี้จะเหมือนแค่เรา -3 Attack Roll แต่ได้ดาเมจเพิ่ม 10 หน่วย ซึ่งถือว่าเยอะและคุ้มค่ามากๆครับ ... ทั้งนี้ทั้งนั้น คุณต้องเป็นคนตัดสินใจเองนะครับว่า จะยิงเอาโดนชัวร์กว่าแต่ดาเมจน้อยกว่า หรือเอาแบบลดโอกาสโดนลงแต่ดาเมจมากกว่า ซึ่งตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และของที่คุณใส่อยู่ด้วยครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 05
Fighter Lv5

เลเวลอัพรอบนี้ไม่ต้องเลือกอะไรเลยครับ เพราะเราจะได้สกิล Passive ที่เราต้องการมาเลย ก็คือ Extra Attack นั่นเอง ... การโจมตีได้ 2 ครั้งต่อ 1 Action Point นี่ถือเป็นสิ่งจำเป็นตอนเริ่มเกมเลย ... ซึ่งคลาสสายบู๊ส่วนใหญ่จะได้สกิล Extra Attack มาตอนเลเวล 5 แทบจะทั้งนั้นครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 06
Fighter Lv6

อันนี้เป็นจุดที่พิเศษ 1 อย่างของคลาส Fighter คือคุณสามารถเลือก Feat ฟรีได้ตอนเวล 6 ครับ ซึ่งตรงนี้ผมแนะนำให้เลือก Ability Improvement เพิ่ม Dex+2 ไปเลย ถ้าตอนเลเวล 4 คุณเลือกอันนี้ไว้ รอบนี้ก็ให้เลือก Sharpshooter แทนครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 07
Fighter Lv7

ในเลเวลนี้เราจะได้สกิล Passive ของดีของสายนี้มา 2 อย่าง นั่นก็คือ

Curving Shot - เมื่อเรายิงท่า Arcane Shots พลาดเป้า (หรือเรียกง่ายๆคือ Miss) จะสามารถใช้ Bonus Action ทำให้ธนูท่านั้นเด้งไปหาศัตรูอีกตัวที่อยู่ใกล้ที่สุดได้ เรียกว่าเป็นสกิลกันพลาดก็ว่าได้ แต่ก็มีโอกาสที่จะ Miss สองรอบติดเหมือนกันนะครับ ถ้าดวงคุณแย่ขนาดนั้นก็ทำใจเนาะ


Magic Arrow - ทำให้ธนูของเราเป็นดาเมจแบบ Magical เพื่อให้ทะลุ Resistance ทางกายภาพได้ เป็นสกิลที่ดี เพราะศัตรูหลายตัวช่วงกลางๆถึงท้ายเกมมี Resistance ของดาเมจแบบ Piercing กายภาพอยู่เยอะพอควร


นอกจากนั้น เรายังจะได้ Arcane Arrows Charge เพิ่มจากเดิม 4 เป็น 7 ลูก แถมยังเลือก Arcane Shots เพิ่มได้อีก 1 ท่า อันนี้ผมแนะนำเลือกท่านี้ครับ

Banishing Arrow - ใช้เวทย์ Abjuration อาบธนูแล้วยิงใส่ศัตรู ทำดาเมจอาวุธปกติ แต่ถ้าศัตรูทอย Cha Saving Throw ไม่ผ่านจะโดนสถานะ Banished หรือเนรเทศไปต่างมิติที่ไม่สามารถทำอะไรได้ (เราก็ทำอะไรมันไม่ได้เช่นกัน) เป็นเวลา 2 เทิร์น ... แม้ท่านี้จะไม่ได้แรงเท่า Banishing Smite แต่มันไม่ต้อง Concentrate ทำให้คุณสามารถสกรีนเอาศัตรูที่ไม่ต้องการหรือตัวเก่งๆ ออกไปจากการต่อสู้ได้ 2 เทิร์นเลย แล้วค่อยๆเก็บศัตรูที่เหลือ พร้อมล้างเท้ารอต้อนรับการกลับมาจากมิติด้วยการรุมกระทืบมันได้ครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 08
Fighter Lv8

Feat - เลือก Feat อันสุดท้ายกัน ถ้าคุณอัพมาตามผมให้เลือก Ability Improvement เพิ่ม Dex+2 ให้เต็ม 20 แต้มไปเลย

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 09
Fighter Lv9

เป็นอีกครั้งที่เราเป็นได้แค่คนดู ไม่ได้เป็นคนเลือก ... โดยเวลนี้เราจะได้สกิลชื่อ Indomitable มา โดยถ้าเรา Roll เต๋า Saving Throw ทั้งหลายแล้ว Fail มันจะขึ้นมาให้เราใช้สกิลนี้เพื่อโรลเต๋าใหม่แล้วใช้ผลใหม่อีกรอบครับ อันนี้ไม่ได้ใช้หลักการแบบ Advantage นะ แต่เป็นการรีโรลแล้วเอาผลลัพธ์ใหม่ ซึ่งถ้า Save DC สูงๆมันก็อาจจะยังเฟลได้ ดังนั้นก่อนใช้ ก็ลองดูก่อนก็ได้ครับว่าจำเป็นหรือไม่ เพราะในเทิร์นนั้นคุณอาจจะโดน Saving Throw หลายรอบก็เป็นได้นะ ถ้าผลที่โดนไม่หนักหนามากหรือ Save DC สูงเกินไป ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 10
Fighter Lv10

ในเลเวลนี้เราจะได้ Arcane Arrow Charges เพิ่มเป็น 10 ลูกเลย แถมยังได้เลือก Arcane Shots เพิ่มอีก 1 ท่าเป็นท่าสุดท้ายของบิ้วนี้ ... เอาจริงๆก็ไม่ได้มีท่าไหนที่เหมาะกับบิ้วนี้มากครับ แต่ผมแนะนำให้เลือก ...

Seeking Arrow - ใช้เวทย์ Divination อาบธนู ทำดาเมจ Force เพิ่ม 1-6 หน่วย และทำมาร์ค Faerie Fire ใส่ศัตรูได้ถ้าศัตรูทอย Dex Saving Throw ไม่ผ่าน ... ความดีงามของท่านี้คือ มันเหมือน Magic Missile ครับ เพราะมันจะไม่มีทางพลาดเป้า ทำให้เป็นดาเมจแบบหวังผลได้ 100% ... แต่ตอนนี้กลับมีข้อเสียอยู่คือ เนื่องจากมันไม่ได้ใช้ Attack Rolls มาคำนวณ ทำให้ไม่ติดสกิลเพิ่มดาเมจต่างๆที่ผูกกับค่านี้ เช่น Sharpshooter: All-In หรือ +Str Modifier ของ Titanstring Bow ซึ่งอันนี้ไม่แน่ใจว่าบั๊กหรือจงใจกันแน่ แต่เอาเป็นว่าเราไม่ใช้งานมันมากเท่าไหร่ แค่มีไว้เผื่อในสถานการณ์ที่ต้องการดาเมจแบบแน่นอน 100% เฉยๆละกันครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 11
Fighter Lv11

และแล้ว ก็มาถึงสกิลพระเอกระดับ Exclusive ของคลาสนี้แล้ว นั่นก็คือ Improved Extra Attack หรือก็คือ Extra Attack แบบขั้นกว่า ที่จะทำให้คุณสามารถโจมตีได้ 3 ครั้ง ต่อ 1 Action Point ครับ ... ถูกแล้ว! คุณจะสามารถโจมตีได้น้อยสุดเทิร์นละ 3 ครั้งกันแล้วตั้งแต่เลเวลนี้ เรียกว่ามีดาเมจ Output เพิ่มขึ้นจำนวนนึงเลยล่ะ โดยเฉพาะใน Honour Mode ที่ Action Point จากยา Bloodlust และ Haste จะไม่ได้ผลจากสกิล Extra Attack ... แต่กับ Action Surge แล้วยังได้ผลอยู่ ทำให้สกิลนี้มีประโยชน์สูงอยู่แม้จะเล่นในโหมดยากสุดนี้ก็ตาม

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 12
Fighter Lv11 / Cleric Lv1

พอมาถึงตรงนี้ จริงๆ คุณสามารถอัพ Fighter ยาวจนเวล 12 ได้นะครับ เพราะจะได้เลือก Feat อันที่ 4 ด้วย แต่สำหรับบิ้วนี้ Feat จำเป็นมีแค่ 3 อันที่เราเลือกไปแล้วเท่านั้นครับ ... ดังนั้น เราจะขอแนะนำตัวเลือกที่เหมาะสมอื่นแทน นั่นก็คือ Multiclass ไปที่ Cleric นั่นเอง

Subclass - คุณจะเลือก Light Domain เหมือนบิ้ว 005 ก็ได้นะครับ แต่ผมแนะนำให้เลือก War Domain เพราะจะได้สิ่งนี้มา

War Priest
สกิลนี้จะทำให้เราสามารถใช้ Bonus Action และ War Priest Charges 1 แต้มในการโจมตีได้ 1 ครั้งต่อเทิร์น โดยใน Cleric เวล 1 นี้ เราจะมี War Priest Charges 3 แต้มต่อ 1 Long Rest ซึ่งก็จะหมายความว่าเราจะโจมตีฟรีเพิ่ม 1 ครั้งได้จำนวน 3 เทิร์น / 1 Long Rest ครับ

แต่การใช้สกิลนี้เราไม่สามารถเลือกเปิดปิดได้นะครับ และมันจะใช้อัตโนมัติหลังเราโจมตีด้วย Action Point แรกจนหมด (ในบิ้วนี้คือหลังจากโจมตี 3 ครั้งแรกไปแล้ว) ซึ่งเราจะสังเกตุได้ว่าท่าโจมตีต่อไปมันจะใช้ War Priest Charges ด้วย ดังนั้น หากเราไม่ต้องการใช้ในรอบนั้น ต้องหาทางใช้ Bonus Action ออกไปก่อนครับ สกิลนี้ถึงจะใช้งานไม่ได้ในเทิร์นนั้นไป อาจจะดูยุ่งยากหน่อย แต่เชื่อผมเถอะว่าคุ้มครับ 555+


Cantrips - ถ้าตอนแรกคุณไม่ได้เลือก Guidance ไว้ก็ให้เลือกตอนนี้ได้เลยครับ ส่วนที่เหลือจะเลือกอะไรก็แล้วแต่ชอบเลย


Skills - เราเลือกความถนัดในสกิลเพิ่มได้ด้วยนะ ก็เลือกอันที่ชอบไปครับ ไม่ได้มีผลอะไรกับบิ้วเท่าไหร่


Deity - เลือกเทพที่นับถือมา 1 องค์ อะไรก็ได้ครับตามใจเลย

Prepare Spells - อันนี้เลือกทีหลังได้ แต่ผมแนะนำให้เลือก Sanctuary ไว้ซักอันครับ เผื่อไว้ใช้ให้เราหรือเพื่อนในยามคับขัน ส่วนที่เหลือก็เอาที่ชอบเลย


เป็นอันจบแล้วกับบิ้วนี้ ง่ายเหมือนเดิมเลยใช่มั๊ยครับ ... ป่ะ เราลงไปดูเรื่องอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้กันต่อเลย
Equipment อุปกรณ์สวมใส่ที่จำเป็น
MINOR SPOILER ALERT!!!

สำหรับอุปกรณ์สวมใส่ที่จำเป็นนี่ ยังไงก็คงหลีกเลี่ยงการสปอยได้ยาก ... แต่ก็เช่นเดิม ผมจะทำแถบปิด Spoiler เอาไว้ และจะ Spoil ให้น้อยที่สุดครับ

หากใครกลัวพลาดหรือแค่อยากรู้ว่าชิ้นไหนทำอะไรได้บ้างจริงๆ ให้ข้ามไปดูสรุปข้อมูลได้เลย

Helmet ส่วนหัว/หมวก
Warped Headband of Intellect

หาได้จาก Blighted Village ใน Act 1 ... ดรอปจาก Lump The Enlightened ออร์คตัวใหญ่ที่สุมหัวกันอยู่ในหมู่บ้านร้าง

Cloak ส่วนผ้าคลุม
Cloak of The Weave

ซื้อได้จาก Helsik ใน Devil's Fee ใน Act 3 ... โดยเราต้องรู้ข้อมูลเรื่องที่เธอรับใช้ Mammon และเป็นคนเปิดประตูสู่นรกชั้น Avernus ให้กับ Gortash เธอถึงจะยอมขายของพิเศษให้เรา รวมถึงผ้าคลุมนี้ด้วย

Armor/Clothing ส่วนเกราะ/ชุด
Armor of Agility

หาซื้อได้จาก Gloomy Fentonson ที่ Stormshore Armoury ใกล้ๆ Lower City Waypoint ใน Act 3

Gloves ส่วนถุงมือ
Legacy of the Masters

หาซื้อได้จาก Dammon ที่ Forge of Nine ใน Act 3

Boots ส่วนรองเท้า
Disintegrating Night Walkers

หาได้จาก Gyrmforge ใน Act 1 ... ดรอปจาก True Soul Nere

Amulet ส่วนสร้อยคอ
Amulet of The Devout

หาได้จากชั้นใต้ดินของโบสถ์ Stormshore Tabernacle ใน Act 3

Rings ส่วนแหวน
Risky Ring

หาซื้อได้จาก Araj Oblodra ที่ Moonrise Towers ใน Act 2

Caustic Band

หาซื้อได้จาก Derryth Bonecloak ที่ Myconid Colony ใน Underdark Act 1

Melee Weapon ส่วนอาวุธประชิด
Rhapsody

หาได้จาก Szarr Palace ใน Act 3 ... ดรอปจาก Cazador Szarr ในตอนจบเควสไลน์ของ Astarion

Drakethroat Glaive

หาซื้อได้จาก Roah Moonglow ที่ Moonrise Towers ใน Act 2

Shield ส่วนโล่
Sentinel Shield

หาซื้อได้จาก Lann Tarv ที่ Moonrise Towers ใน Act 2

Range Weapon ส่วนอาวุธระยะไกล
Titanstring Bow

อาวุธพระเอกของเรา หาซื้อได้จาก Brem ที่ Zhentarim Hideout ใน Act 1 และ Lann Tarv ที่ Moonrise Towers ใน Act 2

Others ส่วนอุปกรณ์ ... อื่นๆ
Resonance Stone

คืออันนี้มันไม่ใช่อุปกรณ์สวมใส่ มันไม่ใช่ Item ปกติ แต่จำเป็นสำหรับบิ้วนี้ ... เอาเป็นว่า เดี๋ยวผมไปอธิบายในหมวดความจำเป็นละกัน ... หาได้จาก Moonrise Towers ใน Act 2 ... อยู่ใน Mind Flayer Colony หลังจากที่เราเอาชนะ Ketheric Thorm ในรอบแรกได้ หินนี้จะอยู่ใกล้ๆกับเครื่องอ่าน Mind เจอแล้วให้กดเก็บมาได้เลย
สรุปความจำเป็นของอุปกรณ์แต่ละชิ้น
Warped Headband of Intellect - ใส่เพื่อให้ Int เรากลายเป็น 17 หน่วย
Cloak of The Weave - ใส่เพื่อเพิ่ม Spell Save DC +1 และได้สกิล Absorb Element มาเพิ่ม เวลาเราโดนโจมตีด้วยธาตุใด เราจะสามารถดูดซับดาเมจครึ่งนึงมาแปลงเป็นดาเมจธาตุนั้นในการโจมตีคร้งถัดไปของเรา ไม่ได้ใช้บ่อยหรอกครับเพราะดาเมจที่เพิ่มน้อยมาก บิ้วนี้เราเอาแค่ Spell Save DC เท่านั้น
Armor of Agility - ใส่เพื่อเพิ่ม AC ที่ได้จากโบนัส Dex Modifier เต็มๆ เพราะโดยปกติเกราะ Medium จะเพิ่ม AC ที่ได้จาก Dex จำกัดแค่ +2 แต้ม แต่เกราะนี้สามารถเพิ่มได้สูงสุดเลย เช่น ถ้าเรามี Dex Modifier +5 (Dex 20) เราจะได้ AC จากเกราะนี้ = 17+5 = 22 หน่วยเลย ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถหลบการโจมตีได้เกือบทุกแบบ ยกเว้นเวทย์ดาเมจแบบ AOE
Legacy of the Masters - ใส่เพื่อให้ได้โบนัส Attack Roll +2 และดาเมจ +2 สามารถเอาไว้หักลบกลบหนี้กับโหมด All-In ได้ครับ
Disintegrating Night Walkers - ใส่เพื่อกันการลื่นล้มจากน้ำแข็ง และมี Misty Step ฟรีให้ใช้ได้ 1 ครั้งครับ
Amulet of The Devout - ใส่เพื่อเพิ่ม Spell Save DC +2 และได้แต้ม Channel Divinity เพิ่มอีก 1 แต้มด้วย แต่บิ้วนี้เราเอาแค่ Spell Save DC+2 เท่านั้นแหละฮะ
Risky Ring - แหวนเทพแห่งสายโจมตี เพราะตอนโจมตีด้วยอาวุธ จะได้ Advantage เสมอ พูดง่ายๆคือ Roll เต๋าสองลูกสำหรับ Attack Roll ทุกครั้ง ... แต่ก็มีข้อเสียอยู่ คือ แลกมากับการ Roll ของ Saving Throw แบบ Disadvantage หรือก็พูดง่ายๆคือ Roll 2 เต๋าแล้วเอาแต้มน้อยสุดในการ Saving Throw นั่นเอง
Caustic Band - ใส่เพื่อเพิ่มดาเมจ Acid 2 หน่วยฟรีๆเวลาใช้อาวุธโจมตี
Rhapsody - ใส่เพื่อเอาสกิล Scarlet Remittance ครับ อธิบายง่ายๆคือ เมื่อเราฆ่าศัตรูเราจะได้ Stack สกิล 1 แต้ม (สะสมได้สูงสุด 3 แต้ม) โดยเราจะได้โบนัส Attack Roll, ดาเมจ, และ Spell Save DC ตามจำนวน Stack ที่เรามีอยู่ (สูงสุด +3) ... ซึ่งถ้าเรามี Stack นี้ครบ 3 แต้ม จะสามารถใช้สกิลได้หลายอย่างเลยครับ เช่น บังคับติดคริในการตีครั้งถัดไปหรือ Heal ตัวเองได้ ... แต่ที่เราต้องการจริงๆคือ โบนัส +3 Attack Roll และ +3 ดาเมจครับ ดังนั้น ส่วนอื่นๆที่ได้เกินมา ก็ถือว่าเป็นกำไรไปละกัน
Drakethroat Glaive - ไม่ได้ใส่ แต่เอาไว้ร่ายสกิล Draconic Elemental Weapon ให้ธนูตอนหลัง Long rest แล้วเปลี่ยนไปใช้ Rhapsody+Sentinel Shield แทน
Sentinel Shield - ใส่เพื่อให้ได้ +3 Initiative roll เพื่อให้ได้เทิร์นก่อนชาวบ้าน แถมยังได้ AC+2 และ Advantage เวลา Perception Check ด้วย
Titanstring Bow - อาวุธพระเอกของเรา โดยมีสกิลที่จะบวก Str Modifier เพิ่มไปในดาเมจของอาวุธด้วย ดังนั้น เมื่อเรากินยา Elixir of Cloud Giant Strength เราจะได้ดาเมจฟรีๆ 8 หน่วยเลย
Resonance Stone - มาถึงของที่แปลกกว่าชาวบ้าน แต่จำเป็นสำหรับบิ้วนี้กันบ้างละ โดยหินนี้จะส่งออร่าทำให้ตัวเราและทุกคนที่อยู่ในรัศมี 9 เมตร ติดสถานะ Steeped in Bliss ... ซึ่งก็คือ จะได้ Advantage สำหรับ Skill Check ทางกายภาพ แต่ Disadvantage สำหรับ Skill Check ทางจิตใจ ... แต่อันนี้ไม่ใช่สิ่งที่เราสนใจครับ ที่เราต้องการจริงๆคือ ทุกคนจะติด Vulnerable ของดาเมจแบบ Psychic หมด หรือพูดง่ายๆก็คือ จะโดนดาเมจพลังจิตแรงขึ้นเป็น 2 เท่า ... ดีใช่มั๊ยล่ะ แต่ข้อเสียของมันคือ คุณก็โดนดีบัฟนี้ด้วยเช่นกันครับ ดังนั้น ถ้าจะพกไป ต้องระวังศัตรูที่ใช้ Psychic อย่างพวก Mind Flayer ให้ดี เพราะคุณจะโดนดาเมจหนักมากๆ ... อีกข้อเสียคือ ใช้ไม่ได้ผลกับศัตรูที่มี Immunity ดาเมจพลังจิตนะครับ ดังนั้นถ้าเห็นท่าไม่ดีก็ส่งหินนี้กลับแคมป์ไปครับ
Items อื่นๆที่จำเป็นสำหรับบิ้ว
Elixir of Cloud Giant Strength

ยาเทพแห่งสาย Strength ที่ทุกคนต้องมี เพราะเมื่อกินแล้ว จะเพิ่ม Str ให้เราเป็น 27 ทันที และคงอยู่ยาวจนกว่าจะดื่ม Elixir อันใหม่หรือ Long Rest เลยทีเดียว ซึ่งหาซื้อได้ตามร้านขายของพวก Alchemy ทั้งหลาย ... หากใน Act แรกๆที่หายาก แนะนำให้หาซื้อ Elixir of Hill Giant Strength (ปรับ Str เป็น 21) มาใช้แทนก่อนได้

Arrow of Many Targets

ธนูยอดนิยมที่เรียกได้ว่าเทพที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะหลังจากยิงใส่ศัตรูตัวแรกทำดาเมจแบบปกติแล้ว สามารถชิ่งไปหาศัตรูอื่นๆในระยะ 18 เมตรและทำดาเมจครึ่งนึงได้อีก 3 ตัวเลยทีเดียว ... ซึ่งไอ้เจ้าดาเมจครึ่งนึงเนี่ย นับแค่ดาเมจจากอาวุธ + Weapon enchantment + Ability Modifier เท่านั้นครับ ไม่นับพวก Damage Rider และดาเมจจากสกิล All-In ดังนั้น ในบิ้วนี้ก็ยังสามารถทำดาเมจใส่ศัตรูที่โดนชิ่งได้รุนแรงอยู่มากครับ หาซื้อได้ตามร้านอาวุธทั่วไปเลย

Arrow of XXX Slaying

ธนูที่จะทำให้คุณทำดาเมจใส่ศัตรูประเภทนั้นๆได้ 2 เท่า หาซื้อได้จาก Fytz the Firecracker ใน Act 3 หรือร้านขายอาวุธอื่นๆครับ
Illithid Powers & Passive Bonus ที่จำเป็น
MAJOR SPOILER ALERT!!!

จริงๆถึงไม่มีพวกนี้ก็เล่นได้ แต่ถ้าอยากไปให้สุดก็ควรต้องมีบัฟและสกิลพวกนี้ครับ ผมจะแบ่งออกเป็นสองส่วนหลักๆก่อน คือ 1.Illithid Powers ที่แนะนำและ 2.Permanent Passive Buff ที่จำเป็นสำหรับบิ้วนี้

Illithid Powers ที่แนะนำกับบิ้วนี้

Luck of the Far Realms
เมื่อเราโจมตีศัตรูโดน จะสามารถบังคับติด Critical ได้ ใช้ได้ 1 ครั้ง / 1 Long Rest ถือว่าเป็นสกิลที่จำเป็นสำหรับสายโจมตีเลยครับ เพราะเราจะบังคับติดคริได้
Cull the Weak
เมื่อเราลดเลือดศัตรูให้ต่ำกว่าจำนวน Tadpole ในหัวเรา ศัตรูจะตายทันทีและระเบิดทำดาเมจพลังจิตใส่ศัตรูใกล้เคียงอีก 1-4 หน่วย เป็นสกิลที่ดีมาก สำหรับคนที่ใช้พลังของ Tadpole เยอะๆอยู่แล้ว เพราะถ้าคุณอัพเกรดจนครบ แค่คุณลดเลือดศัตรูลงมาเหลือแค่นิดหน่อยก็สามารถฆ่าศัตรูตัวนั้นได้ทันที พูดง่ายๆคือ ยิ่งใช้หนอนมาก สกิลนี้ก็ยิ่งได้ผลดีมากขึ้น และบอกลาความเซ็งตอนศัตรูเหลือเลือด 1 ไปได้เลย
Fly
อีกสกิลที่ตรงตามตัวเป๊ะๆเลย ทำให้เราสามารถเคลื่อนที่ได้ดีกว่าเดินปกติมากๆ ซึ่งสกิลนี้จะได้มาฟรีๆ เมื่อเรายอมเปิดใจรับพลังจาก Astral Tadpole ที่ได้จาก The Emperor ในตอนต้น Act 3 ครับ (แต่ต้องยอมลดสวยลดหล่อ มีเส้นเลือดดำขึ้นหน้านะ 5555)

Permanent Passive Buff ที่จำเป็นกับบิ้วนี้

ผมจะยกมาแต่อันที่จำเป็นนะครับ แต่ถึงพลาดไปก็ไม่เป็นไร แค่อย่างน้อยขอให้ได้บัฟ Dex+2 จากตอน Act 3 ได้ก็พอ ... ถ้าไม่ได้บัฟเลยถามว่าเล่นได้มั๊ย ก็เล่นได้ครับ แต่จะไม่สุดเท่าคนที่มีบัฟแค่นั้นเอง

[Act 1] Abilities+1 จากหนังหัวของป้าแม่มด Ethel
ได้จากการปราบป้า Ethel ในรังแม่มดที่ Act 1 ก่อนป้าจะตายจะทำการต่อรองให้เราไว้ชีวิตโดยแลกกับหนังหัวเพิ่มค่า Abilities ค่าใดค่าหนึ่ง จำนวน 1 แต้มครับ ... เช่นเดิม ลองดูความจำเป็นคนในทีมด้วยก็ดีครับ

ถ้าเราจะเอาค่าโบนัสจากข้อนี้ ผมล็อคคอให้เลือก Dex และไปปรับ Dex ตอน Respec ตัวเราให้เป็น 17 หน่วยได้เลยครับ

[Act 3] Abilities+2 จากกระจก Mirror of Loss
หลังจากทำเควสของ Shadowheart ใน House of Grief แล้ว เข้าไปห้องด้านในที่เจอพ่อแม่ของน้อง จะมีกระจก Mirror of Loss อยู่ ตรงนี้ผมแนะนำให้เซฟไว้ก่อนนะครับ เพราะกระจกนี่ต้องผ่าน Skill Check หลายรอบมาก ผมจะเรียงไว้ให้คร่าวๆประมาณนี้
1. การ Activate กระจก ต้องผ่าน Skill Check สองอย่างคือ Religion (DC20) และ Arcana (DC25)
2. หลัง Activate กระจกแล้ว คนที่จะเพิ่ม Stat ต้องผ่าน Skill Check Religion (DC25) ของใครของมันเป็นรายบุคคลไป
3. หลังจากผ่านเช๊คทั้งหมดแล้ว เราจะสามารถมอบ Abilities 1 ใน 6 อันไหนก็ได้ของเราให้กับกระจก 2 แต้ม แล้วจะสามารถเลือกเพิ่ม Abilities 1 ใน 6 อันไหนก็ได้ของเรา 2 แต้มแทน เช่น คุณอาจะแลก Wis-2 แล้วเอา Cha+2 แทน
4. หลังจากเลือกได้แล้ว ให้ใช้ Remove Curse ลบคำสาปที่โดน -2 อยู่ ก็จะทำให้เรามีบัฟ +2 Abilities ที่เราเลือกไว้ฟรีๆอย่างถาวรครับ
5. ทำซ้ำข้อ 2-4 กับตัวละครอื่นๆได้ ยกเว้นจะเฟล Skill Check คนนั้นจะอดบัฟนี้ไปเลยถาวรครับ

ข้อนี้ บังคับเลือก Dex+2 เช่นกันครับ

จาก 2 ข้อบน ถ้าคุณอัพ Dex เริ่มที่ 17 แต้ม แล้วคุณได้ Dex+3 คุณจะสามารถมี Dex สูงสุดที่ 22 แต้มเลย (Dex Modifier+6) แถมทำให้ Feat ที่ปกติต้องเลือก ASI เพิ่ม Dex+2 สองรอบ เหลือแค่รอบเดียวได้ ทำให้เลือก Feat อื่นมาเล่นได้ ... แต่ถ้าคุณได้แค่ Dex+2 ก็ให้ไปปรับ Dex ตอน Respec ให้เหลือ 16 แต้มเหมือนในไกด์ครับ คุณก็จะมี Dex สูงสุดที่ 22 เช่นกัน
วิธีการเล่นของบิ้วนี้โดยละเอียด
Role และแนวทางการเล่น
ถือธนูขนาดนี้ คงไม่ได้เอาไว้ฟาดออร์คแบบเลโกลาสหรอกครับ แน่นอนว่าต้องทำหน้าที่เป็น Range DPS แบบ Single Target เป็นหลักอยู่แล้ว แต่การมี Arcane Shots ไว้ใช้งานหลายรูปแบบ ก็ทำให้บิ้วนี้สามารถทำดีบัฟใส่ศัตรูได้อย่างดีไม่แพ้สายเวทย์โหดๆเลย และถ้าหากคุณต้องการทำดาเมจแบบ AOE ก็สามารถทำได้ครับ ต้องขอบคุณลูกธนูและยาพิษอาบอาวุธอันหลากหลายในเกมนี้ ทำให้การยิงธนูในบิ้วนี้นั้น นับเป็นความบันเทิงระดับนั่งดูซีรีย์ได้เลยล่ะ

ในบิ้วนี้จะเน้นการทำดาเมจใส่ศัตรูที่อยู่ในระยะ 9 เมตรของ Resonance Stone เป็นหลัก เพื่อทำดาเมจ Psychic 2 เท่าและทำดีบัฟใส่ศัตรู ดาเมจต่อฮิทก็จะอยู่ประมาณ 40-60 หน่วยครับ แต่ถ้าคุณต้องการดาเมจที่สูงกว่านี้ ก็สามารถให้คนในทีมใส่เกราะสุดโกงอย่าง Bhaalist Armour ไปยืนชี้เป้าศัตรูที่เราจะยิงก็ได้ หลังจากนั้นคุณจะรู้สึกทันทีเลยว่า ทำไมเกมนี้มันง่ายจังเลยวุ้ย 5555+ และนี่ก็เป็นอีกวิธีเล่น 1 ในหลายๆแบบที่สามารถเอามาประยุกต์ใช้ได้กับบิ้วนี้ครับผม

การเตรียมพร้อมแบบ Step by Step
1. กินยา Elixir of Cloud Giant Strength
เนื่องจากเราต้องเพิ่มโบนัส Str Modifier ที่ธนูเราจะได้ให้มากที่สุด ก็ต้องกิน Elixir อันนี้แหละครับ แม้ Bloodlust อาจจะดูเข้าท่ามากกว่า แต่ผมมองว่าถ้า Position ดีๆ ยิงไม่กี่ทีก็เก็บศัตรูได้หมดไฟท์ละล่ะ ... แต่ถ้าคุณอยากกิน Bloodlust ก็ได้ครับ แต่ต้องเปลี่ยนถุงมือไปใส่ Gauntlets of Hill Giant Strength แทนนะ
2. ดรอปธนูไว้ที่พื้น ใส่ Drakethroat Glaive แล้วบัฟดาเมจให้ธนู
มาถึงขั้นตอนในการเพิ่มดาเมจให้ตัวเรากันแล้วครับ โดยเริ่มจากการใส่ง้าว Drakethroat Glaive เพื่อให้ได้สกิล Draconic Elemental Weapon ซึ่งสกิลนี้จะบัฟให้อาวุธใดๆมีดาเมจธาตุที่เลือก 1-4 ดาเมจ ... จริงๆ สายอาวุธแทบทุกบิ้วผมก็ใช้ง้าวนี้บัฟดาเมจธาตุตลอดนะครับ คงไม่ต้องบอกสรรพคุณเพิ่มแล้วล่ะมั้ง
3. ใส่อาวุธ Rhapsody และหาโอกาสฆ่าศัตรู 3 ตัวเพื่อเก็บบัฟของ Scarlet Remittance
อันนี้จะเก็บไว้ไปทำในไฟท์ก็ได้ครับ โดยบัฟนี้ถ้าได้แล้วจะอยู่ยาวจนกว่าเราจะนอนหรือใช้มันออกไปเลย แต่ก่อนใช้การทำลายข้าวของเพิ่ม Stack ได้ แต่เดี๋ยวนี้ทำไม่ได้แล้ว แต่เนื่องจากเราเป็นสายระยะไกลและเดินเร็วกว่าคนอื่น ทำให้เก็บบัฟนี้ได้ไม่ยากอยู่แล้วครับ
4. เปิดโหมด Sharpshooter: All In
สำหรับคนที่บิ้วเต็มและเตรียมตัวมาถึงตรงนี้แล้ว เมื่อเปิดสกิลนี้ก็เหมือนคุณได้ดาเมจ +10 ฟรีๆครับ เพราะเราจะได้ +2 Attack Roll จาก Archery และ +3 Attack Roll จาก Scarlet Remittance ก็กลบดีบัฟ -5 ได้แล้ว นี่ยังไม่พูดถึงบัฟจาก Draconic Elemental Weapon หรือ Dex Modifier อีกนะ แถมเรายังใส่แหวน Risky Ring ที่ได้ Advantage เวลาโจมตีอีก ยังไงก็ควรต้องเปิดไว้ครับ

การใช้งานบิ้วนี้ในการต่อสู้แบบ Step by Step
1. ยิงศัตรูในระยะ 9 เมตรที่ติดสถานะของ Resonance Stone ด้วย Shadow Arrow
นอกจากคุณจะได้ดาเมจ Psychic สองเท่าแล้ว สถานะ Steeped in Bliss ยังทำให้ศัตรูโดน Disadvantage ในการทอย Wis Saving Throw ด้วย แถมบิ้วนี้ Spell Save DC เรายังสูงถึง 21 ทำให้ศัตรูแทบจะติดตาบอดเกือบ 100% ได้เลยล่ะ

2. ยิงศัตรูตัวอื่นแบบเดียวกับข้อที่ 1 อีกสองครั้ง
แนะนำว่า ยิงตัวที่อยู่ไม่ไกลจากตัวที่ 1 มากครับ เพื่อให้เทคนิคในข้อต่อไปทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

3. ใช้ลูกธนู Arrow of Many Targets ยิงใส่ศัตรูในข้อ 1 และ 2
หากศัตรูที่โดนดาเมจในข้อ 1 และ 2 แล้วยังไม่ตาย ก็จะตายด้วยเทคนิคนี้แหละครับ ซึ่งจะทำให้เราเก็บบัฟ Stack Scarlet Remittance ได้เร็วมากๆ แถมข้อนี้ยังใช้ Bonus Action + War Priest Charges ในการยิงด้วย ทำให้เราสามารถใช้เทคนิคนี้ได้โดยไม่ต้องใช้ Action Surge ครับ

4. ใช้ Action Surge แล้วยิง Shadow Arrow อีก 3 ครั้งเก็บศัตรูที่เหลือ
ไหนๆก็พูดถึงแล้ว ก็ใช้มันไปเลยในเทิร์นแรกเพื่อเก็บศัตรูที่เหลือครับ ถ้าคุณยิงไม่พลาดเป้าเลยใน 7 ครั้งนี้ ก็เรียกได้ว่า แทบจะเก็บศัตรูตัวเก่งๆหรือศัตรูกี้กี้ไปเกือบจะครึ่งนึงของทั้งหมดในไฟท์ใหญ่ๆได้เลยนะ

อุปกรณ์ทางเลือกสำหรับคนที่ชอบการยิงธนูให้ได้มากกว่านี้
หากคุณต้องการยิงให้ได้มากกว่านี้ ก็มีวิธีครับ คือการเปลี่ยนมาใส่ถุงมือ Gauntlets of Hill Giant Strength เพื่อให้ Str เป็น 23 แทนแบบที่บอกไว้ด้านบน แล้วกินยา Elixir of Bloodlust จะทำให้คุณมี Action Point เพิ่มขึ้น 1 แต้มหลังฆ่าศัตรูตายในเทิร์นนั้น ซึ่งถ้าไม่ได้เล่น Honour Mode ก็จะสามารถยิงเพิ่มได้อีก 3 ครั้งต่อเทิร์นเลย ... หรือถ้ายังอยากมากกว่านั้นอีก ก็ให้หา Scrolls หรือคนในตี้ร่ายเวทย์ Haste ใส่เราให้ได้ Action Point เพิ่มมาอีกแต้ม คราวนี้ก็ยิงมันส์ๆเต็มที่ได้เลยครับ ... อ่อ อย่าลืมว่า Arcane Arrow Charges ของเรามีแค่ 10 ลูก แต่ก็สามารถรีได้ทุกๆ Short Rest พร้อมๆกับ Action Surge ซึ่งก็จะทำให้เราเล่นแบบไม่ต้องงกทรัพยากรได้สบายๆครับ

และสำหรับใครที่อยากจะดัน Spell Save DC ให้สูงขึ้นไปอีกชนิดที่ว่าศัตรูผ่าน Save ไม่ได้แน่นอน ให้เปลี่ยนหัวไปใส่ Helmet of Arcane Acuity แล้วลด Wis กับ Cha ไปเพิ่ม Int ให้ได้ 14 แทน ... จะทำให้หลังจากโจมตีศัตรูโดนไป 5 ครั้ง คุณจะมีสกิล Arcane Acuity 10 แต้ม ทำให้เพิ่ม Spell Save DC ขึ้นไปอีก 10 แต้มเลย เรียกได้ว่าให้ผลดีกว่า Warped Headband of Intellect อย่างเห็นได้ชัดเลย หากใครงงลองดูบิ้ว 015 ได้ครับ เพราะบิ้วนั้นก็ใช้ Arcane Acuity เป็นหลักเช่นกัน ... ต้องขอขอบคุณคุณ Kittiphon Sootchiewcharn สำหรับไอเดียนี้ด้วยครับ
แนวทางการอัพเลเวลและไอเท็มก่อน Endgame
เนื่องจากมีหลายๆท่านถามเข้ามาเรื่องไอเท็มที่สามารถใช้ได้จาก Act 1 และ Act 2 เพราะยังไปไม่ถึง Endgame ใน Act 3 พร้อมทั้งมีหลายๆท่านถามเรื่องการอัพหรือรีคลาสในช่วงเลเวลนั้นๆ ผมเลยขอทำหมวดนี้เพิ่มให้เพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นให้กับผู้ที่สนใจเอาไปปรับใช้กันนะครับ

แนวทางการอัพเลเวลในแต่ละขั้น
ในไกด์ของผมส่วนใหญ่จะเป็นการอัพเลเวลยาวๆไปจนเลเวล 12 เลย ทำให้หลายๆท่านที่เล่นตั้งแต่แรกเริ่ม อาจจะใช้บิ้วนี้ได้ไม่เต็มที่ ผมเลยขอทำตารางแนะนำแนวทางการอัพเลเวล พร้อมเหตุผลคร่าวๆมาให้เป็นทางเลือกสำหรับคนที่เริ่มเล่นและเติบโตไปพร้อมกับบิ้วนี้ครับผม

LEVEL
แนวทางการอัพเลเวล/Respec
เหตุผลคร่าวๆในการอัพ/Respec
1
Fighter 1
เพื่อเอา Fighting Style 1 อย่าง
2
Fighter 2
เพื่อเอาสกิล Action Surge
3
Fighter 3
เพื่อเลือก Subclass: Arcane Archer
4
Fighter 4
เพื่อเอา Feat แรก
5
Fighter 5
เพื่อให้ได้สกิล Extra Attack
6
Fighter 6
เพื่อเอา Feat ที่สอง
7
Fighter 7
เพื่อเอาสกิล Curving Shot และ Magic Arrow
8
Fighter 8
เพื่อเอา Feat ที่สาม
9
Fighter 9
เพื่อเอาสกิล Indomitable
10
Fighter 10
เพื่อเอา Arcane Shot เพิ่ม
11
Fighter 11
เพื่อให้ได้สกิล Improved Extra Attack
12
Fighter 11 / Cleric 1
เพื่อเอาสกิล War Priest

เอาจริงๆ บิ้วนี้ก็อัพตามในไกด์ได้เลยครับ เพราะทุกเลเวลที่อัพมีผลเพิ่มสกิลที่จำเป็นทั้งนั้นเลย อัพตามได้ยาวๆเลยจ้า

ไอเท็มและอุปกรณ์ทางเลือกก่อนถึง Endgame
ในส่วนนี้มีคนต้องการเยอะครับ สำหรับบางบิ้วนั้นจะเทพได้ก็ต่อเมื่อมีของ Endgame เท่านั้นจริงๆ ... แต่ผมจะพยายามหาทางอุปกรณ์ทางเลือกมาแนะนำให้ทุกท่านได้เอาไว้ใช้งานก่อนมีของเทพละกัน สำหรับใครที่อยากรู้ข้อมูลของอุปกรณ์แต่ละชิ้น ลองเอาชื่อไป Search หาใน https://bg3.wiki/ ได้เลยครับ

ประเภทอุปกรณ์สวมใส่
ACT1
ACT2
ACT3
หมวก/ส่วนหัว
Warped Headband of Intellect
Warped Headband of Intellect
Warped Headband of Intellect
ผ้าคลุม
The Deathstalker Mantle (ถ้ามี Dark Urge)
Cloak of Protection
Cloak of The Weave
เสื้อ/ชุดเกราะ
The Graceful Cloth
The Graceful Cloth
Armor of Agility
ถุงมือ
Gloves of Archery
Gloves of Archery
Legacy of the Masters
รองเท้า
Disintegrating Night Walkers
Disintegrating Night Walkers
Disintegrating Night Walkers
สร้อยคอ
Broodmother's Revenge
Broodmother's Revenge
Amulet of The Devout
แหวนวงที่ 1
Crusher's Ring
Risky Ring
Risky Ring
แหวนวงที่ 2
Caustic Band
Caustic Band
Caustic Band
อาวุธ Melee มือหลัก
Club of Hill Giant Strength
Club of Hill Giant Strength
Rhapsody
อาวุธ Melee มือรอง
Safeguard Shield
Sentinel Shield
Sentinel Shield
อาวุธ Range
Titanstring Bow
Titanstring Bow
Titanstring Bow

บิ้วนี้เรียกได้ว่า เป็นบิ้วที่เก่งตั้งแต่ต้นเกมเหมือนๆบิ้ว 003 เลยก็ว่าได้ครับ ขอแค่คุณได้ธนู Titanstring Bow มาใช้เท่านั้น บิ้วนี้จะกลายเป็น Range DPS หลักของทีมทันที แถมอุปกรณ์หลายๆอันที่ใช้ตอนบิ้วสุดท้ายก็ได้มากจาก Act 1 ทั้งนั้นเลย ต่างกับหลายๆบิ้วที่กว่าจะเทพสุดๆได้ก็ต้องช่วง Endgame นู่น ... นอกจากนั้น บิ้วนี้ยังเป็นบิ้วที่อัพง่ายเล่นง่ายแบบสุดๆด้วยครับ เพราะแทบจะเล่นแบบ Single Class ได้เลย

ในช่วงหลังจบ Act 2 เราจะได้ของดีอย่าง Resonance Stone มาทำให้ดาเมจเราเพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้น Act 3 เลย และจะโหดจัดๆตอนเลเวล 11 ที่จะยิงได้ถึง 3 ครั้งต่อ 1 Action Point เป็นอีกหนึ่งบิ้ว Range DPS หลักของปาร์ตี้เลยครับ แถมทรัพยากรเราก็รีทุกๆ Short Rest ทำให้เล่นง่ายไม่ต้องคิดเยอะ ซึ่งจริงๆตอนเลเวลสุดท้ายคุณจะเล่น Fighter 12 เพื่อเอา Feat อีก 1 อันก็ได้นะครับ แต่เท่าที่ผมลองมา แค่ 3 อันนี่ก็เพียงพอใช้งานได้เต็มที่แล้ว
Conclusion
ก็ตามมาอย่างรวดเร็วกับบิ้วที่สองหลัง Patch 8 นะครับ มาใน Concept บิ้วง่ายเล่นง่ายกันไปก่อนเช่นเคย และขอบอกใบ้ก่อนเลยว่าบิ้ว 033 ที่กำลังจะมาคือบิ้วที่เกือบจะเมต้าสุด OP หลัง Patch 8 มากันเลย แต่ข้อมูลในการบิ้วนั้นอาจจะเยอะกว่า 031 และ 032 ทำให้ผมอาจจะต้องใช้เวลาในการเขียน 033 มากกว่าหน่อยนะครับ

สำหรับใครที่อยากเล่น Arcane Archer แบบไม่ซับซ้อนก็ลองเอาบิ้วนี้ไปใช้ดูได้นะครับ ทั้งแรงทั้งดีบัฟศัตรูได้ดีมากๆ เอาไว้ใช้เล่นแทนบิ้วสายธนู Battle Master ได้ดี อาจจะไม่ได้ล็อคดีบัฟดีแบบ Battle Master นะ แต่ก็มีชาร์จ Arcane Shot ไว้ใช้ได้มากกว่าเยอะอยู่ครับ ก็หวังว่าบิ้วไกด์นี้จะมีประโยชน์กับท่านที่สนใจลองเล่นไม่มากก็น้อยนะฮะ

ผมขอไปยิงธนูพลังจิตทำให้ศัตรูตาบอดเพราะตกหลุมรักต่อละ ขอให้ผจญภัยกันอย่างสนุกสนานเช่นเคยครับ
Bonus รวมคลิปการบิ้ว วิธีเล่น และเทสรัน
สำหรับใครที่ขี้เกียจอ่านเรียงความยาวๆของผมนะครับ ลองดูในคลิปด้านล่างได้เลย ผมทำเผื่อไว้ให้แล้ว ... สามารถพูดคุยสอบถามได้จากในคลิปหรือในไกด์นี้ได้เลยนะครับ

คลิปการทำบิ้วตั้งแต่ Level 01-12


คลิปวิธีเล่นแบบคร่าวๆและอุปกรณ์ที่ใช้


คลิป Tactician Solo Test Run

Link Guide&Build อื่นๆที่ผมได้ทำไว้
สำหรับใครที่ขี้เกียจเลื่อนหา หรืออาจจะหาไกด์ไหนไม่เจอ ลองกดไปดูในสารบัญรวมเล่มนี้ได้เลยครับ
https://test-steamproxy.haloskins.io/sharedfiles/filedetails/?id=3140547253