Baldur's Gate 3

Baldur's Gate 3

Not enough ratings
[BG3] Build#033 นักรบดาบพลังจิตกระชากวิญญาณ
By Kingreader-K
บิ้ว Endgame (Act 3 Lv12) สำหรับผู้ที่อยากได้บิ้วโจมตีสายระยะประชิดที่ตีแรงแบบวิญญาณสลาย ศัตรูนอนตายตาหลับ โดยไกด์นี้ จะอธิบายการทำบิ้ว, อุปกรณ์ที่จำเป็น, และวิธีการเล่นให้อย่างละเอียดระดับโมเลกุล

อ้างอิงจากเกม Version 4.1.1.6848561 (Patch 8 Hotfix 32)
   
Award
Favorite
Favorited
Unfavorite
Introduction & Overview
คุณอยากได้บิ้ว Hexblade ที่โจมตีประชิดได้โหดมากๆหรือไม่?
คุณอยากได้บิ้วที่มี Smite แบบที่ Paladin ไม่มีบ้างมั๊ย?
คุณอยากได้บิ้วที่ทำได้ทุกอย่างทั้งโจมตี ทั้ง Tank ทั้งคุยและนำทีมหรือไม่?
และคุณอยากรู้มั๊ย? บิ้วที่เรียกว่าผมชื่นชอบที่สุด ณ ตอนนี้เป็นบิ้วยังไง?


สวัสดีครับเหล่านักผจญภัย ผู้ยังมีไฟหลงเหลือให้เล่นเกมนี้กันอยู่ กลับมาพบกับผม Kingreader-K และไกด์แบบเรียงความยาวเหยียดอย่างกับบทความเสริมสร้างการอ่านให้เด็กไทยเช่นเคย ในวันนี้เราจะขอนำเสนอบิ้วที่ผมได้ลองแล้ว เรียกได้เต็มปากเลยว่าเป็นบิ้วลูกรักอีกหนึ่งบิ้วของผมเลยครับ

อ่ะ ใจเย็นๆ ผมไม่ได้จะทิ้ง Paladin ไปไหนนะ แต่ที่ผมบอกว่าเป็นบิ้วลูกรักนี่มันมีที่มาอยู่ครับ ... หลายๆคนที่เคยอ่านไกด์ผมแรกๆ (โดยเฉพาะในบิ้วไกด์ 002) น่าจะพอรู้ว่าผมชื่นชอบการเล่นแบบอัศวินแห่งคุณธรรม ใส่เกราะหนัก ถือดาบโล่ เข้าฟาดฟันหมู่มวลความชั่วให้ดับดิ้น ... หรือที่เราเรียกกันสั้นๆว่า "เบียว Paladin" นั่นแหละครับ 555 ... แต่ลองคิดดูนะว่า ถ้าผมสามารถทำบิ้วที่ตีแรงขึ้นไปอีกแต่ยังทำได้ทุกอย่างเหมือนเดิม, เพิ่มเติม Option ในการโจมตีระยะไกลด้วย Eldritch Blast, นำทีมได้ Tank ได้ดีไม่ต่างจากบิ้ว 002 และที่สำคัญ ไม่ถูกผูกมัดด้วย Oath แบบ Paladin อีกต่อไป ... ใช่ครับ นี่คือบิ้ว 002 หลัง Patch 8 ที่เล่นง่ายและน่าเล่นกว่าเดิม ... Hexblade สาย Shadow Blade นั่นเอง!!!

จริงๆแล้วบิ้วนี้มีกลิ่นอายของการผสมกันระหว่าง 002 และ 021 ครับ โดยอุปกรณ์ส่วนใหญ่จะเน้นแบบเดียวกับ 002 แต่มีดาเมจในการโจมตีโหดเหี้ยมกว่า 021 ... ลองนึกภาพ บิ้วเกราะหนักของอัศวินสายประชิด อารมณ์นักดาบสายมืด ผู้มาพร้อมกับดาเมจที่โจมตีครั้งละเกือบ 100 ดาเมจดูสิครับ ว่าแล้วเราไปดูรายละเอียดของบิ้วนี้กันเลยดีกว่า

การสร้างตัวละครที่ Level 01
Fighter Lv1

จริงๆแล้ว ถ้าอยากจะเล่น Hexblade ให้ดีที่สุดล่ะก็ คงหนีไม่พ้นการเล่นแบบ Single Class ไปเลย 12 เลเวล แต่ถ้าไม่มัลติคลาสเลย ก็ดูจะผิดวิสัยผมไปนิด เลยพยายามลองเทสหลายๆบิ้วและเลือกอันที่ผมชอบที่สุดดู สุดท้ายก็ได้เป็นสูตรนี้ครับ

Origin/Race/Sub-Race - สำหรับสายนักสู้ทั้งหลาย ผมแนะนำเผ่า Half-Orc เลยครับ เพราะมีสกิล Relentless Endurance กันตายได้ 1 ครั้ง และสกิล Savage Attacks ที่จะทำให้คุณได้ดาเมจเพิ่มขึ้นตอนติดคริครับ นอกจากนั้น ยังมี Darkvision ไว้มองในที่มืดด้วย ... แต่ถึงจะเลือกเผ่าอื่นก็สามารถเล่นบิ้วนี้ได้เช่นกันนะ

Class - Fighter เลยครับ เพราะนอกจากจะได้ Proficiency Saving Throw ใน Str และ Con ที่ได้ประโยชน์ทั้งคู่แล้ว ยังทำให้สามารถใส่เกราะหนักได้ด้วย ... แต่เอาจริงๆถ้าคุณยังไม่ถึงเลเวล 11-12 ผมแนะนำให้คุณอัพ Warlock: Hexblade และใช้เกราะ Medium ไปก่อนครับ (ลองดูรายละเอียดในหมวด "แนวทางการอัพเลเวลและไอเท็มก่อน Endgame" ได้เลยครับ)


Fighting Style - อันนี้ผมขอให้เลือก Duelling ครับ เพราะในตอนที่คุณใช้อาวุธมือเดียวกับโล่ในอีกมือ จะเพิ่มดาเมจให้กับเรา 2 หน่วย ซึ่งก็ใช้ได้ดีมากทั้งกับอาวุธที่เราจะใช้หลักๆทั้งสองแบบเลย ... แถมใช้ได้ดีตั้งแต่เริ่มเกมเลยด้วย แต่หากใครอยากจะเน้นไปสาย Tank มากกว่านี้หน่อย ก็เลือกเป็น Defence เพิ่ม AC+1 ก็ได้นะครับ


Abilities - เน้นเพิ่ม Cha ให้สูงๆเลยครับ เพราะถ้าคุณเริ่มที่ Hexblade จะมี Bind Hexed Weapon ที่ทำให้คุณใช้ Cha Modifier แทน Str และ Dex ของอาวุธปกติแทน ... แต่ถึงแม้เริ่มที่ Fighter ปกติก็สามารถใช้อาวุธสาย Dex ในการใช้งานช่วงแรกๆก่อนก็ได้ครับ

และยิ่ง Cha สูงก็ยิ่งทำให้ซื้อขายไอเท็มได้ราคาดียิ่งขึ้น เหมาะมากกับนายหน้าขายของเลย 555+ โดยส่วนตัวผมแนะนำให้อัพสองแบบตามนี้ครับ คือ ในกรณีที่เพิ่งเริ่ม และ กรณีที่มีของครบแล้วในตอนเลเวล 12

Abilities
Score (Respec Lv12)
Score (สำหรับคนเพิ่งเริ่ม)
Strength
10
10
Dexterity
16
14
Constitution
8
16
Intelligence
8
8
Wisdom
14
10
Charisma
17
16


แต่หากคุณต้องการเริ่มที่ Warlock Hexblade ในเลเวลแรกนี้ ให้ข้ามไปอ่านและเริ่มต้นแบบที่เลเวล 3 ได้เลย
การอัพเกรดตัวละครที่ Level 02
Fighter Lv2

เวลนี้ อัพง่ายๆเลยครับ เพราะเราไม่ต้องเลือกอะไรเลย สบายๆ แต่จำเป็นยิ่งยวดเพราะสิ่งที่เราจะได้จาก Fighter เวล 2 คือ Action Surge

Action Surge
สกิลเฉพาะตัวของ Fighter ที่สามารถใช้ได้ฟรีโดยไม่ต้องเสียแต้มอะไร แต่ต้องใช้ตอนอยู่ใน Combat เท่านั้น ใช้ได้ 1 ครั้ง / 1 Short Rest ครับ ... โดยเมื่อเราใช้ Action Surge มันจะเพิ่ม Action Point ให้เรา 1 แต้มทันที ทำให้คุณสามารถโจมตี แดช หรือร่ายเวทย์ช่วยเพื่อนได้ในเทิร์นนั้น ถือเป็นของดีที่สายโจมตีประชิดต้องมีไว้เลยครับ

สำหรับบิ้วนี้ คุณจะสามารถตีศัตรูได้ 2 ครั้งต่อ 1 เทิร์นตั้งแต่เวล 2 หรือตั้งแต่เริ่ม Act 1 เลย ... ก็ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบของบิ้วนี้เลยครับ ... แต่ถ้าคุณอัพ Hexblade ก่อนก็อาจจะยังไม่ได้สกิลนี้จนกว่าจะเลเวลหลังๆนู่นเลย

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 03
Fighter Lv2 / Warlock Lv1

สำหรับใครที่อยากเริ่มที่ Hexblade ก่อน ให้อัพ Abilities แบบเลเวล 1 แล้วเลือกสกิลต่างๆตามในเลเวลนี้ได้เลยครับผม

Subclass - Hexblade แน่นอน 100% แหม่ เกริ่นมาซะเต็มที่ล้อฟรีขนาดนี้ เพราะนอกจากความสามารถที่จะได้ Smite ต่างๆในเลเวลสูงๆแล้ว ยังมีความสามารถอีก 2 อย่างที่เราจะได้ในเลเวลนี้ด้วยนะ

> Bind Hexed Weapon - ทำให้คุณสามารถทำพันธะกับอาวุธที่ถือ ให้ดาเมจกลายเป็น Magical หรือก็คือทะลุ Resistance ทางกายภาพ, โดน Disarm ไม่ได้ (และก็ขว้างหรือ Drop ไม่ได้ด้วยเช่นกัน), ปรับมาใช้ Cha Modifier แทน (เป็นเหตุผลที่ผมแนะนำให้อัพ Cha ไว้เยอะๆ) และสุดท้าย มีโอกาส Fix ที่ 20% เวลาโจมตีศัตรูแล้วจะติด Hexblade's Curse ใส่ศัตรูตัวนั้นๆ ... เห็นข้อดีขนาดนี้แล้ว แถมได้ตั้งแต่เลเวลแรกด้วย เรียกว่า โกงแบบสุดๆไปเลยล่ะ


> Hexblade's Curse - ใช้ Bonus Action ในการสาป Hexblade's Curse ใส่ศัตรูเป็นเวลา 10 เทิร์น โดยหากคุณโจมตีศัตรูตัวนั้นจะได้โบนัส Attack Rolls เพิ่มเท่ากับ Proficiency ในตอนนั้น (+2 ถึง +4 แต้ม) และหากศัตรูที่โดนสาปตายไปคุณจะได้เลือดสำรองเท่ากับ เลเวล Warlock + Cha Modifier ... ถือเป็นสกิลการสาปที่ดี แต่ใช้ได้ 1 ครั้ง / 1 Short Rest ก็อาจจะดูน้อยไปหน่อย แต่ในเวลาที่คุณต้องการจัดการศัตรูเก่งๆให้ง่ายขึ้น ก็สามารถใช้สกิลนี้ก่อนเข้าโจมตีได้ดีเลยครับ


Cantrips - อันนี้ผมล็อคคอให้เลือก 2 อย่างนี้เท่านั้นครับ

> Booming Blade - Cantrips สำหรับสายโจมตีอันใหม่เอี่ยมอ่องที่เพิ่มเข้ามา โดยโจมตีใส่ศัตรูทำดาเมจปกติ และทำดาเมจ Thunder 1-8 หน่วยอีกทีเมื่อศัตรูเคลื่อนไหว ... ขั้นแรกอาจจะไม่ดีเท่าไหร่ แต่ขั้นอัพเกรดตอนตัวเราเลเวล 5 และ 11 จะเพิ่มดาเมจ Thunder เข้าไปในการโจมตีของท่านี้เลยและเพิ่มดาเมจ Thunder ตอนศัตรูขยับด้วย เอาจริงๆ ในบิ้วนี้ศัตรูมักจะตายก่อนได้ขยับอยู่แล้วครับ 5555

ที่สำคัญ ท่านี้แม้เป็น Cantrips แต่ก็ใช้งานกับ Extra Attack ได้ด้วยนะ เพียงแต่จำกัดการใช้ท่านี้เพียง 1 ครั้งต่อ 1 Action Point เท่านั้น หมายความว่าคุณจะใช้ท่านี้สองครั้งใน 1 Action Point เดียวกันไม่ได้ครับ แต่ถ้าคุณมีหลาย Action Point ก็สามารถใช้ท่านี้ได้หลายครั้งอยู่นะ


> Eldritch Blast - เป็นเวทย์ Cantrips หรือเวทย์ที่ไม่ใช้ Slot เวทย์ในการร่าย และเป็นเวทย์เฉพาะตัวของคลาส Warlock เลยครับ โดยเวทย์นี้จะยิงลำแสงทำดาเมจ 1-10 หน่วยแบบ Force ใส่ศัตรู ซึ่งมีศัตรูน้อยตัวมากที่มีค่า Resistance ดาเมจแบบนี้ ส่วน Eldritch Blast จะมีการอัพเกรดเหมือน Cantrips อื่นๆที่ตัวละครเลเวล 5 และ 10 ... ย้ำว่าเวลตัวละครนะครับ ไม่ใช่ เวลคลาส ซึ่งไม่ได้อัพเกรดดาเมจเหมือนอันอื่นแต่เพิ่มจำนวนลำแสงที่ยิงเอา
> ตัวละครเลเวล 5 จะยิง Eldritch Blast ได้ 2 เส้น ดาเมจ Force เส้นละ 1-10 หน่วย รวม 2-20 หน่วย
> ตัวละครเลเวล 10 จะยิง Eldritch Blast ได้ 3 เส้น ดาเมจ Force เส้นละ 1-10 หน่วย รวม 3-30 หน่วย
ซึ่งความดีงามของมันคือ แต่ละเส้นสามารถเลือกเป้าหมายได้ตามใจ หมายความว่าคุณจะรัวทั้ง 3 เส้นใส่ศัตรูตัวเดียว หรือจะแบ่งยิงเส้นละตัวทำดาเมจครั้งละ 3 ตัวก็ได้ มันจึงเป็นเวทย์ที่ทั้งดีและยืดหยุ่นมากๆครับ และต่อจากนี้ผมจะขออนุญาตเรียกสกิลนี้ย่อๆว่า EB นะครับ


Spells - ในส่วนของเวทย์ที่ใช้งานนี่ผมอาจจะกึ่งๆบังคับเล็กน้อย แต่ก็สามารถเลือกตามที่คุณชอบได้นะครับ โดยในเลเวลนี้ผมจะเลือกสองอันดังนี้

> Armour of Agathys - เวทย์ที่ร่ายครั้งเดียว อยู่ยาวทั้งวัน โดยจะเพิ่มเลือดชั่วคราวให้เรา 5 หน่วย และจะทำดาเมจกับศัตรูที่มาโจมตีใส่เรา เป็นดาเมจน้ำแข็ง 5 หน่วย จนกว่าเลือดชั่วคราวจากเวทย์นี้จะหมดลง

ดูเผินๆมันก็เวทย์ใช้แป๊บเดียวก็หมดก็จริง แต่ประเด็นคือ เวทย์นี้มัน Upcast ได้ ... ซึ่งในบิ้วนี้เราสามารถใช้ได้จนถึงเลเวล 5 เลยครับ (เลือด 25 หน่วยกับดาเมจน้ำแข็ง 25 หน่วย) ทำให้เราสามารถเข้าโจมตีในระยะใกล้ หลอกล่อให้ศัตรูตีเราแล้วโดนดาเมจจุกๆได้ดีเลยล่ะ ... เอ่า ทำไปทำมาจะเล่นแบบบิ้ว 004 กับ 019 ได้เฉยเลยแฮะ 555+


> Wrathful Smite - 1 ในเวทย์ Smite ของ Paladin ที่ Hexblade ก็ใช้ได้ โดยจะใช้ Action + Bonus Action ในการโจมตีศัตรูด้วยอาวุธทำดาเมจปกติ + ดาเมจแบบ Psychic 1-6 หน่วย และที่สำคัญสามารถทำให้ศัตรูติดสถานะ Frightening ทำให้เคลื่อนที่ไม่ได้ด้วย นับเป็นเวทย์ที่ใช้ได้ดีในช่วงแรกๆเลยครับ แต่ก็มีข้อเสียคือ เราต้อง Concentrate ซึ่งอาจจะไปทับซ้อนกับเวทย์อื่น (เอาจริงๆ Smite ดีๆเลเวลสูงๆก็ติด Concentrate แทบจะทั้งนั้นเลย) และดาเมจของเวทย์นี้ Upcast ไม่ได้ ทำให้ทำดาเมจสู้ท่า Smite ขั้นสูงๆไม่ได้เลย ... แต่ไม่เป็นไร เราเอาไว้เปลี่ยนเป็นเวทย์ Smite อันอื่นในภายหลังได้ครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 04
Fighter Lv2 / Warlock Lv2

Spells - ในส่วนของเวทย์นั้นจะเอาอันไหนก็ได้ครับ แต่ผมแนะนำเลือก Shield ไว้ใช้งานในช่วงต้นเกมก่อนแล้วค่อยเอาไว้เปลี่ยนเป็นอันอื่นในภายหลัง


Eldritch Invocations - จริงๆถ้าบิ้วนี้เราไม่ได้ใช้ EB ก็ไม่ได้อะไรมากกับตัวเลือกพวกนี้ครับ แต่เลือกเอาไว้เพิ่มพลังให้ EB เราหน่อยก็ไม่เสียหายนะ ในกรณีที่เราต้องการใช้การโจมตีระยะไกล สองสกิลนี้อาจจะช่วยเราได้มากเลยก็ได้ครับ

> Agonising Blast - เมื่อเราใช้ EB ยิงใส่ศัตรู เราจะบวกค่า Cha Modifier เข้าไปในดาเมจด้วย ยกเว้นค่าจะติดลบ (หรือก็คือ Cha ต่ำกว่า 10) ... อันนี้คือสำคัญมากครับ เพราะบิ้วนี้ ถ้าคุณอัพเต็ม คุณจะมี Cha อยู่ประมาณ 22-24 แต้ม กล่าวคือ มี Cha Modifier +6 หรือ +7 ก็บวกดาเมจไปตามนั้นเลยครับ ... ที่สำคัญคือ ดาเมจที่บวกนี่ เป็นดาเมจต่อ 1 เส้นนะ ถ้ายิงได้ 3 เส้นก็เท่ากับ +18 หรือ +21 ดาเมจกันเลยทีเดียวล่ะ


> Repelling Blast - เมื่อเรายิง EB โดนศัตรู (ย้ำว่าต้องโดนนะ) จะผลักศัตรูตัวนั้นๆกระเด็นถอยหลังไป 4.5 เมตร ถ้ายิง EB หลายๆเส้นใส่ศัตรูตัวเดียว จะกระเด็นได้แค่ครั้งเดียว ... อันนี้ก็ดีมากครับสำหรับผลักศัตรูออกจากระยะประชิดได้ แถมยังเปิดปิดได้อิสระตามใจเราเลยด้วย มีประโยชน์มากๆเลยล่ะครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 05
Fighter Lv2 / Warlock Lv3

Pact Boon - แน่นอนครับ ต้องเลือก Pact of the Blade ห้ามเลือกอันอื่นเด็ดขาด แม้มันจะดูซ้ำกับ Bind Hexed Weapon ที่เรามีตั้งแต่แรกแล้วก็ตาม แต่ตอน Warlock เลเวล 5 เราจะได้สกิลที่ทำให้เหมือนเราได้ Extra Attack มา ทำให้เราโจมตีได้สองครั้งตอนเลเวล 5 เหมือนกับคลาสสายต่อสู้ทั่วไปได้เลยล่ะ ... แต่ถ้าคุณอัพเลเวล Fighter มาก่อน 2 เวลแบบผมจะไปได้ Extra Attack ในเลเวล 7 แทนนะครับ ซึ่งตรงนี้อาจจะต้องชั่งใจดูดีๆหน่อยนะ


Spells - ตอนนี้เราจะเลือกเวทย์เลเวล 2 ได้แล้ว อันนึงเลือกอะไรก็ได้ครับ จะเลือก Misty Step ไว้วาร์ปด้วย Bonus Action เคลื่อนที่ไปมาแบบผมนี่ก็ได้ แต่อีกอันขอบังคับเลือกนะ


Shadow Blade
นี่คือเวทย์พระเอกของบิ้วนี้เลย โดยคุณจะเสีย Slot เวทย์ Warlock (ที่สามารถรีได้ทุกๆ Short Rest) 1 ช่องในการเสกดาบแห่งเงานี้ออกมาใช้งานได้ โดยเวทย์นี้เดิมทีเป็นสกิลของแหวนที่กว่าจะได้มาก็ Act 2 กลางๆนู่นเลย แถมยังต้อง Concentrate ตอนใช้งานด้วย ... แต่ Shadow Blade โฉมใหม่นี้ ไม่ต้อง Concentrate แล้วครับ ทำให้สามารถเอามาใช้ถาวรตลอดวันได้เลย โดย Shadow Blade จะสามารถ Upcast เพิ่มดาเมจในแต่ละระดับ ดังนี้

> Slot เวทย์เลเวล 2 - จะได้ดาบที่มีดาเมจ Psychic 2-16 หน่วย
> Slot เวทย์เลเวล 3-4 - จะได้ดาบที่มีดาเมจ Psychic 3-24 หน่วย
> Slot เวทย์เลเวล 5-6 - จะได้ดาบที่มีดาเมจ Psychic 4-32 หน่วย

นอกจากนั้น หากคุณโจมตีด้วยดาบนี้ใส่ศัตรูที่อยู่ในที่มืดหรือแสงน้อยแล้ว คุณจะได้ Advantage ในการโจมตีด้วย เรียกได้ว่าคุ้มและดีมากๆสำหรับเวทย์นี้เลย เพราะมันเหมาะกับคลาส Warlock ที่สามารถรี Slot เวทย์ได้ทุกๆ Short Rest ครับ และหลังจากที่คุณมีเวทย์นี้ อาวุธหลักของคุณก็จะกลายเป็น Shadow Blade นี่ทันทีเลยล่ะ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 06
Fighter Lv2 / Warlock Lv4

Cantrips - อันนี้จะเลือกอะไรก็ได้ครับ เพราะก็ไม่ค่อยได้ใช้อะไรมาก แต่จะเลือก Minor Illusion ไว้เสกแมวมาหลอกล่อศัตรูก็ได้นะ


Spells - เลือกเวทย์เลเวล 2 อีกหนึ่งอย่าง ผมแนะนำให้เลือกอันนี้ครับ

> Branding Smite - 1 ในเวทย์ Smite ของ Paladin ที่ Hexblade ก็ใช้ได้อีกแล้ว โดยจะใช้ Action + Bonus Action ในการโจมตีศัตรูด้วยอาวุธทำดาเมจปกติ + ดาเมจแบบ Radiant 2-12 หน่วย และมาร์คให้ศัตรูตัวนั้นส่องแสงได้ ป้องกันไม่ให้ศัตรูตัวนั้นใช้เวทย์หรือสกิลหายตัว เป็นอีกท่าที่มีประโยชน์มากครับ แถมยัง Upcast เพิ่มดาเมจแสงได้เลเวลละ 1-6 หน่วยอีกด้วย แต่ก็มีข้อเสียคือ เราต้อง Concentrate ซึ่งอาจจะไปทับซ้อนกับเวทย์อื่น ... สำหรับคนที่อยากได้ฟีลของ Divine Smite ก็อย่าลืมเลือกเวทย์นี้ไว้ใช้กันนะครับ


Feat - มาถึงการเลือก Feat แรกบ้าง จริงๆคุณสามารถเลือก ASI เพิ่ม Cha+2 แต้มก็ได้ แต่ผมแนะนำให้เลือกอันนี้ก่อนครับ

Savage Attacker
เป็น Passive ที่สายโจมตีประชิดควรต้องมีเลยครับ เพราะเมื่อเราโจมตีด้วยอาวุธประชิด เราจะ Roll ดาเมจสองรอบ แล้วใช้แต้มที่สูงที่สุด (คล้ายๆ Advantage) ซึ่งมีผลกับ Smite ทั้งหลายด้วยนะ สำหรับสายโจมตีประชิดแล้ว อันนี้คือ Must Have ครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 07
Fighter Lv2 / Warlock Lv5

ในเลเวลนี้เราจะได้สกิล Passive ชื่อ Deepened Pact ที่จะทำให้อาวุธที่คุณใช้ Bind Hexed Weapon ได้ Extra Attack ด้วย เป็นสกิลจำเป็นของบิ้วนี้เลยล่ะ เพราะจะได้ดาเมจสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลย

Eldritch Invocations - เลือกความสามารถเพิ่มอีก 1 อย่าง รอบนี้ผมแนะนำให้เลือกเป็นอันนี้ครับ

> Devil's Sight - ทำให้เรามองเห็นในที่มืดในระยะ 24 เมตร และที่สำคัญมองเห็นในเวทย์ Darkness ด้วย อันนี้ถือว่าของดีเลย ถ้ามีเพื่อนในทีมที่ใช้เวทย์ Darkness หรือใช้สกิลในที่มืดทั้งหลาย จะทำให้เราสามารถเข้าปะทะกับศัตรูในวงความมืดได้สบายๆเลยฮะ


Spells - เลือกเวทย์เลเวล 3 ได้แล้ว รอบนี้ผมแนะนำเวทย์นี้เลยครับ

> Elemental Weapon - เวทย์เฉพาะของ Paladin ที่ Hexblade เลือกได้อีกแล้ว (จะเอาเวทย์ดีๆไปทั้งชุดเลยมั๊ยล่ะ 5555) เป็นการเพิ่มดาเมจธาตุ Acid, Cold, Fire, Lightning หรือ Thunder จำนวน 1-4 หน่วย และเพิ่ม Attack Rolls +1 และสามารถ Upcast ร่ายในเลเวล 5-6 เพื่อเพิ่มผลได้อีกเท่าตัว แต่ต้อง Concentrate ตลอดเวลา ... ประเด็นคือ โดยปกติแล้ว ผมจะใช้สกิลนี้จากง้าว Drakethroat Glaive ร่ายใส่อาวุธแทน แต่หากใช้กับ Shadow Blade เราจำเป็นต้องใช้เวทย์นี้ใส่แทนครับ เพราะเราจะดรอป Shadow Blade ออกจากตัวไม่ได้ ทำให้ต้องมีเวทย์นี้ไว้เพิ่มดาเมจธาตุและ Attack Rolls ให้ดาบนี้แทน


Replace Spell - อันนี้ผมแนะนำเอา Shield ออกเพื่อเลือก Counterspell ไว้ใช้สำหรับเผื่อในกรณีที่ต้องการ Counter เวทย์โหดๆของศัตรูครับ แม้ปกติเราจะอยากเก็บ Slot เวทย์ไว้ใช้งานกับเวทย์อื่นมากกว่า แต่บางกรณีที่จำเป็น การยอมเสีย Slot 1 ช่องกับเวทย์นี้อาจจะช่วยพลิกสถานการณ์ได้เลยนะ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 08
Fighter Lv2 / Warlock Lv6

ในเลเวลนี้เราจะได้พบกับอีกหนึ่งสกิลที่ทำให้ Hexblade เป็นที่นิยมครับ นั่นคือ ...

Accursed Spectre
เมื่อคุณหรือเพื่อนในทีมในระยะ 18 เมตร ฆ่าศัตรูที่ติดสถานะ Hexblade's Curse ตายได้ คุณจะสามารถใช้ Reaction เพื่อเรียก Spectre ออกมาได้ตามขนาดของศัตรูที่ตายไป (จากเล็กไปใหญ่จะเป็น Feeble Spectre > Mundane Spectre > Primordial Spectre) ซึ่งความเก่ง เลือดของ Spectre และสกิลที่ใช้ได้จะต่างกันในแต่ละระดับด้วย

แต่ไม่ต้องห่วงครับ แม้ตัวที่กระจอกสุดก็ยังมีสกิล Right Behind You ที่มันสามารถใช้ Reaction วาร์ปมาโจมตีศัตรูตัวที่ Warlock โจมตีได้ และท่า Pluck Soul ที่ทำดาเมจได้นิดหน่อย ข้อดีคือ สามารถเรียกได้แบบไม่จำกัดจำนวน (แต่เอาจริงๆก็คือได้เทิร์นละตัวเพราะใช้ Reaction) แต่ก็มีข้อเสียหลายข้อเช่น เราไม่สามารถบังคับได้โดยตรง, เคลื่อนที่ไปไหนไม่ได้ และที่สำคัญ อยู่ได้แค่ 10 เทิร์นเท่านั้น

สำหรับบิ้วนี้อาจจะไม่ได้มีประโยชน์มากมายนักครับ เพราะแค่ตัวเราเองก็ทำดาเมจชนิดที่เรียกได้ว่า ไม่เหลือเศษซากวิญญาณแล้ว แต่หากคุณโจมตีศัตรูจนตายแล้วสามารถใช้สกิลนี้ได้ ก็ลองใช้ดูได้เลยครับ แม้จะเป็นดาเมจที่ไม่ได้คาดหวังผลมากนัก แต่ Summon ฟรีพวกนี้ก็สามารถรับดาเมจล่อมือล่อเท้าได้ดีระดับนึงเลยล่ะ


Spells - เลือกเวทย์เลเวล 3 อีกหนึ่งอันได้เลยครับ ส่วนตัวผมเลือกอันนี้

> Hold Person - เวทย์สำหรับล็อคศัตรูที่เป็นมนุษย์หรือ Humanoid ทั้งหลาย ซึ่งถ้าล็อคสำเร็จ ศัตรูจะทำอะไรไม่ได้ไป 10 เทิร์น ... นอกจากนี้การโจมตีศัตรูตัวนั้นๆในระยะ 3 เมตรจะติดคริอัตโนมัติ แถมยัง Upcast ให้เพิ่มเป้าหมายได้เลเวลละ 1 ตัวด้วยนะ ถือเป็นของดีที่เอาไว้ใช้ล็อคพวกบอสที่เป็นมนุษย์เก่งๆได้ดีเลยล่ะ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 09
Fighter Lv2 / Warlock Lv7

Eldritch Invocations - เลือกความสามารถเพิ่มอีก 1 อย่าง อันนี้ไม่ได้มีผลอะไรมากครับ เลือกอันที่คุณชอบได้เลย ผมไม่มีอะไรแนะนำเป็นพิเศษ


Spells - ถึงเวลาได้เลือกเวทย์เลเวล 4 แล้ว และคราวนี้ผมขอแนะนำให้เลือกอันนี้เลย

> Staggering Smite - และแล้วก็มาถึงเวทย์ Smite แบบที่ Paladin ไม่มีกันบ้าง โดย Smite นี้จะใช้ Action + Bonus Action ในการโจมตีใส่ศัตรูทำดาเมจปกติ และเพิ่มดาเมจ Psychic อีก 4-24 หน่วย ถ้าศัตรูทอย Wis Saving Throw ไม่ผ่าน ก็จะติดสถานะ Stagger ทำให้โดน Disadvantage ใน Attack Rolls และ Abilities Check ทั้งหลาย ... แต่ใครสนเรื่องนั้นกัน! สิ่งที่เราสนใจจริงๆคือดาเมจ Psychic 4-24 หน่วยที่เพิ่มขึ้นต่างหาก ยิ่งใช้คู่กับ Resonance Stone จะเพิ่มสองเท่าเป็น 8-48 หน่วย และถ้าเราตีติดคริได้ก็จะเพิ่มไปอีกเท่านึงเป็น 16-96 หน่วยเลย นี่ยังไม่นับรวมดาเมจอาวุธที่ใช้อีกนะ ทำให้ท่านี้เป็นท่าที่เอาไว้ทำดาเมจได้สูงถึงมากๆเลย โดยเฉพาะตอนใช้กับ Shadow Blade นี่เรียกได้ว่าตบศัตรูระดับบอสดับในทีเดียวได้เลย

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 10
Fighter Lv2 / Warlock Lv8

Spells - เลือกเวทย์เลเวล 4 มาอีกหนึ่งอย่าง อันนี้เลือกอะไรก็ได้ครับ จะเลือกเวทย์เลเวลต่ำกว่าอย่าง Hunger of Hadar ที่ผมเลือกก็ได้นะ เพราะยังไง Warlock เวลาร่ายเวทย์ก็จะ Upcast เป็นเลเวลสูงสุดเสมออยู่แล้ว


Feat - รอบนี้เลือก Ability Improvement เพิ่ม Cha+2 แต้มไปเลยครับ ถ้ารอบที่แล้วคุณเลือกอันนี้ไปก่อน ก็ให้เลือก Savage Attacker แทนนะ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 11
Fighter Lv2 / Warlock Lv9

Eldritch Invocations - เลือกเพิ่มได้อีกอย่างนึง แต่ผมมีอันที่แนะนำอยู่ครับ นั่นคือ ...

> Minions of Chaos - ทำให้คุณร่ายเวทย์อัญเชิญแบบ Conjure Elemental ได้ ซึ่งน้องๆธาตุพวกนี้นับเป็น Summon ชั้นดีเลย เอาไว้ทำสถานะหรือจัดการลูกกระจ๊อกก็ยังได้ มีประโยชน์หลากหลายมากครับ (อยากรู้ว่าเป็นไงลองดูใน Guide#003 เรื่อง Summon ได้ฮะ) แม้มันจะต้องใช้ Slot เวทย์อันน้อยนิดของเราในการร่าย แต่ก็ทำให้บิ้วนี้ครบเครื่องกว่าเดิมจนเรียกได้ว่า ใกล้เคียงความ Versatile แบบบิ้ว 010 เลยล่ะ


Spells - ในที่สุดก็มาถึงเวทย์เลเวล 5 แล้ว ผมขอแนะนำอีก 1 Smite ที่คุณต้องมีไว้ใช้งานครับ

> Banishing Smite - บอกแล้วว่าไอ้ Hexblade นี่อย่างโกง เพราะมี Smite แทบจะทุกอย่างในเกมนี้เลย แม้แต่ Banishing Smite ที่ปกติเราจะต้องเล่น Bard เลเวล 10 เท่านั้นถึงจะได้มา (จากการเลือกผ่าน Magical Secrets) แต่สำหรับ Hexblade สามารถเลือกได้ตั้งแต่เลเวล 9 เลย ... โดยท่านี้จะใช้ Action + Bonus Action ในการโจมตีศัตรูแบบใกล้หรือไกลก็ได้ ทำดาเมจอาวุธปกติ และเพิ่มดาเมจ Force 5-50 หน่วย และหากศัตรูโดนโจมตีจนเลือดเหลือต่ำกว่า 50 หน่วย จะโดน Banished ไปอยู่มิติอื่น 2 เทิร์น ... ใช่ครับ ไอ้ท่านี้มันไม่ต้อง Saving Throw อะไรให้วุ่นวายเลย แค่เลือดต่ำกว่า 50 ก็โดนคัดออกนอกสนามทันที เป็นท่าที่รุนแรงมาก และเป็นท่าที่ผมเคยเทสให้ดูในบิ้ว 024 แล้ว ... สำหรับบิ้วนี้ก็เอาไว้ใช้โจมตีแรงๆใส่ศัตรูที่ Immune ดาเมจแบบ Psychic ได้ดีเลยครับ หรือจะเอาไว้สกรีนศัตรูเจ้าปัญหาออกจากสนามรบไปก่อนซักสองเทิร์นเพื่อเคลียร์พื้นที่ก็ยังได้

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 12
Fighter Lv2 / Warlock Lv10

และแล้วก็มาถึงเลเวลสุดท้าย โดยในเลเวลนี้เราจะได้สกิลของ Hexblade มาอีกอย่างครับ

Armour of Hexes
เมื่อศัตรูที่ติดสถานะ Hexblade's Curse โจมตีคุณ คุณจะสามารถใช้ Reaction เพื่อทำให้ดาเมจนั้นไร้ผลได้ มีโอกาสสำเร็จอยู่ 50% หรือก็คือครึ่งๆครับ เหมาะมากเวลาเจอกับศัตรูที่โจมตีโหดๆ แล้วเราฆ่ามันตายไม่ทัน (ซึ่งก็แทบไม่มีหรอก) ก็ให้ใช้ Hexblade's Curse ใส่ศัตรูตัวนั้นไว้ พอมันโจมตีเรา ก็ใช้สกิลนี้เสี่ยงดวงให้ดาเมจไร้ผลได้ครับ หากสำเร็จก็จะทำให้ศัตรูเสียเทิร์นนั้นโจมตีเราไป 1 ทีฟรีๆเลย ... แต่ด้วยความที่ Reaction เรามีแต้มเดียว แถม Hexblade's Curse เราก็ใช้เองได้ 1 ครั้ง / 1 Short Rest ยังไงก็ลองชั่งใจดูดีๆก่อนใช้ด้วยนะครับ


Cantrips - อันนี้เลือกอะไรก็ได้เช่นเคยครับ เอาที่คุณชอบเลยไม่ต้องเลือกตามผมก็ได้นะ 555+


Spells - เลือกเวทย์เลเวล 5 อีกอันได้เลยครับ ผมแนะนำอันนี้

> Hold Monster - ให้ผลแบบเดียวกับ Hold Person แต่อันนี้สามารถใช้ได้กับศัตรูทุกประเภทเลยครับ เอาไว้ Hold ศัตรูเก่งๆแล้วอัดคริดาเมจเน้นๆใส่ได้เลย

Equipment อุปกรณ์สวมใส่ที่จำเป็น
MINOR SPOILER ALERT!!!

สำหรับอุปกรณ์สวมใส่ที่จำเป็นนี่ ยังไงก็คงหลีกเลี่ยงการสปอยได้ยาก ... แต่ก็เช่นเดิม ผมจะทำแถบปิด Spoiler เอาไว้ และจะ Spoil ให้น้อยที่สุดครับ

หากใครกลัวพลาดหรือแค่อยากรู้ว่าชิ้นไหนทำอะไรได้บ้างจริงๆ ให้ข้ามไปดูสรุปข้อมูลได้เลย

Helmet ส่วนหัว/หมวก
Birthright

หาซื้อได้จาก Sorcerous Sundries ใน Act 3 ... ขายโดยร่างจำแลงของ Lorroakan หรือ Rolan ถ้ายังเขายังมีชีวิตรอดจาก Act 1 และ 2 มาได้

Cloak ส่วนผ้าคลุม
Cloak of Protection

หาซื้อได้จาก Quartermaster Talli ที่ Last Light Inn ใน Act 2

Armor/Clothing ส่วนเกราะ/ชุด
Armor of Persistence

หาซื้อได้จาก Dammon ที่ Forge of Nine ใน Act 3 Dammon จะต้องไม่ตายใน Act 1 (ต้องเลือกช่วย Druid Grove) และ Act 2 (ต้องเลือกช่วย Isobel) นะครับ ถึงจะมีให้ซื้อใน Act 3 ได้

Gloves ส่วนถุงมือ
Legacy of the Masters

หาซื้อได้จาก Dammon ที่ Forge of Nine ใน Act 3 Dammon จะต้องไม่ตายใน Act 1 (ต้องเลือกช่วย Druid Grove) และ Act 2 (ต้องเลือกช่วย Isobel) นะครับ ถึงจะมีให้ซื้อใน Act 3 ได้

Boots ส่วนรองเท้า
Boots of Persistence

หาซื้อได้จาก Dammon ที่ Forge of Nine ใน Act 3 Dammon จะต้องไม่ตายใน Act 1 (ต้องเลือกช่วย Druid Grove) และ Act 2 (ต้องเลือกช่วย Isobel) นะครับ ถึงจะมีให้ซื้อใน Act 3 ได้

Amulet ส่วนสร้อยคอ
Amulet of Greater Health

ได้จาก House of Hope ใน Act 3 อยู่ในห้องโชว์ Artifact ที่เดียวกันกับ Orphic Hammer

Rings ส่วนแหวน
Ring of Arcane Synergy

ดรอปได้จาก Gish Far'aag ใน Crèche Y'llek ที่ Act 1

Killer's Sweetheart

หาได้จาก Gauntlet of Shar ใน Act 2 ดรอปอยู่ที่พื้นห้องหลังผ่านการต่อสู้กับตัว Copy ของทีมเราเองในห้อง Self-Same Trial

Melee Weapon ส่วนอาวุธประชิด
Deva Mace

ไอ้ของลับสุดยอดนี่คือ ต้องติด Tag Must Have เลยครับ หาได้จากชั้นใต้ดินของโบสถ์ Stormshore Tabernacle ใน Act 3
โดยผมจะเรียบเรียงขั้นตอนคร่าวๆ ดังนี้
1. ลงไปชั้นใต้ดินและเปิดหีบขโมยของในนั้นมา เราจะติดคำสาป Castigated By Divinity ... แนะนำว่า อยากได้ไอ้นี่กี่อัน ก็เอาจำนวนคนไปขโมยของในหีบให้ติดคำสาปตามจำนวนที่อยากได้เลยครับ
2. ให้เราใช้เวทย์ Remove Curse ร่ายใส่คนที่ติด Castigated By Divinity (แนะนำว่าให้ทำที่ Camp) มันจะมี Deva ออกมาเป็นศัตรูกับเรา ให้เราฆ่ามันแล้วมันจะมีศพ Deva อยู่ แต่มันจะยังไม่ดรอป Mace ให้เรานะครับ
3. ให้เก็บศพ Deva เข้าตัวมา หลังจากนั้นไปพิมพ์ Search หาคำว่า 'Deva Mace' ในช่องเก็บของ จะเจอเจ้านี่ ก็กดส่งไปให้เพื่อนในทีมแล้วหลังจากนั้นเราจะมี Deva Mace ไว้ใช้เช่นเดิมครับ
อันนี้ถ้าใครสามารถทำได้ก็ให้ทำไว้เลยนะครับ เพราะผมเองก็ไม่แน่ใจว่า เป็น Design ของ Developer เพื่อให้มันเป็นอาวุธลับหรือมันเป็นบั๊กกันแน่ แต่ของชิ้นนี้มันมีใน Database ของเกม ดังนั้น ถ้าได้มาแล้วก็ไม่น่าจะหายครับ แค่ไม่รู้ว่าแพทช์ใหม่ๆหลังจากนี้มันจะปรับในจุดนี้รึป่าวแค่นั้นเอง ซึ่งปัจจุบัน Patch 8 Hotfix 32 ก็ยังทำได้อยู่ครับ


Shield ส่วนโล่
Viconia's Walking Fortress

โล่ที่ดีที่สุดในเกม ดรอปจาก Viconia ที่ House of Grief ใน Act 3 ... โดยถ้าเล่นปกติ เราต้องเลือกฆ่าเธอถึงจะได้ของนะครับ แต่ถ้าจะเลือกปล่อยไปแล้วอยากได้โล่ด้วย หลังจบไฟท์ก่อนคุยให้กดคลิกขวาที่ Viconia แล้วกด Loot ของทั้งหมดมาก่อน จากนั้นค่อยคุยให้ปล่อยไปได้ครับ ผมเทสแล้วว่าสามารถทำได้จริง ณ Patch 6 Hotfix 25

Range Weapon ส่วนอาวุธระยะไกล
The Dead Shot

หาซื้อได้จาก Fytz the Firecracker ที่ Stormshore Armoury ใน Act 3

Others ส่วนอุปกรณ์ ... อื่นๆ
Shadow Blade

นี่เป็นอีกหนึ่งไอเท็มที่ผมควรเอาไปใส่ไว้ใน Melee Weapon แต่เอาจริงๆ มันเป็นดาบเงาที่ได้มาจากเวทย์ Shadow Blade แบบใหม่ ... วิธีได้มาก็ง่ายๆครับ แค่ร่ายเวทย์ Shadow Blade ก็ได้มาใช้แล้ว แถมไม่ต้อง Concentrate เวทย์ และยัง Upcast เพิ่มดาเมจได้อีกด้วย

อันนี้จะต่างกับ Glitch Permanent Shadow Blade ในบิ้ว 021 นะครับ เพราะแม้วิธีนั้นจะสามารถเอา Shadow Blade ออกมาใช้ได้ถาวรไม่ต้องร่ายเวทย์เลย แต่ Shadow Blade ที่ได้จะเป็นอาวุธที่เป็น Base ปกติแบบไม่ได้ Upcast เท่านั้น (ดาเมจ Psychic 2-16 หน่วย) ซึ่งต่างกับ Shadow Blade ที่ร่ายโดย Upcast เวทย์เวล 5-6 ที่จะได้ดาเมจ Psychic สูงถึง 4-32 หน่วย หรือสองเท่าจากปกติเลยล่ะ

Resonance Stone

คืออันนี้มันไม่ใช่อุปกรณ์สวมใส่ มันไม่ใช่ Item ปกติ แต่จำเป็นสำหรับบิ้วนี้ ... เอาเป็นว่า เดี๋ยวผมไปอธิบายในหมวดความจำเป็นละกัน ... หาได้จาก Moonrise Towers ใน Act 2 ... อยู่ใน Mind Flayer Colony หลังจากที่เราเอาชนะ Ketheric Thorm ในรอบแรกได้ หินนี้จะอยู่ใกล้ๆกับเครื่องอ่าน Mind เจอแล้วให้กดเก็บมาได้เลย
สรุปความจำเป็นของอุปกรณ์แต่ละชิ้น
Birthright - ใส่เพื่อเพิ่ม Cha+2 แต้ม ดูเหมือนน้อยแต่จำเป็นมากๆสำหรับบิ้วนี้ครับ เพราะ 2 แต้มนี้ หมายถึง Cha Modifier+1 ในตัวมันเองเลยนะ
Cloak of Protection - ใส่เพื่อเพิ่ม AC+1 และ Saving Throw +1 เพิ่มประสิทธิภาพการ Tank
Armor of Persistence - ใส่เพื่อให้ได้ AC20 และยังได้ Resistance ของการโจมตีกายภาพทั้ง 3 แบบ (Slashing, Bludgeoning, Piercing) จากสกิล Blade Ward และ +1-4 Saving Throw จากสกิล Resistance ... อีกทั้งยังลดดาเมจทุกประเภทที่โดนลงอีก 2 หน่วย เป็น 1 ในเกราะหนักที่ดีที่สุดในเกมครับ
Legacy of the Masters - ใส่เพื่อให้ได้โบนัส Attack Roll +2 และดาเมจ +2 หน่วย ซึ่งไอ้ดาเมจ +2 นี้ หากใช้ Shadow Blade เป็นอาวุธหลัก ก็จะได้เป็น +2 ดาเมจแบบ Psychic เลย
Boots of Persistence - ใส่เพื่อเอาสกิล Longstrider ให้เดินไกลขึ้น 3 เมตร และสกิล Freedom of Movement ด้วยทำให้เราไม่สามารถโดนเวทย์ Hold ได้ครับ
Amulet of Greater Health - ปรับ Constitution ของเราให้เป็น 23 ของดีที่ต้องมีไว้ในครอบครอง แถมยังได้ Advantage ของ Con Saving Throw ทำให้เราหลุด Concentrate ในการร่ายเวทย์ได้ยากมากๆครับ
Ring of Arcane Synergy - เมื่อใช้ Cantrips เราจะได้บัฟ Arcane Synergy มา 2 เทิร์น ซึ่งในขณะที่เรามีบัฟนี้ จะได้ดาเมจในการโจมตีระยะประชิดเพิ่มเท่ากับ Spellcasting Modifier ของเรา (ในที่นี้ถ้าเรามี Cha 24 แต้ม จะเท่ากับ +7 ดาเมจเลย) ... ดูเหมือนเฉยๆ แต่ประเด็นคือ Booming Blade ก็นับเป็น Cantrips ครับ ถ้าเราใช้ท่านั้นเราก็จะได้บัฟฟรี แถมบัฟดาเมจที่เพิ่มมาจะเป็นตามประเภทดาเมจหลักของอาวุธนั้นอีก ทำให้เมื่อเราใช้ Shadow Blade จะได้ดาเมจ Psychic เพิ่ม 7 หน่วย และเป็น 14 หน่วยเมื่อเรามี Resonance Stone นับว่าเป็นของดีของบิ้วนี้เลยล่ะ
Killer's Sweetheart - เมื่อเราฆ่าศัตรูได้ จะสามารถบังคับติด Critical ในการโจมตีต่อไปได้ 1 ครั้ง / 1 Long Rest ถือว่าดีมากๆในสถานการณ์ที่เราต้องการดาเมจสูงๆ
Deva Mace - อาวุธเทพสำหรับสายประชิดทุกคน เพราะนอกจากดาเมจทางกายภาพของกระบองแบบปกติแล้ว ยังมี Stat พิเศษนั่นคือ ดาเมจแสงอีก 4-32 หน่วย ซึ่งคิดคร่าวๆ ถึงแม้ใช้อาวุธโจมตีแบบธรรมดาก็เหมือนกับได้ Divine Smite ฟรีๆอีก 1 ทีเลยล่ะ เป็นของดีและของลับสุดยอดที่ทุกคนควรต้องมีไว้ครอบครอง ... และเป็นสาเหตุของ Deva ที่เรา Summon มา มันตี Wrathful Smite ได้แรงเอามากๆนั่นเอง
Viconia's Walking Fortress - ใส่เพื่อเพิ่ม AC+3 และได้สกิล Warding Bond (ไม่ได้ใช้ครับ) กับสกิล Reflective Shell ซึ่งดีมากเวลาเล่น Tank แล้วเจอกับกลุ่มศัตรูสายระยะไกล เพราะเมื่อเราเปิดใช้สกิลนี้ มันจะอยู่เป็นเวลา 2 เทิร์น และในระยะเวลานั้น มันจะสะท้อนการโจมตีระยะไกลแบบ Missile ที่เล็งมาที่เราทุกชนิด ใช่ครับ เวทย์ระยะไกลก็สะท้อนได้เช่นกัน เป็นอีกสกิลสำหรับ Tank ที่ Must Have อีกแล้ว ... นอกจากนั้นยังมี Shield Bash แบบพิเศษที่สามารถทำดาเมจ Force ได้ด้วย
The Dead Shot - ใส่เพื่อเอาสกิลลดค่าการ Roll ของ Critical ลงอีก 1 แต้ม (เพิ่มอัตราคริ 5%)
Shadow Blade - อาวุธหลักของเราในบิ้วนี้เลย เพราะเป็นอาวุธที่ทำดาเมจได้ถึง 2-16 หน่วย (และ 4-32 หน่วย ถ้า Upcast ที่เลเวล 5) แถมยังเป็นดาเมจแบบ Psychic และโบนัสที่เพิ่มดาเมจของอาวุธทุกอย่างก็จะนับเป็นดาเมจแบบ Psychic ทั้งหมด แถมยังได้ Advantage ใน Attack Rolls เมื่อเราโจมตีศัตรูในที่มืดหรือแสงน้อยได้ด้วย พอใช้คู่กับ Resonance Stone แล้วจะทำให้บิ้วนี้ OP มากๆครับ
Resonance Stone - มาถึงของที่แปลกกว่าชาวบ้าน แต่จำเป็นสำหรับบิ้วนี้กันบ้างละ โดยหินนี้จะส่งออร่าทำให้ตัวเราและทุกคนที่อยู่ในรัศมี 9 เมตร ติดสถานะ Steeped in Bliss ... ซึ่งก็คือ จะได้ Advantage สำหรับ Skill Check ทางกายภาพ แต่ Disadvantage สำหรับ Skill Check ทางจิตใจ แถมยังได้ดาเมจ Psychic เป็น 2 เท่าเพราะติด Vulnerable ... ซึ่งดาเมจ Psychic สองเท่านี้คือคีย์สำคัญของบิ้วนี้เลยครับ แต่ก็ระวังศัตรูที่ใช้ดาเมจนี้ให้ดี เพราะเราก็จะโดนดาเมจ Psychic สองเท่าเช่นกัน
Items อื่นๆที่จำเป็นสำหรับบิ้ว
Elixir of Bloodlust

ยาเทพที่ทุกคนต้องมี ผลของมันคือ เมื่อฆ่าศัตรูได้ จะได้ Action Point เพิ่มมา 1 แต้ม มีผล 1 ครั้ง / 1 เทิร์น นั่นหมายความว่า ถ้าคุณฆ่าศัตรูได้ในเทิร์นนั้น คุณจะโจมตีฟรีได้อีก 2 ครั้งครับ ยกเว้นเล่นโหมด Honour ที่ Action Point นี้จะไม่ได้ผลจาก Extra Attack ทำให้โจมตีเพิ่มได้ 1 ครั้งเท่านั้นในโหมดนี้

Potion of Speed

เนื่องจากบิ้วนี้เราไม่มี Haste ในการร่ายใส่ตัวเอง และหากคุณไม่มีคนในตี้คอยร่ายเวทย์นี้ให้ ก็ลองพึ่งยานี้ดูครับ ... แต่ต้องใช้อย่างระวังนะ เพราะถึงมันจะให้ผลเหมือน Haste แต่อยู่ได้ 3 เทิร์นเท่านั้นครับ
Illithid Powers & Passive Bonus ที่จำเป็น
MAJOR SPOILER ALERT!!!

จริงๆถึงไม่มีพวกนี้ก็เล่นได้ แต่ถ้าอยากไปให้สุดก็ควรต้องมีบัฟและสกิลพวกนี้ครับ ผมจะแบ่งออกเป็นสองส่วนหลักๆก่อน คือ 1.Illithid Powers ที่แนะนำและ 2.Permanent Passive Buff ที่จำเป็นสำหรับบิ้วนี้

Illithid Powers ที่แนะนำกับบิ้วนี้

ผมจะยกมาแค่อันที่จำเป็นๆนะครับ แต่ถ้ามีโอกาสอัพเต็มก็ทำได้เลยครับ ได้ใช้คุ้มแน่นอนเพราะสกิลพวกนี้มัน OP เอามากๆ และก็ไม่ได้ส่งผลกับเนื้อเรื่องในเกมมากมายอย่างที่เรากลัวด้วยครับ

Luck of the Far Realms
เมื่อเราโจมตีศัตรูโดน จะสามารถบังคับติด Critical ได้ ใช้ได้ 1 ครั้ง / 1 Long Rest ถือว่าเป็นสกิลที่จำเป็นสำหรับสายโจมตีเลยครับ เพราะเราจะบังคับติดคริได้
Cull the Weak
เมื่อเราลดเลือดศัตรูให้ต่ำกว่าจำนวน Tadpole ในหัวเรา ศัตรูจะตายทันทีและระเบิดทำดาเมจพลังจิตใส่ศัตรูใกล้เคียงอีก 1-4 หน่วย เป็นสกิลที่ดีมาก สำหรับคนที่ใช้พลังของ Tadpole เยอะๆอยู่แล้ว เพราะถ้าคุณอัพเกรดจนครบ แค่คุณลดเลือดศัตรูลงมาเหลือแค่นิดหน่อยก็สามารถฆ่าศัตรูตัวนั้นได้ทันที พูดง่ายๆคือ ยิ่งใช้หนอนมาก สกิลนี้ก็ยิ่งได้ผลดีมากขึ้น และบอกลาความเซ็งตอนศัตรูเหลือเลือด 1 ไปได้เลย
Fly
อีกสกิลที่ตรงตามตัวเป๊ะๆเลย ทำให้เราสามารถเคลื่อนที่ได้ดีกว่าเดินปกติมากๆ ซึ่งสกิลนี้จะได้มาฟรีๆ เมื่อเรายอมเปิดใจรับพลังจาก Astral Tadpole ที่ได้จาก The Emperor ในตอนต้น Act 3 ครับ (แต่ต้องยอมลดสวยลดหล่อ มีเส้นเลือดดำขึ้นหน้านะ 5555)

ส่วนอันอื่นๆนั้นก็แล้วแต่เลยครับ เพราะสกิลอย่าง Blackhole หรือ Mind Blast ก็ดีมากๆ แต่คุณควรต้องได้บัฟ Awakened จาก Githyanki Crèche ก่อนถึงจะคุ้ม แต่ถ้าอัพเต็มได้ก็จะดีครับ เพราะ Cull the Weak นั้นใช้ได้ผลดีขึ้นมาก

Permanent Passive Buff ที่จำเป็นกับบิ้วนี้

ผมจะยกมาแต่อันที่จำเป็นนะครับ แต่ถึงพลาดไปก็ไม่เป็นไร แค่อย่างน้อยขอให้ได้บัฟ Cha+2 จากตอน Act 3 ได้ก็พอ ... ถ้าไม่ได้บัฟเลยถามว่าเล่นได้มั๊ย ก็เล่นได้ครับ แต่จะไม่สุดเท่าคนที่มีบัฟแค่นั้นเอง

[Act 1] Abilities+1 จากหนังหัวของป้าแม่มด Ethel
ได้จากการปราบป้า Ethel ในรังแม่มดที่ Act 1 ก่อนป้าจะตายจะทำการต่อรองให้เราไว้ชีวิตโดยแลกกับหนังหัวเพิ่มค่า Abilities ค่าใดค่าหนึ่ง จำนวน 1 แต้มครับ ... เช่นเดิม ลองดูความจำเป็นคนในทีมด้วยก็ดีครับ

ถ้าเราจะเอาค่าโบนัสจากข้อนี้ ผมล็อคคอให้เลือก Cha เท่านั้นครับ ห้ามเอาอย่างอื่นมานะ ไม่งั้นจะตีมือเลย 5555+

[Act 3] Abilities+2 จากกระจก Mirror of Loss
หลังจากทำเควสของ Shadowheart ใน House of Grief แล้ว เข้าไปห้องด้านในที่เจอพ่อแม่ของน้อง จะมีกระจก Mirror of Loss อยู่ ตรงนี้ผมแนะนำให้เซฟไว้ก่อนนะครับ เพราะกระจกนี่ต้องผ่าน Skill Check หลายรอบมาก ผมจะเรียงไว้ให้คร่าวๆประมาณนี้
1. การ Activate กระจก ต้องผ่าน Skill Check สองอย่างคือ Religion (DC20) และ Arcana (DC25)
2. หลัง Activate กระจกแล้ว คนที่จะเพิ่ม Stat ต้องผ่าน Skill Check Religion (DC25) ของใครของมันเป็นรายบุคคลไป
3. หลังจากผ่านเช๊คทั้งหมดแล้ว เราจะสามารถมอบ Abilities 1 ใน 6 อันไหนก็ได้ของเราให้กับกระจก 2 แต้ม แล้วจะสามารถเลือกเพิ่ม Abilities 1 ใน 6 อันไหนก็ได้ของเรา 2 แต้มแทน เช่น คุณอาจะแลก Wis-2 แล้วเอา Cha+2 แทน
4. หลังจากเลือกได้แล้ว ให้ใช้ Remove Curse ลบคำสาปที่โดน -2 อยู่ ก็จะทำให้เรามีบัฟ +2 Abilities ที่เราเลือกไว้ฟรีๆอย่างถาวรครับ
5. ทำซ้ำข้อ 2-4 กับตัวละครอื่นๆได้ ยกเว้นจะเฟล Skill Check คนนั้นจะอดบัฟนี้ไปเลยถาวรครับ

[Act 3] Cha+1 จากกระจก Mirror of Loss
วิธีทำตามในคลิปด้านล่างได้เลยครับ แต่ผมจะพิมพ์อธิบายไว้คร่าวๆประมาณนี้
1. Activate กระจกเหมือนเดิม
2. อย่าเพิ่งผ่าน Religion Check รายบุคคล ให้แลก Stat -2 เพื่อสุ่มหา Patriar's Memory ครับ ... ใช่ครับ สุ่มนะครับ อาจจะไม่ได้ 100% ดังนั้นควร Quicksave ไว้ก่อนด้วยครับ
3. สุ่มจนกว่าจะได้ข้อความแบบในรูปด้านล่าง
4. กลับไปทำ Religion Check แล้วแลก Stat ตามปกติครับ

https://www.youtube.com/watch?v=ISy1fKM_mWo

ซึ่งจาก Permanent Passive Buffs ทั้งหมดที่กล่าวมา คุณจะมีโอกาสเพิ่ม Cha ได้ +2,+3 และ +4 แต้มเลย ... สำหรับคนงกที่ได้บัฟถึง Cha+4 ก็ให้ปรับ Abilities ตอนเลเวล 1 ให้ Cha เป็น 16 แต้มไปครับ เพราะถ้าคุณมี Cha 17 สุดท้ายคุณก็จะมีแต้ม Cha สูงสุดที่ 24 แต้มอยู่ดีเพราะบัฟมันบวกเกินกว่า 24 ไม่ได้ ดังนั้นเอาไปลงแต้มค่าอื่นคุ้มกว่าครับ

พอถึงจุดนี้ ตอนเลเวล 12 คุณก็จะมี Cha อยู่ที่ 22 หรือ 24 แต้มแล้ว ก็เพียงพอที่จะเล่นบิ้วนี้ได้สบายๆครับ
วิธีการเล่นของบิ้วนี้โดยละเอียด
Role และแนวทางการเล่น
บิ้วนี้แม้จะเป็น Melee DPS ที่เรียกว่า OP สุดๆก็จริง แต่ก็สามารถทำได้หลายอย่างมากๆครับ เช่น ยิง EB ใส่ศัตรูเป็น Range DPS ได้, คุยผ่าน Dialogue หรือซื้อขายของให้ทีมได้เพราะ Cha สูง, Tank ให้เพื่อนในทีม หรือแม้กระทั่งเรียก Elemental มาช่วยต่อสู้ได้ ทำไปทำมา ทำได้ทุกอย่างเฉยเลย 5555

แต่ยังไงผมจะขอโฟกัสไปที่การเล่นแบบทำดาเมจเป็นหลักนะครับ และบิ้วนี้จะสามารถใช้อาวุธหลักได้สองแบบ ดังนี้
> 1. Shadow Blade - แนะนำให้ใช้เป็นหลักเลย เพราะเมื่อเรามี Resonance Stone จะทำดาเมจแบบ Psychic ได้แรงขึ้นแบบสองเท่า เรียกว่าศัตรูที่ไม่มี Immune Psychic แทบทุกตัวจะไม่มีทางรอดจากการโจมตีของคุณได้เลยล่ะ
> 2. Deva Mace - ใครที่ติดตามผมตั้งแต่แรกๆ น่าจะเคยเห็นความโกงของอาวุธนี้กันอยู่แล้ว กับดาเมจแสง Radiant 4-32 หน่วยที่ติดมากับอาวุธแบบ Built-In เลย แม้การใช้อาวุธนี้จะไม่ได้ตีแรงเท่ากับ Shadow Blade + Resonance Stone แต่ก็เอาไว้ใช้โจมตีศัตรูที่ Immune Psychic ได้ดีเลยครับ ทั้ง Steel Watcher หรือพวก Mind's Flayer

ก็เรียกได้ว่าจะใช้อาวุธไหนนั้นก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในตอนนั้นๆเลย แถมคุณยังมี Smite หลายอย่างเอาไว้ใช้เพิ่มดาเมจได้อีก เรียกได้ว่า ไม่อับจนหนทางแน่นอน แต่การที่บิ้วนี้มี Slot เวทย์แค่ 2 ช่องก็ถือเป็นข้อจำกัดในการใช้เวทย์พอสมควร ยังดีที่ฟื้นค่าได้หลัง Short Rest ซึ่งทำได้ง่ายกว่า Long Rest มากๆ แต่ยังไงก็ให้เลือกใช้อย่างระมัดระวังกันด้วยนะครับ

โดยถ้าใครอยากรู้ความแตกต่างระหว่างสองอาวุธนี้ ลองดูในคลิป Tactician Solo Showcase ในหมวด Bonus ได้เลยครับ ผมทำไว้ทั้งสองแบบเพื่อให้เห็นความแตกต่างแล้ว แต่ไม่ว่าจะเล่นแบบไหน ดาเมจก็ยังสูงมากอยู่ดีแหละนะ

การเตรียมพร้อมแบบ Step by Step
1. กินยา Elixir of Bloodlust
สรรพคุณตามที่แจ้งไว้แล้วครับ เท่ากับว่าถ้าคุณฆ่าศัตรูได้ในเทิร์นนั้น คุณจะโจมตีเพิ่มได้อีก 2 ทีเลย หลายๆคนที่อ่านบิ้วไกด์ผมบ่อยๆก็คงเดาทางได้ละ 555+
2. ร่ายเวทย์ Shadow Blade เพื่อเสกดาบมาใช้งาน
อันนี้แน่นอนอยู่แล้ว ไม่งั้นเราจะเอา Shadow Blade แบบ Upcast ดาเมจดีๆแบบนี้มาจากไหนกัน
3. ใช้สกิล Bind Hexed Weapon ใส่อาวุธที่จะใช้ (Shadow Blade หรือ Deva Mace)
อันนี้ก็แล้วแต่จะเลือกครับ แต่จะใช้อันไหนก็สลับใส่มือแล้ว Bind Hexed Weapon ได้เรื่อยๆนะ
4. ร่ายเวทย์ Elemental Weapon ใส่อาวุธที่จะใช้ (Shadow Blade หรือ Deva Mace)(Optional)
อันนี้จะใช้หรือไม่ก็ได้นะครับ สำหรับ Shadow Blade ต้องใช้เวทย์นี้เพิ่มดาเมจเท่านั้น เพราะดรอปไม่ได้ ... แต่ถ้าเป็น Deva Mace ก็สามารถใช้ Drakethroat Glaive บัฟดาเมจธาตุให้แทนเวทย์นี้ได้นะ
5. ถ้าคุณไม่ได้ทำข้อ 4 ให้ร่าย Armour of Agathys ใส่ตัวไว้(Optional)
เป็นการเพิ่มดาเมจในการต่อสู้ระยะประชิดและประสิทธิภาพในการ Tank ไปในตัว ยิ่งโดยเฉพาะถ้าเล่นกับสายที่ทำสถานะ Wet ใส่ศัตรูได้ด้วยแล้วละก็ แค่วิ่งให้ศัตรูตีคุณมันก็ตายกันหมดแล้วครับ 555+
6. ใช้ Short Rest หรือ Song of Rest เพื่อฟื้น Slot เวทย์ Warlock(Optional)
อันนี้จะทำหรือไม่ก็ได้ครับ แต่ถ้าคุณใช้ Slot ไปหมดทั้งสองช่องแล้ว ก็ควรรีเก็บไว้ใช้ในไฟท์ด้วยนะ
7. กินยา Potion of Speed ก่อนเข้าการต่อสู้ (Optional)
แม้จะได้ผลแค่ 3 เทิร์น แต่สำหรับบิ้วนี้ก็เพียงพอจะกำจัดศัตรูให้หมดกองได้แล้วครับ แต่หลังยาหมดฤทธ์เราจะติดมึนไป 1 เทิร์นฟรีๆ ยังไงก็ใช้กันอย่างระวังด้วยเนาะ

การใช้งานบิ้วนี้ในการต่อสู้แบบ Step by Step
1. ใช้ Cantrips Booming Blade โจมตีใส่ศัตรู
เพื่อทำให้เราได้บัฟ Arcane Synergy 2 เทิร์นจากแหวนมา เพิ่มดาเมจอาวุธอีก 7 หน่วยฟรีๆตลอดเทิร์นเลย
2. โจมตีศัตรูในระยะประชิด และฆ่าให้ได้อย่างน้อย 1 ตัว เพื่อให้ผลของยา Bloodlust ทำงาน
อย่างที่บอกครับ 1 Action ฟรีเท่ากับ โจมตีเพิ่มได้ 2 ครั้งเลย (ถึงจะเหลือได้แค่ 1 ครั้งใน Honour Mode ก็มีผลมากๆนะเออ)
3. ใช้ Action Surge เพื่อเก็บศัตรูที่เหลือให้หมด
ถ้า Action Point 2-3 แต้มมันไม่พอ ก็เพิ่มอีกแต้มให้มันเป็น 4 ดูครับ อาจจะจบไฟท์ในเทิร์นเดียวได้สบายๆเลยล่ะ
4. ใช้ Staggering Smite หรือ Banishing Smite ใส่ศัตรูเก่งๆหรือพวกบอส
ถ้าคุณ Setup มาดีๆนี่ เรียกได้ว่าสามารถใช้แค่ท่าเดียวก็ส่งเหล่าบอสที่เลือดไม่ได้มากกว่า 200 หน่วยกลับไปเกิดใหม่ได้สบายๆเลยครับ
5. ใช้เวทย์ Hold Person/Monster และกระหน่ำ Critical ใส่ศัตรู
ก็ถ้ามันเก่งขนาดที่ว่า Smite เดียวอาจะเอาไม่อยู่ ก็ลอง Hold มันดูเพื่อบังคับติดคริแล้วก็กระหน่ำตีดูครับ บอกเลยว่าแม้บอสโหดๆก็ยากจะรอดได้ ถ้าเรา Hold ติดอ่ะนะ

ทำไมไม่เล่น Hexblade เลเวล 12 แบบ Single Class ไปเลย
ผมเชื่อว่าหลายๆคนคงมีคำถามนี้ในหัว จากที่ผมลองแล้ว การมี Slot เวทย์ 3 ช่อง ได้เวทย์เลเวล 6 ไว้ใช้ฟรี 1 อัน และดาเมจ Necrotic 7 หน่วย จาก Lifedrinker มันก็ดีจริงๆครับ ... แต่การ Dip กับ Fighter นั้นจะทำให้คุณใช้เกราะหนักได้ และจะได้ Action Surge มาซึ่งผมให้ค่ากับการโจมตีเพิ่มได้ 2 ครั้งมากกว่าดาเมจ 7 หน่วยต่อครั้งที่ทำศพเน่า และ Slot เวทย์อีก 1 ช่อง เพราะไม่ว่ายังไง การโจมตีธรรมดาก็รุนแรงพอจะจัดการสมุนกระจอกๆให้ร่วงในทีเดียวอยู่แล้วครับ

แนวทางการปรับเปลี่ยนบิ้ว
จริงๆข้อนี้ก็มีหลายหนทางมากๆเลย จนผมเองก็บอกได้ไม่หมด แต่จะขอยกตัวอย่างซักนิดหน่อยละกันครับ เช่น
> เปลี่ยนแหวน Killer's Sweetheart ไปใช้ Band of the Mystic Scoundrel แทน
เพื่อให้เราสามารถใช้เวทย์ Hold Person/Monster ด้วย Bonus Action ได้ หากใช้ติด ก็จะได้ผลตีติดคริได้ไม่ต่างกันครับ
> เปลี่ยนอาวุธเป็น Dolor Amarus ทั้งสองมือ และธนู Vicious Shortbow แล้วใช้คู่กับ Bhaalist Armour
เป็นอีกคอมโบที่เรียกได้ว่าตีแรงแบบชิบหายวายวอด โดยเฉพาะถ้าใช้กับ Smite หรือแหวน Killer's Sweetheart ที่บังคับคริได้ทั้งสองมือ บวกกับดาเมจ Piercing เพียวๆให้ถึง 21 หน่วย (42 หน่วย ถ้าใช้กับเกราะ Bhaalist Armour) นี่ยังไม่พูดถึงดาเมจที่บวกให้กับดาเมจ +21 ที่บวกให้กับดาเมจ Source อื่นๆอีกนะ
> เปลี่ยนธนูเป็น Gontr Mael หรือ Darkfire Shortbow เพื่อเอาสกิล Celestial Haste หรือ Haste ไว้ใช้งาน
หากคุณไม่อยากกินยา Potion of Speed ก็สามารถใส่ธนู 1 ใน 2 อันนี้เพื่อเอาเวทย์ Haste ไว้ใช้งานได้ โดยถ้าคุณไม่อยากติดมึนก็ให้ใช้ Celestial Haste เพราะแม้จะอยู่ได้แค่ 5 เทิร์น แต่ก็ไม่ติดมึนหลังหลุด Haste ครับ

ตัวอย่างคร่าวๆก็ประมาณนี้ครับ ใครมีไอเดียอะไรก็เอามาแบ่งปันหรือแชร์กันได้นะครับผม
แนวทางการอัพเลเวลและไอเท็มก่อน Endgame
เนื่องจากมีหลายๆท่านถามเข้ามาเรื่องไอเท็มที่สามารถใช้ได้จาก Act 1 และ Act 2 เพราะยังไปไม่ถึง Endgame ใน Act 3 พร้อมทั้งมีหลายๆท่านถามเรื่องการอัพหรือรีคลาสในช่วงเลเวลนั้นๆ ผมเลยขอทำหมวดนี้เพิ่มให้เพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นให้กับผู้ที่สนใจเอาไปปรับใช้กันนะครับ

แนวทางการอัพเลเวลในแต่ละขั้น
ในไกด์ของผมส่วนใหญ่จะเป็นการอัพเลเวลยาวๆไปจนเลเวล 12 เลย ทำให้หลายๆท่านที่เล่นตั้งแต่แรกเริ่ม อาจจะใช้บิ้วนี้ได้ไม่เต็มที่ ผมเลยขอทำตารางแนะนำแนวทางการอัพเลเวล พร้อมเหตุผลคร่าวๆมาให้เป็นทางเลือกสำหรับคนที่เริ่มเล่นและเติบโตไปพร้อมกับบิ้วนี้ครับผม

LEVEL
แนวทางการอัพเลเวล/Respec
เหตุผลคร่าวๆในการอัพ/Respec
1
Warlock 1
เพื่อให้ใส่เกราะ Medium และ Bind Hexed Weapon ได้
2
Warlock 2
เพื่อเอาสกิล Eldritch Invocations มาใช้งานกับ Eldritch Blast
3
Warlock 3
เพื่อเลือก Pact of the Blade และเวทย์ Shadow Blade
4
Warlock 4
เพื่อเอา Feat Savage Attacker
5
Warlock 5
เพื่อให้ได้สกิล Extra Attack จาก Deepened Pact
6
Warlock 6
เพื่อเอาสกิล Accursed Spectre
7
Warlock 7
เพื่อเอาสกิล Eldritch Invocations เพิ่ม 1 อย่างและเวทย์ Staggering Smite
8
Warlock 8
เพื่อเอา Feat ที่สองมาเพิ่ม Cha+2
9
Warlock 9
เพื่อเอาสกิล Eldritch Invocations เพิ่ม 1 อย่างและเวทย์ Banishing Smite
10
Warlock 10
เพื่อเอาสกิล Armour of Hexes
11
Fighter 1 / Warlock 10
Respec ใหม่เริ่มที่ Fighter เพื่อให้ใส่เกราะหนักได้และลงท้ายด้วย Warlock เพื่อใช้ Cha ในการร่ายเวทย์จากไอเท็ม
12
Fighter 2 / Warlock 10
เพื่อเอาสกิล Action Surge

ไอเท็มและอุปกรณ์ทางเลือกก่อนถึง Endgame
ในส่วนนี้มีคนต้องการเยอะครับ สำหรับบางบิ้วนั้นจะเทพได้ก็ต่อเมื่อมีของ Endgame เท่านั้นจริงๆ ... แต่ผมจะพยายามหาทางอุปกรณ์ทางเลือกมาแนะนำให้ทุกท่านได้เอาไว้ใช้งานก่อนมีของเทพละกัน สำหรับใครที่อยากรู้ข้อมูลของอุปกรณ์แต่ละชิ้น ลองเอาชื่อไป Search หาใน https://bg3.wiki/ ได้เลยครับ

ประเภทอุปกรณ์สวมใส่
ACT1
ACT2
ACT3
หมวก/ส่วนหัว
Haste Helm
Helmet of Arcane Acuity
Birthright
ผ้าคลุม
The Deathstalker Mantle (ถ้ามี Dark Urge)
Cloak of Protection
Cloak of Protection
เสื้อ/ชุดเกราะ
Adamantine Scale Mail
Adamantine Scale Mail
Armor of Persistence
ถุงมือ
Gloves of Belligerent Skies
Flawed Helldusk Gloves
Legacy of the Masters
รองเท้า
Disintegrating Night Walkers
Disintegrating Night Walkers
Boots of Persistence
สร้อยคอ
Amulet of Branding
Surgeon's Subjugation Amulet
Amulet of Greater Health
แหวนวงที่ 1
Ring of Arcane Synergy
Ring of Arcane Synergy
Ring of Arcane Synergy
แหวนวงที่ 2
Caustic Band
Killer's Sweetheart
Killer's Sweetheart
อาวุธ Melee มือหลัก
Phalar Aluve
Phalar Aluve
Deva Mace
อาวุธ Melee มือรอง
Safeguard Shield
Sentinel Shield
Viconia's Walking Fortress
อาวุธ Range
Hunting Shortbow
Darkfire Shortbow
The Dead Shot

ช่วงต้นเกมอาจจะเป็นเรื่องยากลำบากสำหรับหลายๆบิ้ว แม้แต่บิ้วโหดๆอย่าง 001 หรือ 002 ก็ตาม แต่ไม่ใช่กับบิ้วนี้ครับ เพราะนอกจากจะได้เวทย์ Shadow Blade มาแทงศัตรูเล่นตั้งแต่เลเวล 3 แล้ว ยังมีตัวเลือกทำ Range ดาเมจโหดๆด้วย Eldritch Blast อีก เรียกได้ว่า ถ้าเล่นดีๆก็แทบจะ Solo Honour Mode ได้เลยล่ะ

ในช่วงกลางๆเกมก็ไม่ได้แผ่วเลยครับ เพราะจะมีทั้งเวทย์ Smite ที่พาลาดินไม่มีอย่าง Staggering Smite และ Banishing Smite ที่ทำดาเมจและดีบัฟได้โหดเหี้ยมทั้งสองท่าเลย ซ้ำร้ายสำหรับศัตรู ในตอนช่วงท้าย Act 2 พอเราได้ถือครอง Resonance Stone แล้ว เท่านั้นแหละครับ ทั้งเกมจะกลายเป็น EZ Mode ในทันทีเลย

พอมาในช่วง Act 3 อาจจะเจอกับความลำบากนิดนึงเพราะศัตรูหลายๆตัว Immune ดาเมจแบบ Psychic ก็ไม่ต้องกังวลไป เพียงคุณได้เข้าเมือง Lower City ก็ให้รีบไปเอา Deva Mace มาใช้เลยครับ เท่านี้คุณก็จะได้ฟีลแบบเดียวกับบิ้ว 002 เลยล่ะ ต่างกันแค่ไม่มี Divine Smite แค่นั้นเอง ... แต่เอาจริงๆ แค่ Booming Blade เปิดกับตบต่อด้วย Staggering Smite หรือ Banishing Smite นี่ก็แทบจะเก็บศัตรูเก่งๆลงไปนอนคุยกับรากมะม่วงได้สบายๆแล้วครับ โดยรวมบิ้วนี้นับเป็นบิ้วที่ครบเครื่องทั้งเรื่องดาเมจใกล้ไกลและการคุยหรือนำทีมเลย เป็นได้ทุกอย่าง แถมเก่งได้ตั้งแต่ต้นเกมยันท้ายเกมเลยล่ะ
Conclusion
จบลงอย่างรวดเร็วกับบิ้วที่เรียกได้ว่าเป็นบิ้วผสมของ 002 และ 021 ที่ออกมากลายเป็นเวอร์ชั่นอัพเกรดในทุกๆด้านของทั้งสองบิ้วนั้นเลย แม้ผมจะเมน Paladin และอวยคลาสนั้นมาตลอด แต่ก็อดที่จะยอมรับไม่ได้ครับว่า Hexblade ของ Warlock นี้มัน Smite ได้มันส์กว่าจริงๆแหละ 5555

สำหรับใครที่อยากได้ความแรงแบบศัตรูวิญญาณออกจากร่างไปเลย (แล้วกลายมาป็นสมุนให้เรา) ก็ลองเอาไปใช้เล่นกันดูได้นะครับ แม้จะมีหนทางในการ Min Max ได้มากกว่านี้ แต่สำหรับผมก็พอใจในบิ้วนี้แล้ว ส่วนใครอยากเอาไปต่อยอดให้เทพมากนี้อีก ก็จัดไปเลยครับ จนกว่า Hexblade จะโดนเนิร์ฟมากกว่านี้น่ะนะ ... ยังไงก็ขอให้เล่นเกมอย่างเมามันส์ แต่อย่าเพลินจนไม่หลับไม่นอน และอย่าลืมดูแลสุขภาพกันด้วยนะครับ

ขอให้ทุกท่านไล่กระชากวิญญาณศัตรูกันอย่างสนุกสนาน ไว้พบกันใหม่บิ้วไกด์หน้าครับผม
Bonus รวมคลิปการบิ้ว วิธีเล่น และเทสรัน
สำหรับใครที่ขี้เกียจอ่านเรียงความยาวๆของผมนะครับ ลองดูในคลิปด้านล่างได้เลย ผมทำเผื่อไว้ให้แล้ว ... สามารถพูดคุยสอบถามได้จากในคลิปหรือในไกด์นี้ได้เลยนะครับ

คลิปการทำบิ้วตั้งแต่ Level 01-12


คลิปวิธีเล่นแบบคร่าวๆและอุปกรณ์ที่ใช้


คลิป Tactician Solo Test Run แบบใช้ Shadow Blade


คลิป Tactician Solo Test Run แบบใช้ Deva Mace

Link Guide&Build อื่นๆที่ผมได้ทำไว้
สำหรับใครที่ขี้เกียจเลื่อนหา หรืออาจจะหาไกด์ไหนไม่เจอ ลองกดไปดูในสารบัญรวมเล่มนี้ได้เลยครับ
https://test-steamproxy.haloskins.io/sharedfiles/filedetails/?id=3140547253