Baldur's Gate 3

Baldur's Gate 3

Not enough ratings
[BG3] Build#035 จอมเวทย์แห่งธาตุผู้สยบความมืดมิด
By Kingreader-K
บิ้ว Endgame (Act 3 Lv12) สำหรับคนที่ชื่นชอบการเล่นสายเวทย์มนต์ ผู้มีเวทย์ทำดาเมจสายธาตุอย่างครบครัน แถมมาพร้อมสุนัขคู่ใจ โดยไกด์นี้ จะอธิบายการทำบิ้ว, อุปกรณ์ที่จำเป็น, และวิธีการเล่นให้อย่างละเอียดระดับโมเลกุล

อ้างอิงจากเกม Version 4.1.1.6848561 (Patch 8 Hotfix 32)
   
Award
Favorite
Favorited
Unfavorite
Introduction & Overview
คุณอยากได้บิ้วสายนักเวทย์ที่โจมตีได้แทบทุกธาตุในเกมหรือไม่?
คุณอยากได้บิ้ว Sorcerer ที่สามารถฟื้นค่า Sorcery Point โดยไม่ต้องนอนมั๊ย?
และคุณอยากได้น้องหมาคู่ใจที่สามารถแยกร่างและช่วยคุณสู้ได้หรือไม่?


และแล้วก็มาถึงเป้าหมายครึ่งทางของ "บิ้วหลัง Patch 8" ของผม Kingreader-K แล้ว ใช่ครับ ผมตั้งใจว่าจะทำไว้ซัก 10 บิ้ว (และตอนนี้ก็มีบิ้วรอเทสอยู่หลายอันเกือบครบแล้วด้วยนะ ไม่ได้โม้) ... แต่ 4 บิ้วที่ผ่านมาเป็นบิ้วสายกายภาพและดาเมจพลังจิตแทบจะทั้งนั้นเลย รอบนี้ ผมเลยขอมาเอาใจสายเวทย์บ้าง กับบิ้วที่ตั้งชื่อเท่ห์ๆว่า "Elemental Powerhouse" นี้ และก็ตามชื่อครับ เป็นบิ้วนักเวทย์สายธาตุทั้งหลายนั่นเอง!!!

ใครที่คุ้นเคยกับบิ้วผมคงจะเคยเห็นบิ้วนักเวทย์โหดๆผ่านตามาเยอะ เช่น บิ้ว 001 ที่ยิงเวทย์สายฟ้าทำดาเมจเกือบ 180 หน่วยใส่ศัตรูครั้งละ 4 ตัว, บิ้ว 012 ที่ยิงเวทย์ไฟเผาไหม้ตัวเองไปพร้อมกับศัตรู แถมยิงได้มากสุดเทิร์นละ 5 รอบ, หรือแม้กระทั่งบิ้ว 019 สายเวทย์น้ำแข็งผู้ที่ฟันแทงไม่เข้าแถมแค่วิ่งผ่านให้ศัตรูโจมตีก็ทำดาเมจได้มากถึง 60 หน่วย ... ซึ่งบิ้วเหล่านั้น เป็นบิ้วเฉพาะทางของเวทย์แต่ละสายเลยครับ มีข้อดีตรงที่สามารถดันดาเมจเฉพาะฌาตุนั้นๆได้สูงสุดๆ แต่กลับกัน หากเจอศัตรูที่ Immune ในธาตุนั้นๆ ก็ทำให้ไร้ประโยชน์ไปเลย เช่น ถ้าเล่นบิ้ว 001 ที่เรียกได้ว่า ดาเมจตัวท็อปเลย แต่พอไปเจอกับตัวที่มี Immune ดาเมจ Lightning คือ ยืนว่างเลยครับ 555

แต่จุดอ่อนที่ว่ามาไม่มีผลกับบิ้วนี้ครับ เพราะเป็นบิ้วเน้นเวทย์ทำดาเมจธาตุที่เรียกได้ว่ามีดาเมจ "แทบทุกธาตุ" ให้เลือกใช้งานกันเลย ถ้าคุณเจอศัตรูที่ Immune ธาตุไฟ? ก็ใช้น้ำแข็งหรือสายฟ้าสิ ... ถ้าเจอศัตรูต้านทานทั้ง ไฟ น้ำแข็ง สายฟ้า ล่ะ? ก็ใช้ดาเมจพิษหรือกรดจัดการมันไปเลย ... แถมบิ้วนี้ยังเน้นการใช้ Cantrips หรือเวทย์ฟรีที่เปลือง Slot ในการทำดาเมจด้วย ทำให้แม้ในตอนที่คุณใช้เวทย์จนหมดเกลี้ยง ก็ยังสามารถทำดาเมจใส่ศัตรูได้อยู่ครับ

ถ้ามีบิ้วนักเวทย์ที่ยิง Cantrips ธาตุใส่ศัตรูได้สูงถึง 20-50 ดาเมจ แถมฟื้น Sorcery Point ได้เรื่อยๆด้วย มีเหรอที่คุณจะไม่ชอบ ... มาๆ เรามาดูข้อมูลการทำบิ้วนี้กันเลยครับผม

การสร้างตัวละครที่ Level 01
Sorcerer Lv1

บิ้วนี้จะเป็นอีกหนึ่งบิ้วที่บิ้วง่ายมากครับ เพราะพุ่งตรงไปอัพแต่ Sorcerer อย่างเดียวเลย (คล้ายๆบิ้ว 012) จริงๆคุณจะเล่น Single Class ของบิ้วนี้เพื่อเอา Feat เพิ่มอีกอันก็ยังได้นะ แต่อย่างที่เคยบอก นั่นไม่ใช่วิธีของผมแน่นอน เรามาดูการอัพเลเวลแรกกันดีกว่า

Origin/Race/Sub-Race - ปกติผมจะบอกว่าอะไรก็ได้ แต่รอบนี้ผมขอบังคับให้เลือก Human หรือ Half-Elf ครับ เพราะคุณจะสามารถถือโล่ได้ตั้งแต่เริ่มเกมเลยไม่ต้องรอการ Multiclass ... แต่ถ้าเล่นเผ่าอื่นก็จะถือไม่ได้ อันนี้อาจจะต้องเริ่มอัพด้วย Hexblade ของ Warlock แทนก่อนครับ

Cantrips - ในบิ้วนี้คุณจะไม่ค่อยได้เห็นคำว่า "อะไรก็ได้" จากผมอีกต่อไป เพราะต้องตั้งใจเลือกมาใช้งานกันให้ดี ดังนั้น Cantrips ทั้ง 4 อย่างผมจะบังคับเลือก ดังนี้

> Fire Bolt - เวทย์โจมตีธาตุไฟพื้นฐาน ทำดาเมจไฟ 1-10 หน่วย แถมเอาไว้จุดไฟจุดระเบิดได้ด้วย เรียกได้ว่า Must Have เลยครับ


> Ray of Frost - เวทย์โจมตีธาตุน้ำแข็งพื้นฐาน ทำดาเมจน้ำแข็ง 1-8 หน่วย แถมศัตรูที่โดนจะติกสถานะโดนลดระยะการเดินลงไป 3 เมตร เรียกได้ว่าเอาไว้ยิงแช่ขาศัตรูระยะประชิดให้เดินได้สั้นลงได้ดีเลยล่ะ


> Shocking Grasp - เวทย์โจมตีธาตุสายฟ้าพื้นฐาน ทำดาเมจสายฟ้าในระยะประชิด 1-8 หน่วย และศัตรูที่โดนจะไม่สามารถใช้ Reaction ได้ แถมถ้าใช้กับศัตรูที่ใส่เกราะเหล็กจะได้ Advantage ด้วย ... เป็นเวทย์พื้นฐานระยะประชิดที่ดีมากครับ เพราะหลายๆครั้งศัตรูจะชอบเข้าประชิดเรา ก็ใช้ท่านี้ใส่ศัตรูแล้วเดินหนีออกมาได้เลย


> Acid Splash - เวทย์โจมตีธาตุกรดพื้นฐาน ทำดาเมจกรดในระยะกว้าง 2 เมตร 1-6 หน่วย เป็นหนึ่งใน Cantrips ไม่กี่อันที่ทำดาเมจแบบ AOE ได้ครับ เหมือนจะดีแต่ถ้าศัตรูทอย DEX Saving Throw ผ่าน ก็จะไม่โดนดาเมจเลยนะ ... จริงๆอันนี้ก็ไม่ได้น่าใช้ในตอนแรกๆมากครับ แต่เป็น Cantrips สายธาตุกรดอันเดียวที่มีให้เราใช้ ยังไงก็ต้องเอาไว้ใช้แหละ 555+


Spells - เช่นกันครับ อันนี้ก็จะบังคับเลือกละ ไม่อะไรก็ได้เหมือนเคยละนะ 555+

> Chromatic Orb - เวทย์ยิงลูกแก้วธาตุอเนกประสงค์ สามารถเลือกดาเมจธาตุต่างๆได้ทั้งหมด 6 แบบ ... เมื่อยิงไปแล้วจะสร้างพื้นผิวติดสถานะของธาตุนั้นๆ อันนี้คือของดีที่ใช้โจมตีได้ดีตอนเริ่มเกมเลยครับ แถมในตอนท้ายเกมก็ยังมีประโยชน์อยู่เพราะมันสามารถเลือกดาเมจธาตุที่เราต้องการได้นี่แหละ แถมเลือกใช้ Slot เวทย์ได้ตั้งแต่เวล 1-6 เพื่อ Upcast เพิ่มดาเมจได้อีก ของดีสำหรับสำหรับบิ้วนี้เลย


> Mage Armour - เมื่อเราไม่ได้ใส่เกราะ จะทำให้ AC เราเพิ่มขึ้น 3 หน่วยตลอดวันหรือจนกว่าจะตาย (ปกติ AC หลักของเสื้อผ้าจะเป็น 10 เวทย์นี้จะทำให้เป็น 13 หน่วยแทน) ... เพราะเราเป็นนักเวทย์ที่ตัวบางมากๆ การมี AC เพิ่มคือเพิ่มโอกาสรอดชีวิตที่ดีมากๆครับ โดยเฉพาะช่วงแรกๆของเกม


Subclass - เอ๊ะ ผมลืมให้เลือกไปก่อนได้ไงนะ ช่างมัน เอาเป็นว่าเลือก Shadow Magic เลยเท่านั้นครับ ห้ามหืออือใดๆทั้งสิ้น เพราะนอกจากจะมีของจำเป็นตอนเลเวล 3 และ 6 แล้ว ในเลเวลนี้เรายังจะได้ความสามารถพิเศษมาอีกอย่างด้วยนนั่นคือ ...
> Eyes of the Dark - มองเห็นในที่มืดระยะ 24 เมตร
> Strength of the Grave - หากเราโดยโจมีจนเลือกหมด เราจะสามารถคงเลือดไว้ที่ 1 หน่วยได้ หรือก็คือ สกิลกันตายได้ 1 รอบ / 1 Long Rest ครับ


Abilities - อัพ Cha จนเต็ม 17 ไปเลย ซึ่งตรงนี้คุณจะมีทางเลือกอัพแต้มนี้ไปจนถึง 22 ได้ ส่วนที่เหลือก็อัพ Con และ Dex ไปตามนี้ครับ

Abilities
Score
Strength
8
Dexterity
14
Constitution
16
Intelligence
8
Wisdom
10
Charisma
17

Skills - อันนี้จะเป็นอันแรกที่ผมอนุญาตให้เลือก "อะไรก็ได้" สำหรับบิ้วนี้เลยครับ 555+ แต่ถ้าอยากคง Theme หน่อยก็เลือก Arcana กับ Religion แบบผมก็ได้นะ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 02
Sorcerer Lv2

Spells - เลือกเวทย์เลเวล 1 อีกอัน อันนี้เลือกไว้ใช้งานก่อนเพื่อเปลี่ยนเป็นอันอื่นภายหลังครับ ส่วนตัวผมเลือกเวทย์ผลักอย่าง Thunderwave เผื่อเอาไว้ใช้ผลักศัตรูออก แถมยังทำดาเมจ Thunder ได้ด้วย ใช้ได้ดีในช่วงต้นเกมเลยล่ะ


Class Passives - มาถึงส่วนสำคัญที่เป็นเหตุผลหลักให้เรา Multi-class มาเลือกใช้ Sorcerer ครับ นั่นก็คือ Metamagic นั่นเองงงง!

Metamagic
คือระบบ Passive เฉพาะตัวของ Sorcerer ที่สามารถใช้แต้ม Sorcery Point ของคลาส (ได้เพิ่ม 1 แต้มทุกเลเวลของ Sorcerer ที่อัพ) ปรับเปลี่ยนการใช้เวทย์ของเราได้ เช่น ยิงเวทย์ได้ไกลขึ้น, ใช้เวทย์ที่ปกติยิงใส่ได้ตัวเดียว สามารถยิงใส่ได้สองตัว เป็นต้น ดังนั้น คุณจะมีทางเลือกในการใช้เวทย์หลากหลายสุดๆ

โดยในเวลนี้ เราจะสามารถเลือก Metamagic ได้ 2 อย่าง ซึ่งผมไม่แนะนำนะครับ แต่ขอจับล็อคคอให้เลือกตามผมเลย เพราะมันดีจริงๆนะเออ

Metamagic: Extended Spell - สำหรับยืดระยะเวลาของเวทย์บัฟหรือเวทย์ที่ทำให้ศัตรูติดสถานะทั้งหลาย แล้วมันก็ไม่ได้ยืดเวลาให้แค่ 25% 50% นะครับ แต่มันเพิ่มให้อีก 100% หรือพูดง่ายๆคือ เพิ่มระยะเวลา x2 เท่าไปเลย ดังนั้นเวทย์บัฟที่ปกติอยู่ 3 เทิร์น จะกลายเป็น 6 เทิร์นเลย แถมใช้แต้ม Sorcery Point แค่ 1 แต้ม คุ้มกว่าคุ้มอีก


Metamagic: Twinned Spell - สำหรับเพิ่มเป้าหมายในการใช้เวทย์ที่ปกติเราใช้ใส่ได้แค่เป้าหมายเดียว โดยใช้แต้ม Sorcery Point 1 แต้มต่อเลเวลของเวทย์นั้นๆ … โดยในบิ้วนี้ จะใช้สำหรับการร่าย Haste ใส่เราหรือเพื่อนได้ 2 คน หรือจะใช้ในการยิง Cantrips ธาตุใส่ศัตรูสองตัวแทนก็ยังได้ ซึ่งก็ถือว่าเป็น Option ในการใช้เวทย์ที่ดีมากๆครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 03
Sorcerer Lv3

ในเลเวลนี้เราจะได้ของดีของ Subclass Shadow Magic มา 1 อย่างครับ นั่นก็คือ ...

Eyes of the Dark: Darkness
ใช้ Action Point และ Sorcery Point 2 แต้ม ในการร่ายเวทย์ Darkness เป็นเวลา 10 เทิร์น ดูเผินๆเหมือนไม่ได้มีอะไรต่างจากเวทย์ Darkness ปกติมาก แต่เมื่อเราใช้สกิลนี้และ Concentrate อยู่ จะได้บัฟที่ชื่อ Eyes of the Dark ที่จะทำให้เรามองเห็นในเวทย์อย่าง Darkness นี่มาเลยโดยไม่ต้องมีสกิลกันตาบอดจากอุปกรณ์ใดๆ ป็นอีกหนึ่งสกิลที่ดีมากๆครับ เพราะศัตรูจะไม่สามารถยิงอาวุธหรือเวทย์ใส่เราในวงความมืดนี้ได้ แถมพวกระยะประชิดที่อยู่ในวงความมืดนี้จติดตาบอดทำให้โดน Disadvantage ของ Attack Rolls และโจมตีเกินระยะ 3 เมตรไม่ได้อีก เรียกได้ว่าเป็นเวทย์บาเรียป้องกันที่ดีมากๆเลยครับ

Spells - เลือกเวทย์เวล 2 ได้แล้ว โดยผมแนะนำอันนี้

> Shatter - หนึ่งในเวทย์โจมตีธาตุ Thunder ที่ไม่ค่อยมีให้เราใช้เท่าไหร่นัก แต่เวทย์นี้เป็นเวทย์ที่สามารถทำดาเมจวงกว้างได้ดีมากๆ เหมาะกับการใช้เก็บศัตรูหลายๆตัวในช่วงแรกๆครับ


Class Passives - มาเลือก Metamagic อีก 1 อัน ขอล็อคคอเลือกเหมือนเดิมนะครับ เพราะอันนี้ดีและจำเป็นมากๆ

Metamagic: Quickened Spell - สำหรับการใช้แต้ม Sorcery Point 3 แต้ม แลกกับการร่ายเวทย์โดยใช้แค่ Bonus Action แทน ถือว่ามีประโยชน์ในสถานการณ์ที่เราต้องการดาเมจจากเวทย์เพิ่มเติมครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 04
Sorcerer Lv4

Cantrips - เราจะได้เลือก Cantrips อีก 1 อย่าง ผมขอให้เลือกอันนี้ครับ

> Poison Spray - เวทย์โจมตีธาตุพิษพื้นฐาน ทำดาเมจพิษ 1-12 หน่วยใส่ศัตรูในระยะใกล้ 3 เมตร แต่ถ้าศัตรูทอย Con Saving Throw ผ่านก็จะไม่โดนดาเมจเลย ... เราก็เลือกมาใช้เพื่อให้มี Option ในการทำดาเมจธาตุต่างๆให้ครบเท่านั้นแหละครับ


Spells - เลือกเวทย์เวล 2 อีก 1 อัน แนะนำเป็นเวทย์ทำดาเมจยอดนิยมอีกอันนึงครับ

> Scorching Ray - เวทย์ยิงลำแสงแห่งไฟทำดาเมจใส่ศัตรู อารมณ์ปืนกลแบบ Eldritch Blast แต่ใช้ Slot เวทย์ครับ เป็นอีก 1 เวทย์ทำดาเมจไฟที่รุนแรงสำหรับการโจมตีศัตรูตัวเดียวหรือหลายๆตัวที่ยืนอยู่ห่างๆกันได้ครับ


Feat - รอบนี้คุณจะเลือก Ability Improvement แล้วเพิ่ม Cha+2 แต้มไปก่อนก็ได้นะครับ เพราะได้ประโยชน์เยอะอยู่ แต่ถ้าคุณชอบใช้ Eyes of the Dark: Darkness ผมก็แนะนำให้เลือก War Caster แทนครับ เพราะจะช่วยให้เราหลุด Concentrate ได้ยากกว่าเดิมเยอะมากเพราะจะได้โรลเป็น Advantage ตลอด


การอัพเกรดตัวละครที่ Level 05
Sorcerer Lv5

Spells - ในที่สุด ก็มาถึงจุดที่เราจะมีเวทย์ดีๆใช้กันแล้วครับ นั่นก็คือ เหล่าเวทย์เลเวล 3 นั่นเอง

> Haste - เวทย์ที่สำคัญมากๆสำหรับทุกคน เพราะจะเพิ่ม Action Point ให้กับคนที่เราร่ายใส่อีก 1 แต้ม หมายความว่า คุณจะสามารถยิงเวทย์ไฟได้อีก 1 ชุดเลย แต่เวทย์นี้ต้องการ Concentration นะครับ ดังนั้นจะใช้กับเวทย์ที่ต้อง Concentrate ไปด้วยไม่ได้นะ


Replace Spell - จริงๆในทุกๆเลเวล เราสามารถเปลี่ยนเวทย์เข้า-ออกได้ 1 อันตลอด ซึ่งเราไม่ค่อยได้เปลียนหรอกครับ แต่ในเลเวลนี้มีเวทย์เลเวล 3 ดีๆหลายอันที่ต้องเอาไว้ใช้ ดังนั้น ให้เปลี่ยน Thunderwave ออกมาเลือกอันนี้ครับ

> Counterspell - เวทย์ Anti Magic ที่ใช้ได้ผลดีสุดๆ เมื่อศัตรูร่ายเวทย์เราจะสามารถใช้ Reaction ในการป้องกันการร่ายเวทย์นั้นของศัตรูได้ โดยศัตรูจะเสีย Action Point และ Spell Slot ในการร่ายเวทย์นั้นไปฟรีๆเลย ถือว่าเป็นของดีที่คุณคู่ควรครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 06
Sorcerer Lv6

ในเลเวลนี้เราจะได้สิ่งที่ดีงามที่สุดของ Shadow Magic ครับ นั่นคือ น้องหมาน้อยเงามืด Nimbus Good Boi ของเรานั่นเอง!!!

Hound of Ill Omen
ใช้ Bonus Action และ Sorcery Point 3 แต้ม ในการเรียก Shadow Mastiff หรือ Nimbus ออกมาใช้งาน ซึ่งน้องก็ไม่ได้เก่งอะไรมากครับ มีเลือดแ่ 42 และ AC แค่ 18 แต้มเท่านั้น ... แต่สกิลของน้องคือเรียกได้ว่าโหดเหี้ยมสุดๆ ซึ่งผมจะไล่เป็นสกิลๆไปเลยนะ

> Ominous Bite - นี่คือการกัดโจมตีปกติทั่วไป แต่หากศัตรูทอย Con Saving Throw ไม่ผ่าน Spell Save DC ของน้อง Nimbus จะโดน Omen ของธาตุต่างๆแบบสุ่มได้ 3 เทิร์นครับ (Acid, Cold, Fire, Lightning, Thunder หรือ Poison) ซึ่งได้สถานะนี้หากโดนดาเมจตรงตามธาตุนั้นๆ จะทำให้ดเจ้าของหมา (ก็คือเรา) ได้ Sorcery Point คืนมา 1 แต้ม! ซึ่งศัตรูตัวนึงสามารถติด Omen ได้มากกกว่า 1 และดาเมจธาตุที่โดนนั้นจะมาจากไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนเราหรือศัตรูเดินไปเหยียบโดนธาตุนั้นเอง ... เรียกได้ว่าเป็นหัวใจหลักของบิ้วนี้เลยครับ เพราะถ้าเล่นดีๆ เราจะมี Sorcery Point แบบใช้ไม่หมดกันเลยทีเดียวล่ะ

> Umbral Tangle - ทำดาเมจ Necrotic 2-12 หน่วยใส่ศัตรูทุกตัวในระยะ 3 เมตรรอบตัวน้อง Nimbus และหากศัตรูทอย Str Saving Throw ไม่ผ่าน Spell Save DC ของน้อง จะโดนสถานะล็อคขา Entangled เป็นเวลา 3 เทิร์น ทำให้การโจมตีศัตรูที่ติดสถานะนี้ได้ Advantage ด้วย เป็นสกิลที่เอาไว้ทำดาเมจและดีบัฟใส่ศัตรูเป็นหมู่ได้ดีมากครับ

> Splinter Shadow - หากน้อง Nimbus โดนดาเมจจากการโจมตีระยะประชิดที่ไม่ใช่ดาเมจแสง จะสามารถใช้ Reaction สร้างร่างแยกของน้องออกมาได้ 3 เทิร์น ซึ่งร่างแยกนี้จะสามารถกัดโจมตีธรรมดา (ไม่ติด Omen นะ) และใช้สกิล Umbral Tangle กับ Splinter Shadow ได้ด้วย ... ใช่ครับ น้องร่างแยกพวกนี้ ยังสามารถแยกร่างเพิ่มได้อีก!!! เป้นกองทัพหมากันเลยล่ะ เพียงแต่เราจะไม่สามารถบังคับเหล่าน้องๆร่างแยกพวกนี้ได้ และมีเลือกแค่ 19 กับ AC 14 หน่วยเท่านั้น

จริงๆแล้วหากเล่นคู่กับ Hexblade เลเวล 6 ที่มีสกิล Accursed Spectre แล้ว ถ้าน้อง Nimbus ไปยืนอยู่ในระยะ 3 เมตรกับ Spectre ตัวใดก็ตาม จะได้สกิล Right Behind You ของ Spectre มาใช้งานด้วยนะ เรียกว่า Synergize กันสุดๆเลย พวกเงาจาก Shadowfell เนี่ย 5555+


Spells - เลือกเวทย์เวล 3 อีก 1 อัน ผมแนะนำอันนี้เลย

> Fireball - สำหรับผู้ใช้เวทย์ไฟ จะมีใครบ้างนะที่ไม่รู้จักเวทย์นี้ เป็นเวทย์โจมตี AOE ธาตุไฟที่รุนแรงและสะใจที่สุดในจักรวาล D&D แล้วครับ ... โดยเฉพาะในเกมนี้ เสียงและเอฟเฟคมันช่างระทึกใจจริงๆ เป็นอีกเวทย์ที่เอาไว้ทำดาเมจไฟใส่ศัตรูวงกว้างได้ผลชะงัดมากๆอันนึงครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 07
Sorcerer Lv7

Spells - ตอนนี้เราจะเลือกเวทย์เวล 4 ได้แล้ว แนะนำเวทย์เทพอันนี้เลยครับ

> Ice Storm - เวทย์สายดาเมจน้ำแข็งสุดแกร่ง ที่จะทำดาเมจ Bludgeoning 2-16 หน่วยและดาเมจน้ำแข็ง 4-24 หน่วย เป็นวงกว้าง 6 เมตร และที่สำคัญ ยังสร้างพื้นผิวน้ำแข็งที่สามารถทำให้ศัตรู(และพวกเราเอง)ลื่นล้มติด Prone ได้ด้วยเป็นระยะเวลา 2 เทิร์น เรียกได้ว่าทั้งทำดาเมจและดีบัฟใส่ศัตรูเป็นวงกว้างไปในตัว ... ขายของขนาดนี้แล้ว เลือกเลยครับอย่ารอช้า

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 08
Sorcerer Lv8

Spells - เลือกเวทย์เลเวล 4 เพิ่มอีก 1 อัน แต่ผมแนะนำให้เลือกเลเวล 3 อันนี้แทนครับ

> Lightning Bolt - เวทย์ทำดาเมจสายฟ้าเป็นเส้นตรงระยะยาว 30 เมตร เป็นอีกหนึ่งเวทย์สายฟ้าที่มีความรุนแรงสูงมากครับ แถมถ้าใช้กับศัตรูที่ติดสถานะเปียก Wet จะทำดาเมจได้แรงเป็นสองเท่าอีกด้วย เป็นอีกหนึ่งเวทย์โจมตีระยะไกลที่เอาไว้ใช้จัดการศัตรูในที่แคบหรือจุด Choke Point ที่ดีมากๆครับ


Feat - ถ้าเลือก War Caster ไปแล้วแบบผม ก็เลือก Ability Improvement เพิ่ม Cha +2 แต้มไปเลยครับรอบนี้

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 09
Sorcerer Lv9

Spells - เราจะเลือกเวทย์เวล 5 ได้ ผมแนะนำอันนี้ก่อนเลย

> Cone of Cold - เวทย์ยิงดาเมจน้ำแข็งแบบ Shotgun สามารถทำดาเมจน้ำแข็งได้สูงถึง 8-64 หน่วย (และสองเท่าเมื่อใช้ใส่ศัตรูที่ติด Wet) เป็นเวทย์ขั้นสูงที่รุนแรงมากอันนึงครับ แถมยังสร้างพื้นผิวน้ำแข็งจากน้ำที่พื้นได้ด้วยนะ เอาไว้ใช้คู่กับ Ice Storm หรือ Create Water ได้ผลดีมากๆครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 10
Sorcerer Lv10

Cantrips - รอบนี้จริงๆจะเลือกอันไหนก็ได้แล้วครับ เพราะเราเลือก Cantrips สายธาตุไปเกือบหมดแล้ว รอบนี้ผมเลยเลือก Bursting Sinew ไป ถึงแม้จะไม่ได้ใช้ก็เหอะ ... คุณจะเลือกอย่างอื่นเช่น Bone Chill หรือพวก Utilities อื่นๆก็ได้นะครับ


Spells - เลือกเวทย์เวล 5 ได้อีก 1 อันครับ

> Cloudkill - หนึ่งในเวทย์โจมตีสายพิษวงกว้างมากๆ สามารถทำดาเมจพิษได้ 5-40 หน่วย ที่สำคัญยังสามารถ Concentrate ได้ 10 เทิร์น และใน 10 เทิร์นนั้น เราจะสามารถย้ายวง Cloudkill นี้ได้ฟรี (แต่เสีย Action Point นะ) จนกว่าจะหมดเวลาหรือหลุด Concentrate เลย ... เป็นอีกเวทย์สายพิษที่ใช้งานได้ดีมากๆครับ แต่มันต้อง Concentrate นะ ก็อย่าลืม พลาดใช้ตอนเราใช้ Haste อยู่ก็พอ 555+


Class Passives - มาเลือก Metamagic อีก 1 อันและเป็นอันสุดท้าย ผมแนะนำให้เลือกอันนี้ครับ

Metamagic: Heightened Spell - ใช้ Sorcery Point 3 แต้มทำให้ศัตรูติด Disadvantage ของ Saving Throw ของเวทย์เราได้ ใช้ได้ดีเวลาคุณต้องการให้ศัตรูเฟล Saving Throw เพื่อให้โดนดาเมจเวทย์เราเต็มๆได้ครับ (ไม่งั้นมันจะโดนดาเมจแค่ครึ่งเดียว) ... แต่ถ้าคุณไม่ชอบก็เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้นะ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 11
Sorcerer Lv11

ในเลเวลนี้เราจะได้สกิลพิเศษของ Shadow Magic มาอีกอย่างครับ

Shadow Walk
ใช้ Bonus Action วาร์ปเราไปที่มืดหรือแสงน้อยได้ อารมณ์คล้ายๆ Shadow Step ของ Shadow Monk แต่เราไม่จำเป็นต้องอยู่ในที่มืดก็ใช้ได้ครับ ที่สำคัญหลังวาร์ปไปแล้ว จะได้ผลของ Metamagic: Distant Spell ด้วย ทำให้เวทย์เรายิงได้ไกลขึ้นสองเท่าโดยไม่ต้องเสีย Sorcery Point ใดๆ แถม Distant Spell นี้ยังสามารถใช้กับ Metamagic อื่นๆได้อีก เรียกได้ว่าเป็นสกิลวาร์ปหลบหนีที่มีประโยชน์มหาศาลเลยครับ


Spells - และแล้วก็มาถึงการเลือกเวทย์เลเวล 6 เพียงหนึ่งเดียวของเรา แน่นอนครับ ล็อคคอเลือกอันนี้เลย

> Chain Lightning - เวทย์โจมตีธาตุสายฟ้าที่รุนแรงที่สุด ทำดาเมจสายฟ้าได้สูงถึง 10-80 หน่วย (คูณสองเป็น 20-160 หน่วย ถ้าศัตรูติด Wet) เมื่อเรายิงโดนศัตรูตัวแล้ว จะมีสายฟ้าอีกสามสายวิ่งใส่ศัตรูใกล้เคียงอีก 3 ตัว (เลือกไม่ได้นะจ๊ะ) ทำดาเมจ 10-80 หน่วยเหมือนกัน ... เรียกได้ว่าเป็นเวทย์โจมตีที่รุนแรงมากๆอันนั้นนึงเลยครับ เอาไว้เก็บพวกศัตรูเลือดเยอะๆหรืออยู่กับเป็นกลุ่มได้ผลดีมากๆเลยล่ะ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 12
Sorcerer Lv11 / Warlock Lv1

และในเลเวลสุดท้าย เราจะ Multiclass ไปหา Hexblade ของ Warlock ตามที่ผมได้สปอยไว้ในตอนเลเวล 1 แล้วครับ 555+ ซึ่งจริงๆเราต้องการแค่ Cantrips เพิ่ม 2 อันกับ Slot เวทย์เลเวล 1 ฟรี 1 ช่องเท่านั้นเองครับ นอกนั้นเป็นของแถมล้วนๆ

Subclass - Hexblade เพราะเราจะได้สกิลเทพมาตั้งแต่เลเวลแรก 2 อย่าง ดังนี้

> Bind Hexed Weapon - ทำให้คุณสามารถทำพันธะกับอาวุธที่ถือ ให้ดาเมจกลายเป็น Magical หรือก็คือทะลุ Resistance ทางกายภาพ, โดน Disarm ไม่ได้ (และก็ขว้างหรือ Drop ไม่ได้ด้วยเช่นกัน), ปรับมาใช้ Cha Modifier แทน (เป็นเหตุผลที่ผมแนะนำให้อัพ Cha ไว้เยอะๆ) และสุดท้าย มีโอกาส Fix ที่ 20% เวลาโจมตีศัตรูแล้วจะติด Hexblade's Curse ใส่ศัตรูตัวนั้นๆ ... เห็นข้อดีขนาดนี้แล้ว แถมได้ตั้งแต่เลเวลแรกด้วย เรียกว่า โกงแบบสุดๆไปเลยล่ะ

> Hexblade's Curse - ใช้ Bonus Action ในการสาป Hexblade's Curse ใส่ศัตรูเป็นเวลา 10 เทิร์น โดยหากคุณโจมตีศัตรูตัวนั้นจะได้โบนัส Attack Rolls เพิ่มเท่ากับ Proficiency ในตอนนั้น (+2 ถึง +4 แต้ม) และหากศัตรูที่โดนสาปตายไปคุณจะได้เลือดสำรองเท่ากับ เลเวล Warlock + Cha Modifier ... ถือเป็นสกิลการสาปที่ดี แต่ใช้ได้ 1 ครั้ง / 1 Short Rest ก็อาจจะดูน้อยไปหน่อย แต่ในเวลาที่คุณต้องการจัดการศัตรูเก่งๆให้ง่ายขึ้น ก็สามารถใช้สกิลนี้ก่อนเข้าโจมตีได้ดีเลยครับ

ซึ่งในบิ้วนี้เนื่องจากเรามี Cha เยอะ การ Bind Hexed Weapon จะทำให้เราใช้ Cantrips อย่าง Booming Blade ได้ดีขึ้นมากครับ


Cantrips - อันนี้ผมล็อคคอให้เลือก 2 อย่างนี้เท่านั้นครับ

> Booming Blade - Cantrips สำหรับสายโจมตีอันใหม่เอี่ยมอ่องที่เพิ่มเข้ามา โดยโจมตีใส่ศัตรูทำดาเมจปกติ และทำดาเมจ Thunder 1-8 หน่วยอีกทีเมื่อศัตรูเคลื่อนไหว ... ขั้นแรกอาจจะไม่ดีเท่าไหร่ แต่ขั้นอัพเกรดตอนตัวเราเลเวล 5 และ 11 จะเพิ่มดาเมจ Thunder เข้าไปในการโจมตีของท่านี้เลยและเพิ่มดาเมจ Thunder ตอนศัตรูขยับด้วย ... สำหรับบิ้วนี้ ถือเป็น Cantrips สายดาเมจ Thunder ที่เอาใว้ใช้ในระยะประชิดได้ดีเลยครับ แต่จะดีมากถ้าใช้คู่กับ Bind Hexed Weapon ผมเลยไม่ได้ให้เลือกอันนี้ไปก่อนหน้านี้ครับ


> Eldritch Blast - เป็นเวทย์ Cantrips หรือเวทย์ที่ไม่ใช้ Slot เวทย์ในการร่าย และเป็นเวทย์เฉพาะตัวของคลาส Warlock เลยครับ โดยเวทย์นี้จะยิงลำแสงทำดาเมจ 1-10 หน่วยแบบ Force ใส่ศัตรู ซึ่งมีศัตรูน้อยตัวมากที่มีค่า Resistance ดาเมจแบบนี้ ส่วน Eldritch Blast จะมีการอัพเกรดเหมือน Cantrips อื่นๆที่ตัวละครเลเวล 5 และ 10 ... ย้ำว่าเวลตัวละครนะครับ ไม่ใช่ เวลคลาส ซึ่งไม่ได้อัพเกรดดาเมจเหมือนอันอื่นแต่เพิ่มจำนวนลำแสงที่ยิงเอา
> ตัวละครเลเวล 5 จะยิง Eldritch Blast ได้ 2 เส้น ดาเมจ Force เส้นละ 1-10 หน่วย รวม 2-20 หน่วย
> ตัวละครเลเวล 10 จะยิง Eldritch Blast ได้ 3 เส้น ดาเมจ Force เส้นละ 1-10 หน่วย รวม 3-30 หน่วย
ซึ่งความดีงามของมันคือ แต่ละเส้นสามารถเลือกเป้าหมายได้ตามใจ หมายความว่าคุณจะรัวทั้ง 3 เส้นใส่ศัตรูตัวเดียว หรือจะแบ่งยิงเส้นละตัวทำดาเมจครั้งละ 3 ตัวก็ได้ มันจึงเป็นเวทย์ที่ทั้งดีและยืดหยุ่นมากๆครับ

สำหรับบิ้วนี้การมีเวทย์นี้ไว้ใช้จะทำให้มีแนวทางการทำดาเมจที่หลากหลายขึ้นมากครับ แม้จะไม่มี Eldritch Invocations มาเสริมพลังให้ ก็ยังสามารถใช้โจมตีศัตรูได้ผลดีอยู่ครับ


Spells - ในส่วนของเวทย์ที่ใช้งานนี่ผมขอบังคับให้เลือกเวทย์ Shield ไว้ใช้งานในการป้องกันอันนึง ที่เหลืออีกอันคุณสามารถเลือกได้ตามใจชอบเลยครับ


กว่าจะจบการอัพเลเวล เรียกได้ว่าพอเขียนไกด์สายเวทย์ทีไรนี่ ผมต้องเหนื่อยทุกทีเลย (มิน่าล่ะ ไม่ค่อยมีบิ้วสายเวทย์ เพราะคนเขียนติดขี้เกียจนี่เอง 555) ต่อไปเรามาดูอุปกรณ์จำเป็นสำหรับบิ้วนี้กันดีกว่าครับ
Equipment อุปกรณ์สวมใส่ที่จำเป็น
MINOR SPOILER ALERT!!!

สำหรับอุปกรณ์สวมใส่ที่จำเป็นนี่ ยังไงก็คงหลีกเลี่ยงการสปอยได้ยาก ... แต่ก็เช่นเดิม ผมจะทำแถบปิด Spoiler เอาไว้ และจะ Spoil ให้น้อยที่สุดครับ

หากใครกลัวพลาดหรือแค่อยากรู้ว่าชิ้นไหนทำอะไรได้บ้างจริงๆ ให้ข้ามไปดูสรุปข้อมูลได้เลย

Helmet ส่วนหัว/หมวก
Birthright

หาซื้อได้จาก Sorcerous Sundries ใน Act 3 ... ขายโดยร่างจำแลงของ Lorroakan หรือ Rolan ถ้ายังเขายังมีชีวิตรอดจาก Act 1 และ 2 มาได้

Cloak ส่วนผ้าคลุม
Cloak of The Weave

ซื้อได้จาก Helsik ใน Devil's Fee ใน Act 3 ... โดยเราต้องรู้ข้อมูลเรื่องที่เธอรับใช้ Mammon และเป็นคนเปิดประตูสู่นรกชั้น Avernus ให้กับ Gortash เธอถึงจะยอมขายของพิเศษให้เรา รวมถึงผ้าคลุมนี้ด้วย

Armor/Clothing ส่วนเกราะ/ชุด
Potent Robe

หาได้จาก Alfira ที่ Last Light Inn ใน Act 2 ... โดยได้รับเป็นรางวัลเมื่อทำเควสช่วยพวก Tieflings จาก Moonrise Towers สำเร็จ และใน Act 1 เราต้องเลือกช่วยเหลือพวก Tieflings ใน Grove ด้วยไม่งั้นจะไม่มีเควสนี้มาให้ทำครับ และ Alfira ต้องไม่ตายจาก Event ของ Dark Urge ด้วยนะ

Gloves ส่วนถุงมือ
Helldusk Gloves

หาได้จาก House of Hope ใน Act 3 ... ดรอปจากปีศาจที่ชื่อว่า Haarlep ในห้องที่มีสระน้ำฟื้นพลัง ให้เดินไปด้านหลังสระจะเจอมันนอนอยู่บนเตียงครับ

Boots ส่วนรองเท้า
Helldusk Boots

หาได้จากหีบในห้องส่วนตัวของ Gortash ที่ Wyrm's Rock Fortress ใน Act 3

Amulet ส่วนสร้อยคอ
Necklace of Elemental Augmentation

หาได้จาก Crèche Y'llek ใน Act 1 ... ในตู้ Display case ห้องที่เจอกับ Inquisitor Ch'r'ai W'wargaz (ชื่อนี่พิมพ์อย่างยาก) หรือหาได้จาก Wyrm's Crossing ในหีบที่ซากเรือที่ Act 3

Rings ส่วนแหวน
Ring of Mental Inhibition

หาได้จากหีบที่ล็อคอยู่ใน Ruined Battlefield ใกล้ๆกับจุดวาร์ป Shadowed Battlefield ใน Act 2

Ring of Feywild Sparks

หาได้จาก The Blushing Mermaid ใน Act 3 ... ดรอปจาก Auntie Ethel หลังจากที่เราจัดการป้าได้แล้ว

Melee Weapon ส่วนอาวุธประชิด
Markoheshkir

หาได้จากหอคอย Ramazith’s Tower ใน Act 3 อยู่ที่เดียวกันกับ Robe of the Weave

Shield ส่วนโล่
Ketheric's Shield

ดรอปจาก Ketheric Thorm ใน Act 2 … หลังจากฆ่า Ketheric Thorm ในร่าง Avatar แห่ง Myrkul แล้ว

Range Weapon ส่วนอาวุธระยะไกล
Hellrider Longbow

หาซื้อได้จาก Ferg Drogher ที่ Rivington ใน Act 3 … โดยตอนที่เราจะไปซื้อของ ห้ามเอา Shadowheart เข้าทีมนะครับ ไม่งั้นเนื้อเรื่องของน้องจะเดินแล้ว Ferg จะหายตัวไปเลยหลังเราคุยจบ ดังนั้น ซื้อของช้อปปิ้งให้เสร็จก่อนครับ
สรุปความจำเป็นของอุปกรณ์แต่ละชิ้น
Birthright - ใส่เพื่อเพิ่ม Cha+2 แต้ม ดูเหมือนน้อยแต่จำเป็นมากๆสำหรับบิ้วนี้ครับ เพราะ 2 แต้มนี้ หมายถึง Cha Modifier+1 ในตัวมันเองเลยนะ
Cloak of The Weave - ใส่เพื่อเพิ่ม Spell Save DC +1 และได้สกิล Absorb Element มาเพิ่ม เวลาเราโดนโจมตีด้วยธาตุใด เราจะสามารถดูดซับดาเมจครึ่งนึงมาแปลงเป็นดาเมจธาตุนั้นในการโจมตีคร้งถัดไปของเรา ถือเป็นสกิลกำไรที่ดี
Potent Robe - อันนี้ของจำเป็นมากสำหรับบิ้วนี้ เพราะจะบวกเพิ่ม Cha Modifier เข้าไปในดาเมจของ Cantrips ซึ่งถ้าเรามี Cha 24 จะมี Modifier +7 หรือก็คือ +7 ดาเมจฟรีๆให้กับ Cantrips ทุกอันที่เราใช้เลย ... แถมเสื้อนี้ ยังเพิ่มเลือดสำรองให้เท่าจำนวน Cha Modifier และ AC+1 ให้ด้วย เรียกได้ว่าเป็นเสื้อที่นักเวทย์สาย Cha ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ และนับเป็นไอเท็มสำคัญของบิ้วนี้เลย
Helldusk Gloves - ใส่เพื่อเพิ่ม Spell Save DC +1 และ Spell Attack Rolls +1
Helldusk Boots - ใส่เพื่อให้สามารถใช้สกิล Hellcrawler (คล้ายวาร์ปแบบ Misty Step แต่ทำดาเมจไฟในจุดที่วาร์ปไปด้วย) และที่สำคัญ มีสกิล Reaction Infernal Evasion ที่ถ้าเราเฟลในการ Saving Throw เราจะสามารถใช้แต้ม Reaction ให้ Saved แทนได้
Necklace of Elemental Augmentation - สร้อยนี้จะบวก Spellcasting Modifier (ในบิ้วนี้คือ Cha Modifier) ให้กับดาเมจของ Cantrips สายธาตุ Acid, Cold, Fire, Lightning, หรือ Thunder ... ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นหัวใจหลักของบิ้วนี้เลย เพราะเมื่อใช้ร่วมกับเสื้อจะทำให้มีดาเมจธาตุบวกเข้าไปใน Cantrips สูงสุดถึง 14 หน่วยครับ
Ring of Mental Inhibition - เมื่อศัตรูเฟล Saving Throw จะติดสถานะ Mental Fatigue จำนวน 2 เทิร์น ซึ่งเวลาเราใช้เวทย์ที่มี Spell Save DC สูงๆ ศัตรูก็มักจะโรลไม่ผ่านแทบจะตลอด ยังไงก็ได้ใช้งานแน่นอนครับ
Ring of Feywild Sparks - จริงๆแหวนนี้ผลหลักๆจะเหมาะกับ Sorcerer สาย Wild Magic แต่ที่ในเกมไม่ได้บอกคือ มันใส่เพื่อเพิ่ม Spell Save DC +1 ได้ด้วยครับ
Markoheshkir - ของจำเป็นแบบขาดไม่ได้เลย นอกจากเพิ่ม Spell Save DC +1 แล้ว ยังสามารถเปิดโหมด Kereska's Favour เพื่อให้เราปรับจูนเข้ากับธาตุนั้นๆ และได้เวทย์ฟรี 2 อย่างของธาตุนั้นๆด้วย แถมยังมี Arcane Battery ที่เอาไว้ร่ายเวทย์ฟรีโดยไม่ใช้ Slot เวทย์อีก ไม้เท้า Must Have ของนักเวทย์สุดๆเลยล่ะ
Ketheric's Shield - ใส่เพื่อเพิ่ม Spell Save DC +1 และ AC+2 แถมได้ Advantage ตอน Dex Saving Throw ด้วย
Hellrider Longbow - ใส่เพื่อเอา Initiative+3 ทำให้เราได้ตาเดินก่อนชาวบ้าน(และศัตรู) และมีโอกาสทำให้ศัตรูที่โดนธนูยิง ติดสถานะ Faerie Fire ได้ 1 ครั้งต่อเทิร์นด้วย
Items อื่นๆที่จำเป็นสำหรับบิ้ว
Elixir of Bloodlust

ยาเทพที่ทุกคนต้องมี ผลของมันคือ เมื่อฆ่าศัตรูได้ จะได้ Action Point คืนมา 1 แต้ม มีผล 1ครั้ง/1เทิร์น นั่นหมายความว่า ถ้าคุณฆ่าศัตรูได้ในเทิร์นนั้น คุณจะด่าหรือใช้เวทย์ฟรีได้อีก 1 ครั้งครับ


Elixir of Battlemage's Power

ยานี้จะช่วยให้เราได้สถานะ Arcane Acuity จำนวน 3 แต้มตลอดเวลาจนกว่าจะ Long Rest เลยครับ ... ซึ่ง Arcane Acuity จะเพิ่ม Spell Save DC และ Spell Attack Roll ให้เรา 1 แต้มต่อ 1 ชาร์จ หมายความว่า เราจะได้ Spell Save DC และ Spell Attack Roll เพิ่ม 3 แต้มหลังจากกินยานี้ทันทีครับ ... แต่สำหรับบิ้วสายเวทย์ดาเมจล้วนแบบบิ้วนี้ กิน Bloodlust จะให้ผลดีกว่ามากครับ


Spellcrux Amulet

สร้อยที่สามารถฟื้น Spell Slot เวลใดก็ได้ ได้จำนวน 1 ครั้ง ถือว่าเป็นสร้อยสำรองที่ต้องพกติดตัวไว้เลยครับ หาได้จากคุกของ Moonrise Tower ใน Act 2 ครับ อย่าพลาดเชียวล่ะ อันนี้ของดีจัดๆ


Pearl of Power Amulet

เหมือนกับ Spellcrux Amulet ครับ แต่รี Spell Slot ได้แค่เวล 1 2 3 เท่านั้น เป็นสร้อยสำรองที่ดีอีกอันนึง หาซื้อได้จาก Omeluum ที่ Myconid Colony ใน Underdark ของ Act 1 ครับ
Illithid Powers & Passive Bonus ที่จำเป็น
MAJOR SPOILER ALERT!!!

จริงๆถึงไม่มีพวกนี้ก็เล่นได้ แต่ถ้าอยากไปให้สุดก็ควรต้องมีบัฟและสกิลพวกนี้ครับ ผมจะแบ่งออกเป็นสองส่วนหลักๆก่อน คือ 1.Illithid Powers ที่แนะนำและ 2.Permanent Passive Buff ที่จำเป็นสำหรับบิ้วนี้

Illithid Powers ที่แนะนำกับบิ้วนี้

ผมจะยกมาแค่อันที่จำเป็นๆนะครับ แต่ถ้ามีโอกาสอัพเต็มก็ทำได้เลยครับ ได้ใช้คุ้มแน่นอนเพราะสกิลพวกนี้มัน OP เอามากๆ และก็ไม่ได้ส่งผลกับเนื้อเรื่องในเกมมากมายอย่างที่เรากลัวด้วยครับ

Cull the Weak
เมื่อเราลดเลือดศัตรูให้ต่ำกว่าจำนวน Tadpole ในหัวเรา ศัตรูจะตายทันทีและระเบิดทำดาเมจพลังจิตใส่ศัตรูใกล้เคียงอีก 1-4 หน่วย เป็นสกิลที่ดีมาก สำหรับคนที่ใช้พลังของ Tadpole เยอะๆอยู่แล้ว เพราะถ้าคุณอัพเกรดจนครบ แค่คุณลดเลือดศัตรูลงมาเหลือแค่นิดหน่อยก็สามารถฆ่าศัตรูตัวนั้นได้ทันที พูดง่ายๆคือ ยิ่งใช้หนอนมาก สกิลนี้ก็ยิ่งได้ผลดีมากขึ้น และบอกลาความเซ็งตอนศัตรูเหลือเลือด 1 ไปได้เลย
Fly
อีกสกิลที่ตรงตามตัวเป๊ะๆเลย ทำให้เราสามารถเคลื่อนที่ได้ดีกว่าเดินปกติมากๆ ซึ่งสกิลนี้จะได้มาฟรีๆ เมื่อเรายอมเปิดใจรับพลังจาก Astral Tadpole ที่ได้จาก The Emperor ในตอนต้น Act 3 ครับ (แต่ต้องยอมลดสวยลดหล่อ มีเส้นเลือดดำขึ้นหน้านะ 5555)
Mind Blast
เป็นสกิลโจมตีด้วยพลังจิต AOE แบบโคนระยะไกลมากถึง 14 เมตร ทำดาเมจ Psychic 4-32 + Spellcasting Modifier (สำหรับบิ้วนี้คือ Cha) และยังสามารถทำ Stunned ใส่ศัตรูที่โดนทั้งหมดได้ 1 เทิร์นด้วย แถมไม่โดนพวกเดียวกันอีก (ยกเว้น NPC) เรียกได้ว่าเป็นของดีสุดๆเลยก็ว่าได้ เสียแค่ใช้ได้เพียง 1 ครั้ง / 1 Long Rest เท่านั้น ดังนั้นก่อนใช้ก็ต้องตัดสินใจให้ดีนะครับ ซึ่งสกิลนี้จะอัพได้ ก็ต่อเมื่อเรายอมเปิดใจรับพลังจาก Astral Tadpole ที่ได้จาก The Emperor ในตอนต้น Act 3 ครับ
Freecast
ร่ายเวทย์ฟรีได้ 1 ครั้งโดยไม่เสีย Slot เวทย์ครับ ใช้ได้เพียง 1 ครั้ง / 1 Long Rest ของดีสำหรับสายนักเวทย์เลย ซึ่งสกิลนี้จะอัพได้ ก็ต่อเมื่อเรายอมเปิดใจรับพลังจาก Astral Tadpole ที่ได้จาก The Emperor ในตอนต้น Act 3 ครับ
Mind Sanctuary
สร้างโดมที่จะทำให้เราสามารถใช้ Action และ Bonus Action สลับกันได้ หรือก็คือสามารถใช้ Bonus Action ร่ายเวทย์ได้ครับ โดยโดมนี้จะมีผลกับทุกคนภายใน อยู่เป็นเวลา 3 เทิร์น และใช้ได้เพียง 1 ครั้ง / 1 Long Rest ซึ่งสกิลนี้จะอัพได้ ก็ต่อเมื่อเรายอมเปิดใจรับพลังจาก Astral Tadpole ที่ได้จาก The Emperor ในตอนต้น Act 3 ครับเช่นเดียวกับอันอื่นด้านบนครับ
Blackhole
ถ้าคุณอยากจะทำดาเมจแบบ AOE ให้ได้มากที่สุด ก็อาจจะต้องรวบศัตรูมากองรวมกันก่อนครับ 555 จะอัพไปสกิลนี้ได้ เราต้องเลือกยอมเปิดใจรับพลังจาก Astral Tadpole ที่ได้จาก The Emperor ในตอนต้น Act 3 ครับ และผมแนะนำให้ตัวละครที่จะเล่นบิ้วนี้ไปเอาบัฟ Passive: Awakened ที่จะอธิบายไว้ด้านล่างด้วยครับ

Permanent Passive Buff ที่จำเป็นกับบิ้วนี้

ผมจะยกมาแต่อันที่จำเป็นนะครับ แต่ถึงพลาดไปก็ไม่เป็นไร แค่อย่างน้อยขอให้ได้บัฟ Cha+2 จากตอน Act 3 ได้ก็พอ ... ถ้าไม่ได้บัฟเลยถามว่าเล่นได้มั๊ย ก็เล่นได้ครับ แต่จะไม่สุดเท่าคนที่มีบัฟแค่นั้นเอง

[Act 1] Passive: Awakened จากเครื่อง Zaith'isk ใน Crèche Y'llek
บัฟนี้จำเป็นมากๆสำหรับคนที่ใช้พลัง Tadpole และไม่ค่อยได้ใช้ Bonus Action เป็นดาเมจหลัก เช่น พวกนักเวทย์ทั้งหลาย และบิ้วนี้ก็เช่นกันครับ ... เมื่อคุณ Awakened แล้วมันจะทำให้ Illithid Powers ทุกอย่างที่ใช้ Action Point มาใช้ Bonus Action แทน ถือว่าเป็นทางเลือกในการใช้ Bonus Action ที่ดีครับ แต่ยังไง ถ้าเล่นตี้ก็ต้องลองดูความจำเป็นและเหมาะสมของ Role คนในทีมด้วยนะครับ บางคนอาจจะต้องการมันมากกว่าเรานะ

[Act 1] Abilities+1 จากหนังหัวของป้าแม่มด Ethel
ได้จากการปราบป้า Ethel ในรังแม่มดที่ Act 1 ก่อนป้าจะตายจะทำการต่อรองให้เราไว้ชีวิตโดยแลกกับหนังหัวเพิ่มค่า Abilities ค่าใดค่าหนึ่ง จำนวน 1 แต้มครับ ... เช่นเดิม ลองดูความจำเป็นคนในทีมด้วยก็ดีครับ

ถ้าเราจะเอาค่าโบนัสจากข้อนี้ ผมล็อคคอให้เลือก Cha เท่านั้นครับ ห้ามเอาอย่างอื่นมานะ ไม่งั้นจะตีมือเลย 5555+

[Act 3] Abilities+2 จากกระจก Mirror of Loss
หลังจากทำเควสของ Shadowheart ใน House of Grief แล้ว เข้าไปห้องด้านในที่เจอพ่อแม่ของน้อง จะมีกระจก Mirror of Loss อยู่ ตรงนี้ผมแนะนำให้เซฟไว้ก่อนนะครับ เพราะกระจกนี่ต้องผ่าน Skill Check หลายรอบมาก ผมจะเรียงไว้ให้คร่าวๆประมาณนี้
1. การ Activate กระจก ต้องผ่าน Skill Check สองอย่างคือ Religion (DC20) และ Arcana (DC25)
2. หลัง Activate กระจกแล้ว คนที่จะเพิ่ม Stat ต้องผ่าน Skill Check Religion (DC25) ของใครของมันเป็นรายบุคคลไป
3. หลังจากผ่านเช๊คทั้งหมดแล้ว เราจะสามารถมอบ Abilities 1 ใน 6 อันไหนก็ได้ของเราให้กับกระจก 2 แต้ม แล้วจะสามารถเลือกเพิ่ม Abilities 1 ใน 6 อันไหนก็ได้ของเรา 2 แต้มแทน เช่น คุณอาจะแลก Wis-2 แล้วเอา Cha+2 แทน
4. หลังจากเลือกได้แล้ว ให้ใช้ Remove Curse ลบคำสาปที่โดน -2 อยู่ ก็จะทำให้เรามีบัฟ +2 Abilities ที่เราเลือกไว้ฟรีๆอย่างถาวรครับ
5. ทำซ้ำข้อ 2-4 กับตัวละครอื่นๆได้ ยกเว้นจะเฟล Skill Check คนนั้นจะอดบัฟนี้ไปเลยถาวรครับ

[Act 3] Cha+1 จากกระจก Mirror of Loss
วิธีทำตามในคลิปด้านล่างได้เลยครับ แต่ผมจะพิมพ์อธิบายไว้คร่าวๆประมาณนี้
1. Activate กระจกเหมือนเดิม
2. อย่าเพิ่งผ่าน Religion Check รายบุคคล ให้แลก Stat -2 เพื่อสุ่มหา Patriar's Memory ครับ ... ใช่ครับ สุ่มนะครับ อาจจะไม่ได้ 100% ดังนั้นควร Quicksave ไว้ก่อนด้วยครับ
3. สุ่มจนกว่าจะได้ข้อความแบบในรูปด้านล่าง
4. กลับไปทำ Religion Check แล้วแลก Stat ตามปกติครับ

https://www.youtube.com/watch?v=ISy1fKM_mWo

ซึ่งจาก Permanent Passive Buffs ทั้งหมดที่กล่าวมา คุณจะมีโอกาสเพิ่ม Cha ได้ +2,+3 และ +4 แต้มเลย ... สำหรับคนงกที่ได้บัฟถึง Cha+4 ก็ให้ปรับ Abilities ตอนเลเวล 1 ให้ Cha เป็น 16 แต้มไปครับ เพราะถ้าคุณมี Cha 17 สุดท้ายคุณก็จะมีแต้ม Cha สูงสุดที่ 24 แต้มอยู่ดีเพราะบัฟมันบวกเกินกว่า 24 ไม่ได้ ดังนั้นเอาไปลงแต้มค่าอื่นคุ้มกว่าครับ

พอถึงจุดนี้ ตอนเลเวล 12 คุณก็จะมี Cha อยู่ที่ 22 หรือ 24 แต้มแล้ว ก็เพียงพอที่จะเล่นบิ้วนี้ได้สบายๆครับ
วิธีการเล่นของบิ้วนี้โดยละเอียด
Role และแนวทางการเล่น
เป็นอีกบิ้วที่เรียกได้ว่ามีแนวทางและโรลการเล่นที่ชัดเจนแบบตะโกนมาเลย ใช่ครับ Offensive Caster สาย AOE แบบแน่นอนที่สุด เพราะเรามีเวทย์ AOE สายธาตุให้เลือกใช้เยอะแยะไปหมด ... แต่บิ้วนี้จะมีความแตกต่างจากบิ้วนักเวทย์ทั่วไปอยู่ครับ เพราะโดยส่วนใหญ่บิ้วสายนักเวทย์ทั่วไปจะกิน Slot เวทย์โหดมาก เรียกได้ว่าเจอไฟท์ใหญ่ 1-2 ไฟท์ก็ใช้เวทย์กันจนง่วง ต้องนอนพักฟื้นแล้ว แต่กับบิ้วนี้เราจะสามารถใช้ Cantrips ในการทำดาเมจได้ครับ เนื่องจาก Cantrips ทั้งหลายไม่ได้ใช้ Slot เวทย์ แถมเอาไว้ใช้กับ Omen ธาตุของ Nimbus เพิ่ม Sorcery Point ได้ ซึ่งไอ้ Sorcery Point นี่ก็สามารถแปลงเป็น Slot เวทย์คืนมาได้อีก อะไรมันจะดีขนาดนี้

มาถึงจุดนี้หลายคนคงสงสัยว่า พี่ครับ แล้วไอ้ Cantrips เนี่ยมันจะแรงและดีขนาดนั้นเลยเหรอ ... กับบิ้วอื่นอาจจะไม่ใช่ แต่กับบิ้วนี้เรามีอุปกรณ์ช่วยเพิ่มดาเมจให้กับเวทย์ฟรีพวกนี้อยู่ครับ แถมเวทย์เหล่านี้ยังมีการปรับเพิ่มดาเมจในตัวมันเองอยู่แล้วตอนเราเลเวล 5 และ 10 (11 สำหรับ Booming Blade) โดยผมจะสรุปดาเมจคร่าวๆให้ดังนี้

เวทย์ Cantrips
ดาเมจ Lv1
ดาเมจ Lv5
ดาเมจ Lv10
ดาเมจ Lv10 + อุปกรณ์และบัฟเต็ม
Fire Bolt
1-10 Fire
2-20 Fire
3-30 Fire
17-44 Fire
Ray of Frost
1-8 Cold
2-16 Cold
3-24 Cold
17-38 Cold
Shocking Grasp
1-8 Lightning
2-16 Lightning
3-24 Lightning
17-38 Lightning
Acid Splash
1-6 Acid
2-12 Acid
3-18 Acid
17-32 Acid
Poison Spray
1-12 Poison
2-24 Poison
3-36 Poison
10-43 Poison
Booming Blade
ดาเมจอาวุธ
ดาเมจอาวุธ + 1-8 Thunder
ดาเมจอาวุธ + 2-16 Thunder
ดาเมจอาวุธ + 9-23 Thunder (อัพตอน Lv11)
Eldritch Blast
1-10 Force
2-20 Force
3-30 Force
24-51 Force

จากตารางจะเห็นได้ว่า Cantrips เราจะรุนแรงขึ้นมากเมื่อเราบวกโบนัสจากอุปกรณ์แล้ว เพราะเสื้อ Potent Robe จะทำให้เรา +Cha Modifier (ในบิ้วนี้คือ 7 แต้ม) ลงไปในดาเมจของ Cantrips โดยตรงทุกอันเลย ... และสำหรับสายธาตุทั้ง 5 แบบ คือ Acid, Cold, Fire. Lightning และ Thunder จะได้ +Cha Modifier เข้าไปอีก 7 แต้มจากสร้อยคอ Necklace of Elemental Augmentation ทำให้เหล่า Cantrips สายธาตุจะได้ดาเมจบวกเพิ่มถึง 14 หน่วยฟรีๆเลย ทำให้มีดาเมจสูงพอที่จะใช้จัดการศัตรูกระจอกๆได้ในทีสองทีเลยครับ ดังนั้นแม้คุณจะไม่เหลือ Slot เวทย์แล้ว แต่คุณก็สามารถต่อสู้ได้ต่อด้วย Cantrips และ Nimbus แค่อาจจะไม่ได้เต็มประสิทธิภาพเท่านั้นเองฮะ

การเตรียมพร้อมแบบ Step by Step
1. กินยา Elixir of Bloodlust
สรรพคุณตามที่แจ้งไว้แล้ว การได้ Action Point คืนในเทิร์นๆนึงนี่คือ Overpower มากๆครับสำหรับสายนี้ เพราะเราจะร่ายเวทย์เพิ่มได้อีก 1 ครั้งเลย
2. ร่ายบัฟ Mage Armour / Aid และอื่นๆให้พร้อม
หลัง Long Rest ควรร่ายบัฟที่อยู่ยาวๆพวกนี้ให้ครบครับ เพราะอย่าลืมว่าเราตัวบางมาก การมีบัฟพวกนี้ รวมทั้ง Warding Bond ก็จะช่วยเราให้รอดจากอันตรายได้มากๆเลยล่ะ
3. เปิดโหมดธาตุที่ต้องการ ของสกิล Kereska's Favour จากไม้เท้า
เพื่อเพิ่มดาเมจธาตุนั้นๆอีก 4 หน่วย (+Proficiency) และเพิ่มสถานะพิเศษของธาตุนั้นๆลงในการร่ายเวทย์ของเราด้วย ถ้าไม่รู้เลือกอะไร ผมแนะนำให้เลือก Bone-shaking Thunder เพื่อเอาเวทย์ Destructive Wave มาใช้ แถมยังทำดีบัฟ Reverberation ใส่ศัตรูได้อีกด้วย ... สามารถเปลี่ยนได้และรีเวทย์ฟรีให้ใช้งานได้ทุกๆ Short Rest ครับ
4. ใช้สกิล Bind Hexed Weapon ใส่อาวุธหลักที่จะใช้ (ในบิ้วนี้คือ Markoheshkir)
เพื่อให้ดาเมจเราทะลุ Resistance ปกติ และใช้ Cha Modifier แทน Dex ครับ ถ้าคุณจะใช้ Booming Blade บ่อยๆ อันนี้สำคัญอยู่นะ ... แต่ที่ดีมากๆคือ ศัตรูจะปลดอาวุธเราออกไม่ได้ครับ
5. ใช้สกิล Hound of Ill Omen เรียก Nimbus ออกมาไว้ใช้งาน
ลืมอะไรลืมได้ แต่ห้ามลืมน้องหมาคู่ใจของเราครับ (ขอโทษนะ Scratch ฉันมีลูกรักตัวใหม่แล้ว)
6. ก่อนเข้า Combat ให้ร่าย Haste ใส่ตัวไว้ (Optional)
จริงๆอันนี้จะร่ายหรือไม่ก็ได้ครับ แต่ถ้าร่ายไว้จะได้ Action Point เพิ่ม 1 แต้มทันที ถ้ารวมกับผลของข้อ 3 ก็หมายความว่าคุณสามารถร่ายเวทย์ได้ 3 ครั้งใน 1 เทิร์นเลย

การใช้งานบิ้วนี้ในการต่อสู้แบบ Step by Step
จริงๆอันนี้แทบไม่ต้องเขียน เพราะเราก็แค่ใช้เวทย์โจมตีศัตรูให้วอดวายแค่นั้นเอง แต่ไหนๆแล้วก็เขียนไว้เป็นแนวทางหน่อยก็แล้วกันครับ 555
1. ใช้เวทย์โจมตีศัตรูเป็นวงกว้าง หรือเวทย์ Cantrips ในการจัดการศัตรูรายตัว
อันนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และตำแหน่งของศัตรู (และพวกเราเอง) ด้วยครับว่าจะเหมาะกับการใช้เวทย์ไหน หากศัตรูอยู่แยกกันเยอะๆ ก็อาจจะใช้เวทย์วงกว้างมากๆอย่าง Destructive Wave แต่ถ้าศัตรูอยู่กระจุกกันเป็นก้อนก็อาจะใช้ Cone of Cold ยิงใส่แทน หรือถ้ามีศัตรูไม่กี่ตัว ก็อาจจะใช้แค่ Cantrips แบบ Twinned Spell ยิงใส่ศัตรูสองตัวก็ได้ ซึ่งส่วนนี้แล้วแต่การตัดสินใจของคุณเลยครับ
2. ให้ Nimbus คอย Tank พวกระยะประชิด และกัดศัตรูให้ติด Omen ธาตุ
อันนี้เป็นขั้นตอนสำคัญอยู่ เพราะศัตรูระยะประชิดจะแพ้ทางน้องหมาเรามาก เรียกได้ว่าโจมตีมั่วๆนี่ได้เจอหมาหมู่รุมกระทืบแน่ๆ แต่ที่สำคัญกว่าคือ การทำให้ศัตรูติด Omen ธาตุครับ
3. ใช้เวทย์หรือ Cantrips ธาตุต่างๆโจมตีศัตรูที่ติด Omen ธาตุนั้นๆเพื่อเก็บแต้ม Sorcery Point
ง่ายๆครับ ถ้าศัตรูติด Omen of Cold ก็ใช้ธาตุน้ำแข็งยิงใส่ ถ้าไม่อยากเปลือง Slot เวทย์เราก็มี Cantrips เวทย์แทบทุกธาตุอยู่แล้ว
4. ฆ่าศัตรูให้ได้อย่างน้อย 1 ตัวเพื่อให้ผลของยา Bloodlust ทำงาน
จริงๆอันนี้ควรอยู่ข้อแรกๆ แต่ไม่เป็นไร ยังไงก็ควรทำเพื่อเอา Action Point ฟรี 1 แต้มครับ
5. เก็บกวาดศัตรูที่เหลือให้หมด
เน้นการเก็บศัตรูกระจอกๆก่อนก็ได้ครับ เพราะตัวเวทย์เราจะมีความเป็น AOE สูงกว่าบิ้วอื่นๆ ทำให้กวาดล้าง Mob ได้ง่ายกว่าบิ้วอื่นๆมาก แล้วก็ค่อยยกพวกบอสให้พวก DPS แบบ Single Target หรือน้องหมา Nimbus เราจัดการต่อก็ยังได้

จริงๆแล้ว บิ้วนี้คุณสามารถเล่นโดยใช้สกิล Eyes of the Dark: Darkness สร้างวงแห่งความมืดแล้วจัดการศัตรูก็ได้นะครับ แต่เนื่องจากมันต้อง Concentrate เลยอาจจะทำให้ไปทับซ้อนกับ Haste ได้ เลยทำให้เลือกใช้ได้แค่อันใดอันหนึ่ง ยกเว้นว่าคุณจะมีเพื่อนอีกคนร่าย Haste ให้ครับ ซึ่งถ้าเทียบกันในแง่ของดาเมจแล้ว การใช้ Concentrate กับ Haste นั้นเห็นผลดีกว่ามากๆครับ

แนวทางการอัพเลเวลและไอเท็มก่อน Endgame
เนื่องจากมีหลายๆท่านถามเข้ามาเรื่องไอเท็มที่สามารถใช้ได้จาก Act 1 และ Act 2 เพราะยังไปไม่ถึง Endgame ใน Act 3 พร้อมทั้งมีหลายๆท่านถามเรื่องการอัพหรือรีคลาสในช่วงเลเวลนั้นๆ ผมเลยขอทำหมวดนี้เพิ่มให้เพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นให้กับผู้ที่สนใจเอาไปปรับใช้กันนะครับ

แนวทางการอัพเลเวลในแต่ละขั้น
ในไกด์ของผมส่วนใหญ่จะเป็นการอัพเลเวลยาวๆไปจนเลเวล 12 เลย ทำให้หลายๆท่านที่เล่นตั้งแต่แรกเริ่ม อาจจะใช้บิ้วนี้ได้ไม่เต็มที่ ผมเลยขอทำตารางแนะนำแนวทางการอัพเลเวล พร้อมเหตุผลคร่าวๆมาให้เป็นทางเลือกสำหรับคนที่เริ่มเล่นและเติบโตไปพร้อมกับบิ้วนี้ครับผม

LEVEL
แนวทางการอัพเลเวล/Respec
เหตุผลคร่าวๆในการอัพ/Respec
1
Sorcerer 1
-
2
Sorcerer 2
เพื่อเอาสกิล Metamagic 2 อย่าง
3
Sorcerer 3
เพื่อเอาสกิล Metamagic อีก 1 อย่าง
4
Sorcerer 4
เพื่อเอา Feat แรก
5
Sorcerer 5
-
6
Sorcerer 6
เพื่อให้ได้สกิล Hound of Ill Omen
7
Sorcerer 7
-
8
Sorcerer 8
เพื่อเอา Feat ที่สอง
9
Sorcerer 9
-
10
Sorcerer 10
เพื่อเอาสกิล Metamagic อีก 1 อย่าง
11
Sorcerer 11
เพื่อให้ได้สกิล Shadow Walk
12
Sorcerer 11 / Warlock 1
เพื่อเอา Cantrips ที่เหลือและ Bind Hexed Weapon มาใช้งาน

ไอเท็มและอุปกรณ์ทางเลือกก่อนถึง Endgame
ในส่วนนี้มีคนต้องการเยอะครับ สำหรับบางบิ้วนั้นจะเทพได้ก็ต่อเมื่อมีของ Endgame เท่านั้นจริงๆ ... แต่ผมจะพยายามหาทางอุปกรณ์ทางเลือกมาแนะนำให้ทุกท่านได้เอาไว้ใช้งานก่อนมีของเทพละกัน สำหรับใครที่อยากรู้ข้อมูลของอุปกรณ์แต่ละชิ้น ลองเอาชื่อไป Search หาใน https://bg3.wiki/ ได้เลยครับ

ประเภทอุปกรณ์สวมใส่
ACT1
ACT2
ACT3
หมวก/ส่วนหัว
Cap of Curing
Helmet of Arcane Acuity
Birthright
ผ้าคลุม
The Deathstalker Mantle (ถ้ามี Dark Urge)
Cloak of Elemental Absorption
Cloak of The Weave
เสื้อ/ชุดเกราะ
The Protecty Sparkswall
Potent Robe
Potent Robe
ถุงมือ
Gloves of Belligerent Skies
Gloves of Belligerent Skies
Helldusk Gloves
รองเท้า
Boots of Stormy Clamour
Boots of Stormy Clamour
Helldusk Boots
สร้อยคอ
Necklace of Elemental Augmentation
Necklace of Elemental Augmentation
Necklace of Elemental Augmentation
แหวนวงที่ 1
Crusher's Ring
Ring of Mental Inhibition
Ring of Mental Inhibition
แหวนวงที่ 2
The Sparkswall
Crusher's Ring
Ring of Feywild Sparks
อาวุธ Melee มือหลัก
The Spellsparkler
Mourning Frost
Markoheshkir
อาวุธ Melee มือรอง
Adamantine Shield
Ketheric's Shield
Ketheric's Shield
อาวุธ Range
Sharran Crossbow
Darkfire Shortbow
Hellrider Longbow

บิ้วนี้เรียกได้ว่า อัพเหมือนการเล่น Sorcerer แบบ Single Class ได้เลยเพราะมา Multiclass เอาตอนท้ายๆแล้ว แต่ก็นั่นแหละครับ ด้วยความที่เป็นนักเวทย์เกือบเพียวๆ ทำให้ช่วงต้นเกมอาจจะเล่นลำบากกว่าบิ้วอื่นๆ เพราะต้องคอยอยู่แนวหลังเนื่องจากตัวเราบางและเข้าปะทะศัตรูประชิดแทบไม่ได้เลยครับ แถมใน Act 1 เวทย์ดีๆก็ยังไม่มี Cantrips ก็ยังไม่แรง ก็เรียกได้ว่า สตาร์ทเครื่องช้าตามสไตล์นักเวทย์เลย

พอมาช่วง Act 2 ที่ของเราเริ่มพร้อม และเมื่อเราได้ Potent Robe กับสร้อย Necklace of Elemental Augmentation มาแล้ว ก็จะสามารถใช้ Cantrips สายธาตุทำดาเมจกับศัตรูรายตัวเพื่อประหยัด Slot เวทย์ได้ แถมช่วงนั้น เราจะเริ่มมีเวทย์ AOE ธาตุต่างๆแบบดาเมจโหดๆมาให้ใช้กัน พร้อมกับสกิลเรียกน้องหมา Nimbus คู่ใจที่จะช่วยให้เราได้เปรียบในช่วง Act 2 นี้ด้วย ทำให้บิ้วนี้เริ่มออกลายความเป็น Offensive Caster สาย AOE เต็มๆเลยครับ

สุดท้าย พอเข้า Act 3 จนได้ของเทพครบทั้งชุดแล้ว (โดยเฉพาะไม้เท้า Markoheshkir) ก็เรียกได้ว่าถึงจุดที่ไม่มีใครหยุดเราได้ละ เพราะมีเวทย์ให้เลือกใช้ได้หลากหลายสุดๆ บวกกับ Sorcery Point จำนวนมาก แถมมี Metamagic ที่ใช้งานได้ในแทบทุกสถานการณ์ ทำให้บิ้วนี้เป็นสายเวทย์ AOE เน้นดาเมจธาตุที่โหดมากๆครับ แม้จะไม่ได้แรงจนน่ากลัวแบบบิ้ว 001 หรือ 019 ที่เน้นทำดาเมจเป็นธาตุนั้นๆไป แต่บิ้วนี้จะเน้นความสามารถในการทำดาเมจธาตุที่หลากหลายและรุนแรงแทน ... ยังไงก็ตาม ด้วยความที่เป็นนักเวทย์ ก็ควรจะอยู่แนวหลังเป็นหลักนะ เพราะเราไม่ได้มี AC สูงพอจะไปยันกับพวกสายต่อสู้แนวหน้าได้อยู่ดีครับ
Conclusion
เป็นยังไงกันบ้างครับ กับบิ้วสายเวทย์บิ้วแรกหลัง Patch 8 นี้ ตอนแรกผมเองก็กะว่าจะทำบิ้วสายที่เน้นเล่นกับความมืดของ Shadow Magic อยู่ ... แต่ทำไปทำมา เห้ย! ไอ้แนว Elemental Powerhouse แบบนี้มันให้ความรู้สึกเป็นนักเวทย์สายบู๊มากกว่าเยอะเลยแฮะ 555+

ก็หวังว่าจะพอเป็นไอเดียให้หลายๆท่านเอาไปปรับใช้ในการบิ้วเล่นกันได้นะครับ แม้บิ้วนี้จะไม่มีดาเมจรุนแรงเท่าบิ้วอื่นๆที่ผ่านมา แต่ในแง่ของการทำดาเมจแบบ AOE นี่เรียกได้ว่าที่สุดในรุ่นเลย เพราะ Shadow Magic ของ Sorcerer นั้นมีแต่สกิลดีๆที่เรียกได้ว่า เป็น Subclass ใหม่ที่ OP ไม่แพ้ Hexblade เลยล่ะ แถมยังมีน้องหมา Nimbus คอยช่วยทำดาเมจและเพิ่ม Sorcery Point ให้เราได้อีกด้วย ... ยังไงช่วงนี้โควิดกลับมาระบาดกันอีกครั้งแล้ว ใครที่เล่นเกมหนักๆ ก็อย่าลืมพักผ่อนและดูแลสุขภาพกันด้วยนะครับทุกท่าน

ขอให้ทุกคนสาดเวทย์มนต์สายธาตุใส่มวลศัตรูกันอย่างสนุกสนาน แล้วพบกันใหม่บิ้วไกด์หน้าครับผม
Bonus รวมคลิปการบิ้ว วิธีเล่น และเทสรัน
สำหรับใครที่ขี้เกียจอ่านเรียงความยาวๆของผมนะครับ ลองดูในคลิปด้านล่างได้เลย ผมทำเผื่อไว้ให้แล้ว ... สามารถพูดคุยสอบถามได้จากในคลิปหรือในไกด์นี้ได้เลยนะครับ

คลิปการทำบิ้วตั้งแต่ Level 01-12


คลิปวิธีเล่นแบบคร่าวๆและอุปกรณ์ที่ใช้


คลิป Tactician Solo Test Run

Link Guide&Build อื่นๆที่ผมได้ทำไว้
สำหรับใครที่ขี้เกียจเลื่อนหา หรืออาจจะหาไกด์ไหนไม่เจอ ลองกดไปดูในสารบัญรวมเล่มนี้ได้เลยครับ
https://test-steamproxy.haloskins.io/sharedfiles/filedetails/?id=3140547253