Baldur's Gate 3

Baldur's Gate 3

Not enough ratings
[BG3] Build#037 บิ้วองครักษ์ผู้พิทักษ์แห่งแสงสว่าง
By Kingreader-K
บิ้ว Endgame (Act 3 Lv12) สำหรับผู้ที่อยากได้บิ้ว Bodyguard ผู้พิทักษ์เพื่อนในทีมด้วยแสงสว่าง และทำดีบัฟใส่ศัตรูที่ใจกล้าพอจะเข้ามาใกล้ โดยไกด์นี้ จะอธิบายการทำบิ้ว, อุปกรณ์ที่จำเป็น, และวิธีการเล่นให้อย่างละเอียดระดับโมเลกุล

อ้างอิงจากเกม Version 4.1.1.6848561 (Patch 8 Hotfix 32)
   
Award
Favorite
Favorited
Unfavorite
Introduction & Overview
คุณเบื่อที่จะเล่นเป็นตัวหลักแล้วอยากเล่นเป็นบอดี้การ์ดให้ตัวหลักแทนมั๊ย?
คุณชอบเล่นบิ้วพาลาดิน ผู้ผดุงความยุติธรรม สมเป็นอัศวินแห่งแสงหรือไม่?
และคุณอยากได้บิ้วที่ทั้งบัฟเพื่อน ทั้งทำดีบัฟใส่ศัตรู แถมยังทำดาเมจได้ด้วยมั๊ย?


สวัสดีเพื่อนๆผู้มีความชอบแบบเดียวกันอีกครั้ง วันนี้ผม Kingreader-K จะหวนกลับมาแนะนำทุกท่านให้รู้จักกับอีกหนึ่งบิ้วสายเมนของผม ใช่แล้วครับ Paladin นั่นเอง!!!

คนที่เคยเล่น Paladin มาจะพอรู้อยู่แล้วว่า คลาสที่คนชอบเล่นอันเดับหนึ่งในเกมนี้ (ไม่อวยเลยเนาะ 5555) เป็นคลาสที่ทรงพลัง (และกิน Slot เวทย์) มากๆ ตั้งแต่ต้นเกมยันท้ายเกมกันเลยทีเดียว เพราะสกิล Divine Smite ที่ได้มาตั้งแต่เลเวล 2 ทำให้ดาเมจรุนแรงตั้งแต่เริ่มๆเกม แต่นอกจากความโหดในการโจมตีประชิดแล้ว ยังมีเวทย์สายบัฟและสกิลฮีลที่ดีอย่าง Lay on Hands ด้วย แถมเรื่องของการโรลเพลย์นั้นก็เป็นเบอร์หนึ่งเลยครับ เพราะมีกฎและคำสัตย์ที่ต้องรักษาให้ได้ ไม่งั้นก็จะต้องกลายเป็นอัศวินสายมืดผู้ตระบัดสัตย์แทน อารมณ์เหมือนๆ Jedi & Sith ของ Star Wars อะไรแบบนี้เลยล่ะ

ซึ่งใน Patch 8 ก็ได้เพิ่ม Subclass ใหม่ของพาลาดินมา จากการดูข้อมูลแรกๆแล้ว ผมรู้สึกว่า มันไม่ได้น่าสนใจเท่าไหร่เลยแฮะ เทียบกับ 4 Subclass เก่าคือดูมีสกิลและรูปแบบการเล่นน่าสนใจกว่ามาก อย่าง Oath of Devotion นี่ก็คนดีระดับทันจิโร่ สายปกป้องคนดี อภิบาลคนชั่ว ขั้วตรงข้าม Dark Urge มาเลย, Oath of the Ancients ก็รักษาความเป็นธรรมชาติไม่ฝืนกฎ และก็มีสกิลฮีลและออร่าบัฟที่โหดสุดๆ, Oath of Vengeance เองก็เป็นอัศวินสายแค้นนี้ต้องชำระ ไม่ปล่อยให้ความชั่วร้ายมากระทำคนดีแล้วลอยนวลอีกต่อไป แม้กระทั่ง Oathbreaker เองก็ดูเป็นอัศวินผู้ละทิ้งและไม่เชื่อมั่นในศรัทธาเก่า หันไปพบพลังใหม่ของด้านมืดแทน ... แหม่ แค่ว่ามานี่ก็บทละครชัดๆ แต่สำหรับ Oath of the Crown ที่เป็นแบบอัศวินผู้รักษากฎหมายบ้านเมืองและปกป้องประชาชนนี่ก็แบบ อะไรอ่ะ ตำรวจเหรอ ผมเลยรู้สึกว่ามันไม่ได้มีความลึกให้โรลเพลย์เท่าอันอื่นครับ

แต่พอมาดูสกิลและเวทย์แบบละเอียกแล้วก็พบว่า เห้ย ไอ้ Subclass นี้มันไม่ได้เก่งอะไรมากก็จริง แต่มันก็สามารถเล่นสายบอดี้การ์ดปกป้องคนสำคัญ ทำดาเมจได้ตามมาตรฐานพาลาดิน ทำบัฟให้เพื่อน หรือทำดีบัฟใส่ศัตรู และที่สำคัญที่สุด ได้เวทย์ดีๆของฝั่ง Cleric มาเล่นสองอย่างด้วย ซึ่งก็คือ Spiritual Weapon และ Spirit Guardians ... ใช่ครับ สำหรับคนที่ชอบเล่นเวทย์ Spirit Guardians วิ่งลากศัตรูแต่รู้สึกว่าการเล่น Cleric มันอ่อนกว่าชาวบ้าน นี่เป็นหนทางใหม่ของคุณแล้ว เพราะ Paladin จะมากลบจุดอ่อนของ Cleric จนเกลี้ยงทำให้ได้บิ้ววิ่งลาก Spirit Guardians แบบที่ทำได้แทบทุกอย่างมาเลยล่ะ

คิดสภาพดูว่า ถ้าแค่คุณเดินผ่านศัตรูก็ติดดีบัฟเป็นแถบๆ แถมยังทำดาเมจแสงด้วย Divine Smite หลังโจมตีระยะประชิดได้อีก ว่าแล้วเราก็ไปดูรายละเอียดของบิ้วนี้กันเลยดีกว่าครับ

การสร้างตัวละครที่ Level 01
Paladin Lv1

Origin/Race/Sub-Race - อันนี้ผมแนะนำเผ่า Tiefling Sub-Race: Zariel Tiefling เลยครับ เพราะตอนเลเวล 3 และ 5 จะได้สกิล Smite ฟรีมา (Searing Smite และ Branding Smite) ซึ่งมีประโยชน์ในการทำดาเมจเพิ่มตอนเราหมด Spell Slot แล้ว ... แต่สุดท้าย ก็อยู่ที่ความพอใจของเราเลยครับ เลือกเล่นเผ่าไหนก็ได้ตามใจชอบ

Class - Paladin เพราะต้องการ Proficiency Saving Throw ของ Wis และ Cha แุถมเรายังได้สกิลฮีลอย่าง Lay on Hands มาตั้งแต่ต้นเกมเลยด้วย


Subclass - Oath of the Crown เลยครับ ของใหม่ก็ต้องเอามาใช้งานกันหน่อย โดยเราจะได้สกิลเพิ่มมาด้วยนั่นคือ
> Righteous Clarity - ใช้ Bonus Action และ Channel Oath Charge เพิ่มโบนัสเท่ากับ Proficiency ให้กับ Attack Rolls ของเราหรือเพื่อนคนนึงได้ 10 เทิร์น เป็นอีกสกิลที่ใช้ดีตั้งแต่ต้นเกมยันท้ายเกมเลยครับ


Abilities - โดยปกติอันนี้จะมี 2 กรณีนะครับ กรณีแรกคือคนที่เริ่มเล่นจากเวลแรกๆ ให้อัพเน้น Str, Con, Cha ไปก่อน จะเท่าไหร่ก็ได้แล้วแต่สะดวกเลย กรณีที่สองคือตอนที่คุณมีของพร้อมแล้ว ก็มาอัพตามตารางด้านล่างนี้ครับ โดยผมจะแบ่งเป็นสองแบบแนะนำให้เช่นเดิม

Abilities
Score แบบมีของพร้อม
Score แบบเพิ่งเริ่มเล่น
Strength
8
16
Dexterity
16
10
Constitution
8
16
Intelligence
10
8
Wisdom
14
10
Charisma
17
14

Skills - อะไรก็ได้เลยครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 02
Paladin Lv2

ในเลเวลนี้เราจะได้ Divine Smite มาใช้แล้ว สำหรับใครที่อยากรู้รายละเอียดของสกิลนี้ ผมจะขอยกคำอธิบายจากบิ้ว 002 ของผมมาเลยนะครับ

Divine Smite
สกิลสายโจมตีที่ไม่นับเป็นเวทย์มนต์ ... ใช่ครับ คุณใช้สกิลนี้ได้ตอนอยู่ในวง Silence แต่มันก็ยังกิน Spell Slot อยู่ดีนะ (อย่าถามผมว่าทำไม ผมไม่รู้ 555) ซึ่งจะทำดาเมจตามดาเมจของอาวุธที่ถือ +2-16 ดาเมจแสง (เพิ่ม 1-8 หน่วยทุกๆเลเวลของ Slot เวทย์ที่ใช้) และยังมีโบนัสดาเมจแสงอีก 1-8 หน่วย ถ้าคุณใช้ใส่ศัตรูที่เป็น Undead หรือ Fiend

แต่ไม่ใช่แค่นั้น สิ่งที่ทำให้ Divine Smite โหดเหี้ยมกว่าสกิลอื่นคือ มันสามารถเป็น Reaction: On Hit หรือ Critical Hit ได้ครับ ... หมายความว่า ถ้าคุณตีธรรมดาหรือด้วยสกิล Smite อื่นๆ คุณสามารถเพิ่มดาเมจด้วย Divine Smite ได้อีก (แต่เปลือง Spell Slot เหมือนเดิมนะ) ... ทำให้ Paladin เป็นคลาสที่ทำดาเมจใส่ศัตรูตัวเดียวได้สูงมากๆครับ ในแพทช์เก่าๆ เราสามารถ Divine Smite ซ้อน Divine Smite เวลสูงๆได้ แต่ในแพทช์ปัจจุบัน ไม่สามารถทำได้แล้วครับ แถมยังเนิร์ฟดาเมจไม่ให้เกิน 5-40 อีก ... เอาน่ะ โหดเกินไปเดี๋ยวเกมจะไม่มันส์เอาเนาะ


Fighting Style - บังคับเลือก Defence ครับ เพราะจะเพิ่ม AC+1 ให้เราทันทีเมื่อเราใส่เกราะ ของดีสำหรับทุกบิ้วที่ใส่เกราะได้เลย


Prepare Spells - อันนี้ผมไม่อธิบายละกันนะ ก็เลือกอันที่ชอบเตรียมไว้ หรือจะเอาไว้ไปเลือกหลังเลเวลอัพเสร็จก็ได้ครับ
การอัพเกรดตัวละครที่ Level 03
Paladin Lv3

ในเลเวลนี้ก็ไม่มีอะไรมากครับ ไม่ต้องเลือกอะไร โดยเราจะได้ สกิลที่มีประโยชน์มา นั่นก็คือ Divine Health ครับ ที่จะทำให้เรามีความต้านทานโรคหรือ Disease ทั้งหมด ทำให้เราไม่สามารถโดน Disease ใดๆได้ ก็ถือว่าคุ้มค่าสำหรับสกิลของคลาสเวล 3 นี้ครับ


นอกจากนั้นสำหรับ Oath of the Crown จะได้ Class Action และ Oath Spells ที่สำคัญเพิ่มมาด้วยนะ

> Turn the Tide - ใช้ Bonus Action และ Channel Oath Charge ในการฮีลคนที่ไม่ใช่ศัตรูทุกคนในระยะ 9 เมตร เป็นเวทย์ฮีลสำรองที่ดีครับ เพราะใช้แค่ Bonus Action กับ Channel Oath Charge เองด้วย

> Champion Challenge - ใช้ Bonus Action และ Channel Oath Charge ในการท้าทายศัตรูทุกตัวในระยะ 9 เมตรใมห้มาโจมตีเรา หากศัตรูโจมีคนอื่นที่ไม่ใช่เราจะติด Disadvantage มีผลเป็นระยะเวลา 10 เทิร์นหรือจนกว่าศัตรูจะเดินออกจากระยะ 9 เมตรของเรา ... เป็นอีกหนึ่งสกิลดึงดูดความสนใจและทำดีบัฟ Disadvantage ใส่ศัตรูที่ดีมากๆอันนึงในช่วงต้นเกมครับ


ส่วน Oath Spells ที่จะเป็น Always Prepare นั้นจะได้เป็น Command และ Compelled Duel ที่ปกติ Paladin ก็มีให้ใช้อยู่แล้ว แต่อันนี้จะไม่กินพื้นที่ความจำ ก็ถือว่าเป็นกำไรเล็กน้อยให้บิ้วนี้ครับ 5555+

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 04
Paladin Lv4

Feat - มาถึงการเลือก Feat แรกบ้าง จริงๆคุณสามารถเลือก ASI เพิ่ม Cha+2 แต้มก็ได้ แต่ผมแนะนำให้เลือกอันนี้ก่อนครับ

Savage Attacker
เป็น Passive ที่สายโจมตีประชิดควรต้องมีเลยครับ เพราะเมื่อเราโจมตีด้วยอาวุธประชิด เราจะ Roll ดาเมจสองรอบ แล้วใช้แต้มที่สูงที่สุด (คล้ายๆ Advantage) ซึ่งมีผลกับ Smite ทั้งหลายด้วยนะ สำหรับสายโจมตีประชิดแล้ว อันนี้คือ Must Have ครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 05
Paladin Lv5

ในเลเวลนี้ เราจะได้ Extra Attack มาแล้ว ทำให้เราสามารถโจมตีศัตรูได้ 2 ครั้ง/ 1 Action Point เป็นจุดเปลี่ยนสำหรับสายต่อสู้เลยครับ เพราะทำให้ Damage Output สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด


แม้ในเลเวลนี้เราจะไม่ต้องเลือกอะไรมาก แต่เราจะได้ Oath Spells มาอีก 2 อัน คือ Warding Bond ที่เอาไว้ใช้สำหรับแบ่งรับดาเมจให้เพื่อนคนอื่น (ใครที่เคยเล่น Honour Mode แรกๆน่าจะได้ใช้กันบ่อยๆอยู่นะ) ... และอีกเวทย์ที่มีประโยชน์คือ Spiritual Weapon ที่ใช้เพียง Bonus Action ในการเรียกอาวุธเวทย์มนต์ที่สามารถทำดาเมจแบบ Force ใส่ศัตรูได้ แถม Tank ให้ทีมได้ด้วย เรียกว่าใช้ได้ดีในช่วงแรกๆของเกมเลย

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 06
Paladin Lv6

ในเลเวลนี้เราจะได้สกิลพิเศษอย่างนึงของคลาสนี้ นั่นคือ Aura นั่นเองครับ โดยสกิลพวก Aura ของ Paladin จะมีผลอยู่แบบ Permanent หรืออยู่ยาว จนกว่าตัวเราจะเดี้ยงไป อันนั้นก็มาร่ายเปิดออร่าใหม่ครับ แถมยังร่ายได้ฟรีๆไม่เสีย Spell Slot อะไรแต่อย่างใด ... แต่ข้อเสียคือ ออร่าจะมีผลกับตัวคุณและเพื่อนๆในระยะรัศมีรอบตัวคุณแค่ 3 เมตรเท่านั้น ซึ่งตัวคุณจะได้ผลของออร่าแน่นอน 100% แต่ถ้าอยากให้เพื่อนได้ผลด้วย ต้องเข้าไปใกล้มากๆครับ

และในเลเวลนี้เราจะได้ออร่าแรกมา นั่นก็คือ...

Aura of Protection
เมื่อเปิดออร่า จะทำให้เราและเพื่อนในระยะ 3 เมตรได้โบนัสค่า Saving Throw เพิ่มเท่ากับ Cha Modifier ของตัวละครเรา เช่น ถ้าคุณมี Cha 22 แต้ม (Modifier+6) จะได้ Saving Throw+6 มาฟรีๆ ซึ่งก็เป็นโบนัสที่เยอะนะครับ บางครั้ง อาจจะช่วยให้คุณ Saved ผ่านท่าโหดๆได้เลย ถือว่าเป็นออร่าที่มีประโยชน์มากๆฮะ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 07
Paladin Lv7

ในเลเวล 7 นี้โดยปกติ Subclass อื่นๆจะได้ออร่าอีกอันที่โหดๆมา เช่น Oath of Devotion จะได้ Aura of Devotion ที่ช่วยป้องกันเราและเพื่อนไม่ให้ติดสถานะ Charmed ได้, Oath of the Ancients จะได้ Aura of Warding ที่ทำให้เราและเพื่อนโดนดาเมจเวทย์ได้เบาลงครึ่งนึงเหมือนมี Resistance เรียกได้ว่าโหดสุดในสายป้องกันแล้ว แม้แต่ Oathbreaker ก็ยังได้ Aura of Hate ที่จะบวก Cha Modifier ของเราให้กับดาเมจของอาวุธเราและ Undead รอบๆตัวเราในระยะ 3 เมตร (รวมทั้งศัตรูด้วย) ซึ่งก็เป็นอีกออร่าสายโจมตีที่โหดมากๆเช่นกันครับ

แต่ใน Oath of the Crown จะได้สกิลที่แตกต่างกันออกไป นั่นคือ ... Divine Allegiance ที่เมื่อเพื่อนเราในระยะ 1.5 เมตรโดนดาเมจ เราจะสามารถใช้ Reaction เพื่อฮีลเพื่อน แลกกับให้ตัวเราโดนดาเมจแสงแทน (ความแรงในการฮีลและดาเมจแสง เท่ากับ 2 คูณเลเวลของ Paladin ของเรา) ซึ่งอันนี้ผมก็หาวิธีใช้มันไม่ค่อยได้ครับ เพราะนอกจากจะไม่ค่อยได้ฮีลเพราะเพื่อนไม่โดนดาเมจแล้ว ในช่วงหลังๆของเกมนี่ก็แทบจะไม่ได้ยืนตัวติดๆกันเท่าไหร่ ทำให้ใช้สกิลนี้ได้ยาก ... แต่สำหรับการโรลเพลย์แบบ Bodyguard เป็นองครักษ์ให้คนสำคัญ ก็อาจจะสามารถยืนข้างๆเพื่อใช้สกิลนี้ช่วยฮีลเพื่อนได้ครับ ยังไงใครมีวิธีใช้สกิลนี้แบบได้ผลดีๆก็เอามาแบ่งปันกันบ้างนะฮะ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 08
Paladin Lv8

Feat - รอบนี้เลือก Ability Improvement เพิ่ม Cha+2 แต้มไปเลยครับ ถ้ารอบที่แล้วคุณเลือกอันนี้ไปก่อน ก็ให้เลือก Savage Attacker แทนนะ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 09
Paladin Lv9

ในเลเวลนี้เราจะได้ Slot และเวทย์เลเวล 3 ของ Paladin มาให้ใช้งานแล้ว รวมถึง Blinding Smite ที่เป็น Smite ที่ไม่ต้อง Concentrate แบบว่า Exclusive สำหรับ Paladin ด้วย (Hexblade ไม่มีท่านี้นะเอ้อ) แถมสามารถเอาไว้ใช้เพื่อตามด้วย Divine Smite เป็น Reaction ต่อได้ด้วย หากมีสกิลบังคับติดคริได้นี่คือจะแรงเอาเรื่องมากๆครับ

แต่ของสำคัญที่เราต้องการจริงๆในเลเวลนี้ คือ Oath Spells ต่างหาก นอกจากเวทย์ Crusader's Mantle ที่ปกติก็อยู่ในรายการเวทย์ของ Paladin อยู่แล้ว เรายังจะได้เวทย์ที่สำคัญอีกอันมา นั่นก็คือ ...

Spirit Guardians
เวทย์เรียกวิญญาณผู้พิทักษ์ (เลือกดาเมจได้ระหว่าง Radiant หรือ Necrotic) มาปกป้องเราเป็น ซึ่งจะทำดาเมจที่เลือกใส่ศัตรูทุกตัวที่อยู่ในระยะ 3 เมตรจากตัวเราได้ 3-24 หน่วย แถมศัตรูจะเดินได้น้อยลงเมื่ออยู่ในรัศมีเวทย์นี้อีก แถมเรายังสามารถเคลื่อนที่ไปมาเพื่อย้ายวงเวทย์ตามตำแหน่งตัวเราได้ เรียกได้ว่าของดีในการทำดาเมจเลย ... แต่เราจะต้อง Concentrate เพื่อคงวงเวทย์นี้ไว้ และเวทย์นี้จะคงอยู่ได้เป็นเวลา 10 เทิร์น ระหว่างใช้ก็พยายามอย่าหลุดสมาธิก็แล้วกันครับ

โดยปกติเวทย์นี้จะใช้ได้เฉพาะ Cleric เท่านั้น แต่ในตอนนี้ Oath of the Crown เลเวล 9 สามารถใช้ได้แล้วเหมือนกัน ทำให้ Subclass นี้มีความสามารถในการทำดาเมจ AOE ได้ดีกว่า Subclass อื่นๆครับ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 10
Paladin Lv10

ในเลเวลนี้เราจะได้ออร่าของ Paladin มาอีกอย่างครับ

Aura of Courage
ออร่าที่จะทำให้เราและเพื่อนในระยะ 3 เมตร ไม่ติดสถานะ Frightened ซึ่งสถานะนี้เป็นสถานะที่โดนแล้วเราจะขยับไม่ได้ แถมติด Disadvantage ใน Attack Rolls อีก ... พอมีออร่านี้ก็บอกลาสถานะสุดน่ารำคาญนี้ได้เลยครับ เรียกว่าเป็นอีกออร่าที่มีประโยชน์มากๆอันนึงเลยล่ะ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 11
Paladin Lv11

ในเลเวลสุดท้ายที่เราจะอัพ Paladin นี้ จะให้สกิลที่มีประโยชน์สำหรับบิ้วนี้มากอีกอย่างนึงครับ

Improved Divine Smite
ทำให้อาวุธประชิดของเราทำดาเมจแสง Radiant เพิ่มได้ 1-8 หน่วย เป็นการเพิ่มดาเมจให้กับการโจมตีประชิดทุกอย่างของเราเลยครับ แม้อาจจะดูไม่ค่อยมีประโยชน์มาก แต่สำหรับบิ้วที่เน้นการทำดาเมจแสงแบบบิ้วนี้ถือว่าเป็นของดีเลยล่ะ

การอัพเกรดตัวละครที่ Level 12
Paladin Lv11 / Warlock Lv1

และในเลเวลสุดท้ายนี้ เราจะ Multiclass ไปหา Warlock กันอีกแล้วเพื่อเอาสกิลสำคัญสำหรับบิ้วนี้ครับ

Subclass - Hexblade เพราะเราจะได้สกิลเทพมาตั้งแต่เลเวลแรก 2 อย่าง ดังนี้

> Bind Hexed Weapon - ทำให้คุณสามารถทำพันธะกับอาวุธที่ถือ ให้ดาเมจกลายเป็น Magical หรือก็คือทะลุ Resistance ทางกายภาพ, โดน Disarm ไม่ได้ (และก็ขว้างหรือ Drop ไม่ได้ด้วยเช่นกัน), ปรับมาใช้ Cha Modifier แทน (เป็นเหตุผลที่ผมแนะนำให้อัพ Cha ไว้เยอะๆ) และสุดท้าย มีโอกาส Fix ที่ 20% เวลาโจมตีศัตรูแล้วจะติด Hexblade's Curse ใส่ศัตรูตัวนั้นๆ ... เห็นข้อดีขนาดนี้แล้ว แถมได้ตั้งแต่เลเวล 1 ด้วย เรียกว่า โกงแบบสุดๆไปเลยล่ะ

> Hexblade's Curse - ใช้ Bonus Action ในการสาป Hexblade's Curse ใส่ศัตรูเป็นเวลา 10 เทิร์น โดยหากคุณโจมตีศัตรูตัวนั้นจะได้โบนัส Attack Rolls เพิ่มเท่ากับ Proficiency ในตอนนั้น (+2 ถึง +4 แต้ม) และหากศัตรูที่โดนสาปตายไปคุณจะได้เลือดสำรองเท่ากับ เลเวล Warlock + Cha Modifier ... ถือเป็นสกิลการสาปที่ดี แต่ใช้ได้ 1 ครั้ง / 1 Short Rest ก็อาจจะดูน้อยไปหน่อย แต่ในเวลาที่คุณต้องการจัดการศัตรูเก่งๆให้ง่ายขึ้น ก็สามารถใช้สกิลนี้ก่อนเข้าโจมตีได้ดีเลยครับ


Cantrips - อันนี้ผมล็อคคอให้เลือก 2 อย่างนี้เท่านั้นครับ

> Booming Blade - Cantrips สำหรับสายโจมตีอันใหม่เอี่ยมอ่องที่เพิ่มเข้ามา โดยโจมตีใส่ศัตรูทำดาเมจปกติ และทำดาเมจ Thunder 1-8 หน่วยอีกทีเมื่อศัตรูเคลื่อนไหว ... ขั้นแรกอาจจะไม่ดีเท่าไหร่ แต่ขั้นอัพเกรดตอนตัวเราเลเวล 5 และ 11 จะเพิ่มดาเมจ Thunder เข้าไปในการโจมตีของท่านี้เลยและเพิ่มดาเมจ Thunder ตอนศัตรูขยับด้วย ... ที่สำคัญ ท่านี้แม้เป็น Cantrips แต่ก็ใช้งานกับ Extra Attack ได้ด้วยนะ เพียงแต่จำกัดการใช้ท่านี้เพียง 1 ครั้งต่อ 1 Action Point เท่านั้น หมายความว่าคุณจะใช้ท่านี้สองครั้งใน 1 Action Point เดียวกันไม่ได้ครับ แต่ถ้าคุณมีหลาย Action Point ก็สามารถใช้ท่านี้ได้หลายครั้งอยู่ครับ

> Eldritch Blast - เป็นเวทย์ Cantrips หรือเวทย์ที่ไม่ใช้ Slot เวทย์ในการร่าย และเป็นเวทย์เฉพาะตัวของคลาส Warlock เลยครับ โดยเวทย์นี้จะยิงลำแสงทำดาเมจ 1-10 หน่วยแบบ Force ใส่ศัตรู ซึ่งมีศัตรูน้อยตัวมากที่มีค่า Resistance ดาเมจแบบนี้ ส่วน Eldritch Blast จะมีการอัพเกรดเหมือน Cantrips อื่นๆที่ตัวละครเลเวล 5 และ 10 ... ย้ำว่าเวลตัวละครนะครับ ไม่ใช่ เวลคลาส ซึ่งไม่ได้อัพเกรดดาเมจเหมือนอันอื่นแต่เพิ่มจำนวนลำแสงที่ยิงเอา
> ตัวละครเลเวล 5 จะยิง Eldritch Blast ได้ 2 เส้น ดาเมจ Force เส้นละ 1-10 หน่วย รวม 2-20 หน่วย
> ตัวละครเลเวล 10 จะยิง Eldritch Blast ได้ 3 เส้น ดาเมจ Force เส้นละ 1-10 หน่วย รวม 3-30 หน่วย
ซึ่งความดีงามของมันคือ แต่ละเส้นสามารถเลือกเป้าหมายได้ตามใจ หมายความว่าคุณจะรัวทั้ง 3 เส้นใส่ศัตรูตัวเดียว หรือจะแบ่งยิงเส้นละตัวทำดาเมจครั้งละ 3 ตัวก็ได้ มันจึงเป็นเวทย์ที่ทั้งดีและยืดหยุ่นมากๆครับ


Spells - ในส่วนของเวทย์ที่ใช้งานนี่ผมขอบังคับให้เลือกเวทย์ Shield ไว้ใช้งานในการป้องกันอันนึง ที่เหลืออีกอันคุณสามารถเลือกได้ตามใจชอบเลยครับ


เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งบิ้วที่ทำง่ายมากครับ เพราะ Paladin เป็น 1 ใน 3 คลาสที่มีเวทย์แบบ Prepared Spells หรือก็คือสามารถเลือกสลับเวทย์ที่จะใช้ได้ในทุกเวลาที่ไม่ได้อยู่ในการต่อสู้ (เหมือน Cleric และ Druid) เป็นข้อดีที่เราไม่จำเป็นต้องเลือกเวทย์ที่ Prepare ไว้ตอนเลเวลอัพก็ได้ สามารถมาเลือกเอาทีหลังได้ครับ

ต่อไป เรามาดูอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับบิ้วนี้กันดีกว่า
Equipment อุปกรณ์สวมใส่ที่จำเป็น
MINOR SPOILER ALERT!!!

สำหรับอุปกรณ์สวมใส่ที่จำเป็นนี่ ยังไงก็คงหลีกเลี่ยงการสปอยได้ยาก ... แต่ก็เช่นเดิม ผมจะทำแถบปิด Spoiler เอาไว้ และจะ Spoil ให้น้อยที่สุดครับ

หากใครกลัวพลาดหรือแค่อยากรู้ว่าชิ้นไหนทำอะไรได้บ้างจริงๆ ให้ข้ามไปดูสรุปข้อมูลได้เลย

Helmet ส่วนหัว/หมวก
Helmet of Arcane Acuity

หาได้จากหีบ Gilded Chest ในพื้นที่ลับของชั้นใต้ดินใน Mason's Guild ที่ Act 2

Cloak ส่วนผ้าคลุม
Cloak of Protection

หาซื้อได้จาก Quartermaster Talli ที่ Last Light Inn ใน Act 2

Armor/Clothing ส่วนเกราะ/ชุด
Luminous Armour

หาได้จากหีบที่ล็อคไว้ใน Selunite Outpost ที่ Underdark ใน Act 1 ... หีบอยู่หลังประตูลับที่ต้อง Perception Check ให้ผ่าน หรือกระโดดขึ้นไปจากด้านล่างแถวห้องที่มี Waypoint

Gloves ส่วนถุงมือ
Gloves of Belligerent Skies

หาได้จาก Crèche Y'llek ใน Act 1 ... ในหีบ Elegant Chest ห้องที่เจอกับ Inquisitor Ch'r'ai W'wargaz (เกลียดการพิมพ์ชื่อไอ้ตัวนี้จริงๆ)

Boots ส่วนรองเท้า
Boots of Stormy Clamour

หาซื้อได้จาก Omeluum ที่ Myconid Colony ใน Underdark Act 1 ... หลังจากที่เราทำเควส Help Omeluum investigate the parasite เสร็จแล้วเท่านั้น

Amulet ส่วนสร้อยคอ
Amulet of Greater Health

ได้จาก House of Hope ใน Act 3 อยู่ในห้องโชว์ Artifact ที่เดียวกันกับ Orphic Hammer

Rings ส่วนแหวน
Band of the Mystic Scoundrel

หาได้จากกระเป๋าในป่าโลกล้านปี ที่เดียวกับที่เราได้สามง่าม Nyrulna โดยเราต้องได้ Jackpot กงล้อของจินนี่ที่ชื่อว่า Akabi ในคณะละครสัตว์ที่ Rivington ใน Act 3 ... โดยเราต้องขโมยแหวนจากมัน เพื่อให้เราสามารถได้แจ๊คพ็อต แล้ว Akabi จะจับได้ว่าเราโกง(ทั้งๆที่มันก็โกง) และจะวาร์ปเราไปในป่าที่เต็มไปด้วยไดโนเสาร์ครับ ให้สำรวจรอบๆดูจะพบกับกระเป๋าที่มีแหวนนี้อยู่ ก็เก็บมาได้เลย อ่อ อีกอย่าง คนที่วาร์ปไปนั้นจะไปคนเดียวและเป็นคนที่ไปหมุนกงล้อ ดังนั้น เลือกคนที่เก่งๆพอจะ Solo ได้นะครับ

Coruscation Ring

หาได้จากหีบ Heavy Chest ในห้องลับชั้นใต้ดินของ Last Light Inn ใน Act 2

Melee Weapon ส่วนอาวุธประชิด
Deva Mace

ไอ้ของลับสุดยอดนี่คือ ต้องติด Tag Must Have เลยครับ หาได้จากชั้นใต้ดินของโบสถ์ Stormshore Tabernacle ใน Act 3
โดยผมจะเรียบเรียงขั้นตอนคร่าวๆ ดังนี้
1. ลงไปชั้นใต้ดินและเปิดหีบขโมยของในนั้นมา เราจะติดคำสาป Castigated By Divinity ... แนะนำว่า อยากได้ไอ้นี่กี่อัน ก็เอาจำนวนคนไปขโมยของในหีบให้ติดคำสาปตามจำนวนที่อยากได้เลยครับ
2. ให้เราใช้เวทย์ Remove Curse ร่ายใส่คนที่ติด Castigated By Divinity (แนะนำว่าให้ทำที่ Camp) มันจะมี Deva ออกมาเป็นศัตรูกับเรา ให้เราฆ่ามันแล้วมันจะมีศพ Deva อยู่ แต่มันจะยังไม่ดรอป Mace ให้เรานะครับ
3. ให้เก็บศพ Deva เข้าตัวมา หลังจากนั้นไปพิมพ์ Search หาคำว่า 'Deva Mace' ในช่องเก็บของ จะเจอเจ้านี่ ก็กดส่งไปให้เพื่อนในทีมแล้วหลังจากนั้นเราจะมี Deva Mace ไว้ใช้เช่นเดิมครับ
อันนี้ถ้าใครสามารถทำได้ก็ให้ทำไว้เลยนะครับ เพราะผมเองก็ไม่แน่ใจว่า เป็น Design ของ Developer เพื่อให้มันเป็นอาวุธลับหรือมันเป็นบั๊กกันแน่ แต่ของชิ้นนี้มันมีใน Database ของเกม ดังนั้น ถ้าได้มาแล้วก็ไม่น่าจะหายครับ แค่ไม่รู้ว่าแพทช์ใหม่ๆหลังจากนี้มันจะปรับในจุดนี้รึป่าวแค่นั้นเอง ซึ่งปัจจุบัน Patch 8 Hotfix 32 ก็ยังทำได้อยู่ครับ


Shield ส่วนโล่
Viconia's Walking Fortress

โล่ที่ดีที่สุดในเกม ดรอปจาก Viconia ที่ House of Grief ใน Act 3 ... โดยถ้าเล่นปกติ เราต้องเลือกฆ่าเธอถึงจะได้ของนะครับ แต่ถ้าจะเลือกปล่อยไปแล้วอยากได้โล่ด้วย หลังจบไฟท์ก่อนคุยให้กดคลิกขวาที่ Viconia แล้วกด Loot ของทั้งหมดมาก่อน จากนั้นค่อยคุยให้ปล่อยไปได้ครับ ผมเทสแล้วว่าสามารถทำได้จริง ณ Patch 6 Hotfix 25

Range Weapon ส่วนอาวุธระยะไกล
Gontr Mael

หาได้จาก Steel Watch Foundry ใน Act 3 … ดรอปจากบอส Steel Watch Titan หลังจัดการแล้วอย่าลืมเก็บมานะครับ เพราะถ้าเราเลือกระเบิดโรงงานแล้วจะกลับเข้าไปอีกไม่ได้แล้วครับ
สรุปความจำเป็นของอุปกรณ์แต่ละชิ้น
Helmet of Arcane Acuity - เมื่อคุณโจมตีด้วยอาวุธโดนศัตรู คุณจะได้บัฟ Arcane Acuity มา 2 เทิร์น (สูงสุดได้ 10 เทิร์น) โดย Arcane Acuity จะเพิ่ม Spell Attack Roll และ Spell Save DC +1 ต่อบัฟ 1 เทิร์น ซึ่งหมายความว่าจะทำให้คุณร่ายเวทย์ล็อคศัตรูได้ง่ายขึ้นมากๆ หรือพูดกลับกันคือศัตรูจะไม่มีทางโรลผ่าน DC ของเราได้เลยครับ สำหรับสายโจมตี+ใช้เวทย์แล้ว อันนี้เป็นหมวกที่ดีสุดๆเลยล่ะ
Cloak of Protection - ใส่เพื่อเพิ่ม AC+1 และ Saving Throw +1 เพิ่มประสิทธิภาพการ Tank
Luminous Armour - เมื่อเราทำดาเมจแสงจากการโจมตีหรือเวทย์ จะทำให้เกิด Radiant Shockwave ซึ่งจะทำให้ศัตรูที่อยู่ในระยะ 3 เมตรติดสถานะ Radiating Orb เป็นเวลา 2 เทิร์น
Gloves of Belligerent Skies - เมื่อเราโจมตีด้วยดาเมจธาตุ Lightning, Thunder หรือ Radiant จะทำให้ศัตรูติด Reverberation 2 เทิร์น
Boots of Stormy Clamour - เมื่อเราทำให้ศัตรูติดสถานะใดๆ ศัตรูตัวนั้นจะติด Reverberation 2 เทิร์นไปด้วย โดยถ้าศัตรูติด Reverberation 5 เทิร์น จะโดนดาเมจ Thunder 1-4 หน่วย และต้อง Con Saving Throw DC10 ให้ผ่าน ไม่งั้นศัตรูตัวนั้นจะล้มลง (Prone) เอาไว้ดีบัฟศัตรูเพิ่มได้ดีมากๆครับ
Amulet of Greater Health - ปรับ Constitution ของเราให้เป็น 23 ของดีที่ต้องมีไว้ในครอบครอง แถมยังได้ Advantage ของ Con Saving Throw ทำให้เราหลุด Concentrate ในการร่ายเวทย์ได้ยากมากๆครับ
Band of the Mystic Scoundrel - เมื่อเราโจมตีด้วยอาวุธโดนศัตรู จะทำให้เราสามารถร่ายเวทย์สาย Enchantment ด้วย Bonus Action ได้ ถือเป็นการใช้ Bonus Action ที่ดีมากๆครับ เพราะบิ้วนี้จะสามารถร่ายเวทย์ Command ใส่ศัตรูได้หลังจากโจมตีจนหมด Action Point แล้ว
Coruscation Ring - เมื่อเราทำดาเมจจากเวทย์โดยที่ตัวเราโดนติดแสงสว่างอยู่ จะทำให้ศัตรูติด Radiating Orb 2 เทิร์นครับ ซึ่งสถานะนี้จะลด Attack Roll -1 ของศัตรูตามจำนวนเทิร์นที่เหลืออยู่ สูงสุดติดได้ 10 เทิร์น และจะลดลง 2 เทิร์นหลังจากศัตรูโจมตี 1 ครั้ง ก็เรียกได้ว่าเป็นดีบัฟที่โหดมากๆ เพราะจะทำให้ศัตรูตีเราโดนยากขึ้นครับ
Deva Mace - อาวุธเทพสำหรับสายประชิดทุกคน เพราะนอกจากดาเมจทางกายภาพของกระบองแบบปกติแล้ว ยังมี Stat พิเศษนั่นคือ ดาเมจแสงอีก 4-32 หน่วย ซึ่งคิดคร่าวๆ ถึงแม้ใช้อาวุธโจมตีแบบธรรมดาก็เหมือนกับได้ Divine Smite ฟรีๆอีก 1 ทีเลยล่ะ เป็นของดีและของลับสุดยอดที่ทุกคนควรต้องมีไว้ครอบครอง ... และเป็นสาเหตุของ Deva ที่เรา Summon มา มันตี Wrathful Smite ได้แรงเอามากๆนั่นเอง
Viconia's Walking Fortress - ใส่เพื่อเพิ่ม AC+3 และได้สกิล Warding Bond (ไม่ได้ใช้ครับ) กับสกิล Reflective Shell ซึ่งดีมากเวลาเล่น Tank แล้วเจอกับกลุ่มศัตรูสายระยะไกล เพราะเมื่อเราเปิดใช้สกิลนี้ มันจะอยู่เป็นเวลา 2 เทิร์น และในระยะเวลานั้น มันจะสะท้อนการโจมตีระยะไกลแบบ Missile ที่เล็งมาที่เราทุกชนิด ใช่ครับ เวทย์ระยะไกลก็สะท้อนได้เช่นกัน เป็นอีกสกิลสำหรับ Tank ที่ Must Have อีกแล้ว ... นอกจากนั้นยังมี Shield Bash แบบพิเศษที่สามารถทำดาเมจ Force ได้ด้วย
Gontr Mael - เอาไว้ใช้เป็นการโจมตีระยะไกลด้วยดาเมจแสงหลังจากใช้สกิล Bolt of Celestial Light ยิงใส่ศัตรูแล้ว จะได้ดาเมจแสงฟรี 1-4 หน่วยถาวร และเอาสกิล Celestial Haste ของธนูนี้เท่านั้นครับ ซึ่งให้ผลเหมือน Haste เลยแต่ตอนหลุด Concentrate จะไม่ทำให้มึน และระยะเวลามีผลแค่ 5 เทิร์นครับ
Items อื่นๆที่จำเป็นสำหรับบิ้ว
Elixir of Bloodlust

ยาเทพที่ทุกคนต้องมี ผลของมันคือ เมื่อฆ่าศัตรูได้ จะได้ Action Point คืนมา 1 แต้ม มีผล 1ครั้ง/1เทิร์น นั่นหมายความว่า ถ้าคุณฆ่าศัตรูได้ในเทิร์นนั้น คุณจะโจมตีฟรีได้อีก 2 ครั้งครับ


Spellcrux Amulet

สร้อยที่สามารถฟื้น Spell Slot เวลใดก็ได้ ได้จำนวน 1 ครั้ง ถือว่าเป็นสร้อยสำรองที่ต้องพกติดตัวไว้เลยครับ หาได้จากคุกของ Moonrise Tower ใน Act 2 ครับ อย่าพลาดเชียวล่ะ อันนี้ของดีจัดๆ


Pearl of Power Amulet

เหมือนกับ Spellcrux Amulet ครับ แต่รี Spell Slot ได้แค่เวล 1 2 3 เท่านั้น เป็นสร้อยสำรองที่ดีอีกอันนึง เพราะบิ้วเรามีเวทย์ถึงแค่เวล 3 เอง หาซื้อได้จาก Omeluum ที่ Myconid Colony ใน Underdark ของ Act 1 ครับ
Illithid Powers & Passive Bonus ที่จำเป็น
MAJOR SPOILER ALERT!!!

จริงๆถึงไม่มีพวกนี้ก็เล่นได้ แต่ถ้าอยากไปให้สุดก็ควรต้องมีบัฟและสกิลพวกนี้ครับ ผมจะแบ่งออกเป็นสองส่วนหลักๆก่อน คือ 1.Illithid Powers ที่แนะนำและ 2.Permanent Passive Buff ที่จำเป็นสำหรับบิ้วนี้

Illithid Powers ที่แนะนำกับบิ้วนี้

ผมจะยกมาแค่อันที่จำเป็นๆนะครับ แต่ถ้ามีโอกาสอัพเต็มก็ทำได้เลยครับ ได้ใช้คุ้มแน่นอนเพราะสกิลพวกนี้มัน OP เอามากๆ และก็ไม่ได้ส่งผลกับเนื้อเรื่องในเกมมากมายอย่างที่เรากลัวด้วยครับ

Luck of the Far Realms
เมื่อเราโจมตีศัตรูโดน จะสามารถบังคับติด Critical ได้ ใช้ได้ 1 ครั้ง / 1 Long Rest ถือว่าเป็นสกิลที่จำเป็นสำหรับสายโจมตีเลยครับ เพราะเราจะบังคับติดคริได้
Cull the Weak
เมื่อเราลดเลือดศัตรูให้ต่ำกว่าจำนวน Tadpole ในหัวเรา ศัตรูจะตายทันทีและระเบิดทำดาเมจพลังจิตใส่ศัตรูใกล้เคียงอีก 1-4 หน่วย เป็นสกิลที่ดีมาก สำหรับคนที่ใช้พลังของ Tadpole เยอะๆอยู่แล้ว เพราะถ้าคุณอัพเกรดจนครบ แค่คุณลดเลือดศัตรูลงมาเหลือแค่นิดหน่อยก็สามารถฆ่าศัตรูตัวนั้นได้ทันที พูดง่ายๆคือ ยิ่งใช้หนอนมาก สกิลนี้ก็ยิ่งได้ผลดีมากขึ้น และบอกลาความเซ็งตอนศัตรูเหลือเลือด 1 ไปได้เลย
Fly
อีกสกิลที่ตรงตามตัวเป๊ะๆเลย ทำให้เราสามารถเคลื่อนที่ได้ดีกว่าเดินปกติมากๆ ซึ่งสกิลนี้จะได้มาฟรีๆ เมื่อเรายอมเปิดใจรับพลังจาก Astral Tadpole ที่ได้จาก The Emperor ในตอนต้น Act 3 ครับ (แต่ต้องยอมลดสวยลดหล่อ มีเส้นเลือดดำขึ้นหน้านะ 5555)

ส่วนอันอื่นๆนั้นก็แล้วแต่เลยครับ เพราะสกิลอย่าง Blackhole หรือ Mind Blast ก็ดีมากๆ แต่คุณควรต้องได้บัฟ Awakened จาก Githyanki Crèche ก่อนถึงจะคุ้ม แต่ถ้าอัพเต็มได้ก็จะดีครับ เพราะ Cull the Weak นั้นใช้ได้ผลดีขึ้นมาก

Permanent Passive Buff ที่จำเป็นกับบิ้วนี้

ผมจะยกมาแต่อันที่จำเป็นนะครับ แต่ถึงพลาดไปก็ไม่เป็นไร แค่อย่างน้อยขอให้ได้บัฟ Cha+2 จากตอน Act 3 ได้ก็พอ ... ถ้าไม่ได้บัฟเลยถามว่าเล่นได้มั๊ย ก็เล่นได้ครับ แต่จะไม่สุดเท่าคนที่มีบัฟแค่นั้นเอง

[Act 1] Abilities+1 จากหนังหัวของป้าแม่มด Ethel
ได้จากการปราบป้า Ethel ในรังแม่มดที่ Act 1 ก่อนป้าจะตายจะทำการต่อรองให้เราไว้ชีวิตโดยแลกกับหนังหัวเพิ่มค่า Abilities ค่าใดค่าหนึ่ง จำนวน 1 แต้มครับ ... เช่นเดิม ลองดูความจำเป็นคนในทีมด้วยก็ดีครับ

ถ้าเราจะเอาค่าโบนัสจากข้อนี้ ผมล็อคคอให้เลือก Cha เท่านั้นครับ ห้ามเอาอย่างอื่นมานะ ไม่งั้นจะตีมือเลย 5555+

[Act 3] Abilities+2 จากกระจก Mirror of Loss
หลังจากทำเควสของ Shadowheart ใน House of Grief แล้ว เข้าไปห้องด้านในที่เจอพ่อแม่ของน้อง จะมีกระจก Mirror of Loss อยู่ ตรงนี้ผมแนะนำให้เซฟไว้ก่อนนะครับ เพราะกระจกนี่ต้องผ่าน Skill Check หลายรอบมาก ผมจะเรียงไว้ให้คร่าวๆประมาณนี้
1. การ Activate กระจก ต้องผ่าน Skill Check สองอย่างคือ Religion (DC20) และ Arcana (DC25)
2. หลัง Activate กระจกแล้ว คนที่จะเพิ่ม Stat ต้องผ่าน Skill Check Religion (DC25) ของใครของมันเป็นรายบุคคลไป
3. หลังจากผ่านเช๊คทั้งหมดแล้ว เราจะสามารถมอบ Abilities 1 ใน 6 อันไหนก็ได้ของเราให้กับกระจก 2 แต้ม แล้วจะสามารถเลือกเพิ่ม Abilities 1 ใน 6 อันไหนก็ได้ของเรา 2 แต้มแทน เช่น คุณอาจะแลก Wis-2 แล้วเอา Cha+2 แทน
4. หลังจากเลือกได้แล้ว ให้ใช้ Remove Curse ลบคำสาปที่โดน -2 อยู่ ก็จะทำให้เรามีบัฟ +2 Abilities ที่เราเลือกไว้ฟรีๆอย่างถาวรครับ
5. ทำซ้ำข้อ 2-4 กับตัวละครอื่นๆได้ ยกเว้นจะเฟล Skill Check คนนั้นจะอดบัฟนี้ไปเลยถาวรครับ

[Act 3] Cha+1 จากกระจก Mirror of Loss
วิธีทำตามในคลิปด้านล่างได้เลยครับ แต่ผมจะพิมพ์อธิบายไว้คร่าวๆประมาณนี้
1. Activate กระจกเหมือนเดิม
2. อย่าเพิ่งผ่าน Religion Check รายบุคคล ให้แลก Stat -2 เพื่อสุ่มหา Patriar's Memory ครับ ... ใช่ครับ สุ่มนะครับ อาจจะไม่ได้ 100% ดังนั้นควร Quicksave ไว้ก่อนด้วยครับ
3. สุ่มจนกว่าจะได้ข้อความแบบในรูปด้านล่าง
4. กลับไปทำ Religion Check แล้วแลก Stat ตามปกติครับ

https://www.youtube.com/watch?v=ISy1fKM_mWo

ซึ่งจาก Permanent Passive Buffs ทั้งหมดที่กล่าวมา คุณจะมีโอกาสเพิ่ม Cha ได้ +2,+3 และ +4 แต้มเลย ... สำหรับคนงกที่ได้บัฟถึง Cha+4 ก็ให้ปรับ Abilities ตอนเลเวล 1 ให้ Cha เป็น 16 แต้มไปครับ เพราะถ้าคุณมี Cha 17 สุดท้ายคุณก็จะมีแต้ม Cha สูงสุดที่ 23 แต้มอยู่ดี Cha Modifier+6 ไม่ต่างกับที่ 22 แต้ม ดังนั้นเพิ่มเป็นเลขคี่ไปก็ไม่มีประโยชน์ครับ เอาไปบวกเพิ่มค่าอื่นแทนดีกว่า
วิธีการเล่นของบิ้วนี้โดยละเอียด
Role และแนวทางการเล่น
บิ้วนี้เอาจริงๆเป็น All-Around ที่สามารถทำได้เดือบทุกอย่างครับ ไม่ว่าจะเป็น Melee DPS ด้วย Booming Blade หรือ Divine Smite, โจมตีระยะไกลด้วย Eldritch Blast หรือธนู, ทำดาเมจ AOE ด้วย Spirit Guardians, บัฟเพื่อนด้วย Aura หรือเวทย์ต่างๆ, Tank ดาเมจให้เพื่อนๆด้วยสกิล Champion Challenge, ฮีลเพื่อนๆด้วยสกิล Turn the Tide หรือ Lay on Hands, ทำดีบัฟ Radiating Orbs และ Reverberation ใส่ศัตรู หรือแม้กระทั่งจะเปลี่ยนขึ้นมาเป็นผู้นำทีม เป็นคนคอยคุยเจรจาให้ทีมก็ยังได้ เรียกได้ว่าทำได้ทุกอย่าง ตั้งแต่สากเบือยันเรือรบ พร้อมเป็นทุกอย่างให้เธอแล้วจริงๆ

ในส่วนของดาเมจนั้น เอาจริงๆก็รุนแรงเทียบเท่าบิ้วพาลาดินปกติเลยครับ ต้องขอขอบคุณ Deva Mace ที่มีตัวตนในเกมนี้ (และมีวิธีเอาออกมาใช้งานได้) ทำให้บิ้วนี้สามารถทำดาเมจได้สูงมาก ไม่แพ้บิ้ว 002 หรือ 033 ตอนใช้ Deva Mace เลย เพียงแต่อุปกรณ์โดยรวมจะเน้นไปทางการทำดีบัฟใส่ศัตรูมากกว่า เพื่อให้เหมาะสมกับโรลแบบ Bodyguard เลยทำให้อาจจะไม่ได้มีสกิลเน้นดาเมจและ Tank โหดๆเหมือนทั้งสองบิ้วที่ว่ามาครับ

ข้อเสียก็ตามสไตล์ Paladin เลย คือ Slot เวทย์ที่น้อยมาก ทำให้เก่งได้ไม่นานก็ง่วง ต้องนอนบ่อยๆครับ และทรัพยากรของบิ้วแทบทั้งหมดไม่สามารถฟื้นได้ด้วย Short Rest นะ ต้องนอน Long Rest เท่านั้น ทำให้อาจจะขัดๆกับบิ้วที่ฟื้นพลังหลัง Short Rest ได้อย่าง Fighter หรือ Monk ครับ ก็ถือว่านอนบ่อยๆเพื่อให้เจอ Event Trigger เยอะๆไปก็ละกันนะ 555+

การเตรียมพร้อมแบบ Step by Step
1. กินยา Elixir of Bloodlust
สรรพคุณตามที่แจ้งไว้แล้วครับ เท่ากับว่าถ้าคุณฆ่าศัตรูได้ในเทิร์นนั้น คุณจะโจมตีเพิ่มได้อีก 2 ทีเลย หลายๆคนที่อ่านบิ้วไกด์ผมบ่อยๆก็คงเดาทางได้ละ 555+
2. เปิดออร่า Aura of Protection และ Aura of Courage เพื่อบัฟตัวเองและเพื่อนในทีม
+6 Saving Throw และไม่ติดสถานะ Frightened ให้กับเราและเพื่อนในทีมระยะ 3 เมตร นี่คือ บัฟที่โหดเอาเรื่องเลยนะครับ
3. ใช้สกิล Bind Hexed Weapon กับ Deva Mace
เพื่อให้ดาเมจเราทะลุ Resistance ปกติ และใช้ Cha Modifier แทน Str ครับ สำคัญมากนะอันนี้ต้องทำเสมอ
4. ร่าย Celestial Haste ก่อนเข้าการต่อสู้ (Optional)
เนื่องจากบิ้วนี้มี Celestial Haste จากธนูให้ใช้เพียงแค่ครั้งเดียว คุณอาจจะเก็บไว้ใช้ทีหลังก็ได้นะครับ อันนี้ขึ้นอยู่กับว่าอยากจะจัดการศัตรูให้เร็วขึ้นแค่ไหน แต่ถ้าจะใช้ Spirit Guardians ก็ไม่จำเป็นต้องใช้อันนี้ครับ เพราะมันจะไปทับ Concentrate กัน

จริงๆคุณสามารถบัฟดาเมจธาตุเพิ่มให้อาวุธด้วย Draconic Elemental Weapon ของ Drakethroat Glaive เพิ่มได้อีกนะครับ แต่เนื่องจากผมมองว่าตัวนี้เอาไว้เล่นสายบอดี้การ์ดให้ตัวดาเมจหลัก เลยไม่ได้บัฟเพิ่มมาครับ

การใช้งานบิ้วนี้ในการต่อสู้แบบ Step by Step
1. โจมตีศัตรูในระยะประชิด และฆ่าให้ได้อย่างน้อย 1 ตัว เพื่อให้ผลของยา Bloodlust ทำงาน
เป็นสิ่งแรกที่ควรทำก่อนเลย ข้อนี้ผมแนะนำให้เน้นตัวที่เลือดน้อยๆ หรือพวกนักเวทย์ก่อนเพื่อเอา Action Point ฟรีจากผลของยา Bloodlust ครับ
2. ใช้เวทย์ Spirit Guardians กางวงดาเมจแสง แล้ววิ่งลากใส่ศัตรูเพื่อทำดีบัฟ
นอกจากจะทำดาเมจและดีบัฟใส่ศัตรูแล้ว คุณยังสามารถใช้เวทย์นี้ในการส่องสว่าง และกะระยะบัฟจากออร่าให้เพื่อนในทีมได้ด้วยนะ เพราะระยะออร่าคือ 3 เมตร เท่าๆกับวงของ Spirit Guardians นี่เลยครับ
3. ใช้เวทย์ Command ด้วย Bonus Action สั่งให้ศัตรูหยุดนิ่งหรือดรอปอาวุธ
เป็นอีกหนึ่งวิธีใช้ Bonus Action สำหรับบิ้วนี้ เพราะเราจะมีเวทย์ Command แบบ Always Prepare ไม่เปลือง Slot จำเวทย์ แถมพอได้โบนัส Arcane Acuity จากหมวกแล้ว ก็จะมี Spell Save DC สูงมากจนทำให้ศัตรูแทบจะไม่สามารถต้านทานเวทย์นี้ของเราได้เลยล่ะ
4. โจมตีศัตรูเก่งๆหรือระดับบอสด้วย Booming Blade + Divine Smite
นี่เป็นอีกคอมโบที่โหดเหี้ยมมากๆครับ โดยเฉพาะตอนที่ติดครินี่ เรียกได้ว่าดาเมจโหดไม่แพ้บิ้วอื่นๆเลยล่ะ
5. โจมตีศัตรูเก่งๆหรือระดับบอสที่แพ้ดาเมจแสงด้วย Blinding Smite + Divine Smite (หากคุณยังมี Bonus Action อยู่)
นี่เป็นอีกคอมโบที่ทำดาเมจแสงได้โหดเหี้ยมสุดๆในรุ่นแล้ว บวกกับดาเมจแสง Build-In ของ Deva Mace ไปอีกนี่ ก็แทบจะเรียกได้ว่าเหมือนศัตรูโดน Divine Smite เต็มๆไป 3 ทีเลยล่ะครับ ... ยิ่งถ้าติดคริด้วยนี่ คุณจะมีดาเมจสูงถึง 150+ ในการโจมตีแค่ 1 ครั้งนี่เลย โหดไม่ต่างกับบิ้ว 002 หรือ 033 เลยล่ะ
6. โจมตีศัตรูที่อยู่ไกลๆด้วยสกิล Bolt of Celestial Light ของธนู Gontr Mael ก่อนเพื่อเพิ่มดาเมจแสง 1-4 หน่วยให้กับธนูตลอดทั้งวัน
อันนี้ถ้าเราเดินไม่ถึงศัตรูจริงๆ ก็สามารถใช้การโจมตีระยะไกลด้วยธนูนี้ใส่ศัตรูได้ครับ แถมมีโอกาสทำให้ศัตรูติด Frightened 2 เทิร์นได้ด้วย หากศัตรูล้ม Prone เพราะ Reverberation ด้วยนี่ จะทำให้ศัตรูทำอะไรไปไม่ได้ต้องข้ามไป 2 เทิร์นฟรีๆเลยล่ะ
7. ใช้สกิล Lay on Hands ในการฮีลหรือเวทย์บัฟต่างๆของคลาส Paladin
อยากเปลี่ยนเป็นสายฮีลใจงั้นเหรอ ... มองหาเวทย์และสกิลทั้งหลายจาก Spells ของพาลาดินสิครับ ไม่ว่าจะฮีล จะบัฟ จะรักษา จะป้องกันพิษ จะอะไรก็ตามที่คุณต้องการเลย ... แต่ผมแนะนำให้เก็บ Slot เวทย์ไว้ Smite ทำดาเมจหรือล็อคศัตรูด้วย Command ดีกว่านะ

ข้อควรระวังในการใช้งานบิ้วนี้
ในโหมดความยากระดับ Tactician และ Honour คุณจะพบกับศัตรูหลายๆตัวที่มีสกิลแก้ทางดาเมจ Radiant แบบ Radiant Retort หรือ Fleeting Protection ซึ่งกับศัตรูที่มีสกิลพวกนี้ต้องเลี่ยงให้มากที่สุดครับ เพราะสองสกิลนี้เป็นสกิลสะท้อนดาเมจแสงที่โหดเหี้ยมมากๆ หากคุณพลาดไป Smite แรงๆใส่ศัตรูพวกนี้นี่ อาจจะทำให้คุณโดนสะท้อนดับได้ในทีเดียวเลยนะ ... เวลาเจอศัตรูพวกนี้ ผมแนะนำให้เปลี่ยนมาใช้เวทย์ Spirit Guardians แบบ Necrotic หรือ ใช้ Eldritch Blast ยิงใส่แทนครับ หรือ ดีที่สุดคือ ให้เพื่อนคนอื่นในทีมจัดการไปครับ 5555
แนวทางการอัพเลเวลและไอเท็มก่อน Endgame
เนื่องจากมีหลายๆท่านถามเข้ามาเรื่องไอเท็มที่สามารถใช้ได้จาก Act 1 และ Act 2 เพราะยังไปไม่ถึง Endgame ใน Act 3 พร้อมทั้งมีหลายๆท่านถามเรื่องการอัพหรือรีคลาสในช่วงเลเวลนั้นๆ ผมเลยขอทำหมวดนี้เพิ่มให้เพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นให้กับผู้ที่สนใจเอาไปปรับใช้กันนะครับ

แนวทางการอัพเลเวลในแต่ละขั้น
ในไกด์ของผมส่วนใหญ่จะเป็นการอัพเลเวลยาวๆไปจนเลเวล 12 เลย ทำให้หลายๆท่านที่เล่นตั้งแต่แรกเริ่ม อาจจะใช้บิ้วนี้ได้ไม่เต็มที่ ผมเลยขอทำตารางแนะนำแนวทางการอัพเลเวล พร้อมเหตุผลคร่าวๆมาให้เป็นทางเลือกสำหรับคนที่เริ่มเล่นและเติบโตไปพร้อมกับบิ้วนี้ครับผม

LEVEL
แนวทางการอัพเลเวล/Respec
เหตุผลคร่าวๆในการอัพ/Respec
1
Paladin 1
เพื่อให้ใส่เกราะ Heavy ได้ตั้งแต่ต้นเกม
2
Paladin 2
เพื่อเอาสกิล Divine Smite
3
Paladin 3
-
4
Paladin 4
เพื่อเอา Feat Savage Attacker
5
Paladin 5
เพื่อให้ได้สกิล Extra Attack
6
Paladin 5 / Warlock 1
Respec เน้นอัพ Cha และเอาสกิล Bind Hexed Weapon
7
Paladin 6 / Warlock 1
เพื่อเอาสกิล Aura of Protection
8
Paladin 7 / Warlock 1
เพื่อเอาสกิล Divine Allegiance
9
Paladin 8 / Warlock 1
เพื่อเอา Feat ที่สองมาเพิ่ม Cha+2
10
Paladin 9 / Warlock 1
เพื่อเอาเวทย์ Spirit Guardians มาใช้งาน
11
Paladin 10 / Warlock 1
เพื่อเอาสกิล Aura of Courage
12
Paladin 11 / Warlock 1
เพื่อเอาสกิล Improved Divine Smite

ไอเท็มและอุปกรณ์ทางเลือกก่อนถึง Endgame
ในส่วนนี้มีคนต้องการเยอะครับ สำหรับบางบิ้วนั้นจะเทพได้ก็ต่อเมื่อมีของ Endgame เท่านั้นจริงๆ ... แต่ผมจะพยายามหาทางอุปกรณ์ทางเลือกมาแนะนำให้ทุกท่านได้เอาไว้ใช้งานก่อนมีของเทพละกัน สำหรับใครที่อยากรู้ข้อมูลของอุปกรณ์แต่ละชิ้น ลองเอาชื่อไป Search หาใน https://bg3.wiki/ ได้เลยครับ

ประเภทอุปกรณ์สวมใส่
ACT1
ACT2
ACT3
หมวก/ส่วนหัว
Haste Helm
Helmet of Arcane Acuity
Helmet of Arcane Acuity
ผ้าคลุม
The Deathstalker Mantle (ถ้ามี Dark Urge)
Cloak of Protection
Cloak of Protection
เสื้อ/ชุดเกราะ
Luminous Armour
Luminous Armour
Luminous Armour
ถุงมือ
Gloves of Belligerent Skies
Gloves of Belligerent Skies
Gloves of Belligerent Skies
รองเท้า
Boots of Stormy Clamour
Boots of Stormy Clamour
Boots of Stormy Clamour
สร้อยคอ
Amulet of Branding
Surgeon's Subjugation Amulet
Amulet of Greater Health
แหวนวงที่ 1
Ring of Protection
Callous Glow Ring
Band of the Mystic Scoundrel
แหวนวงที่ 2
Crusher's Ring
Coruscation Ring
Coruscation Ring
อาวุธ Melee มือหลัก
Phalar Aluve
Phalar Aluve
Deva Mace
อาวุธ Melee มือรอง
Safeguard Shield
Sentinel Shield
Viconia's Walking Fortress
อาวุธ Range
Hunting Shortbow
Darkfire Shortbow
Gontr Mael

บิ้วนี้คือบิ้ว Typical Paladin เลยล่ะครับ ในตอนแรกก็จะดาเมจโหดตั้งแต่เลเวล 2 เพราะเราจะมี Divine Smite มาให้ใช้ แต่จะใช้ Slot เวทย์หมดเร็วมากนะครับ และเหมือนกับบิ้ว 002 ที่ตอนแรกๆเราจะไม่ได้เก่งเวอร์เหมือนบิ้วอื่นๆ เรียกได้ว่าพอใช้ Slot เวทย์ในการ Smite หมดแล้วก็แทบจะอ่อนกว่าชาวบ้านเค้าไปเลย

ในช่วงกลางๆเกม เราจะพอทำหน้าที่ในการดีบัฟศัตรูให้กับทีมได้เยอะแล้ว ทำให้มีประโยชน์อยู่ แถมยังเป็นได้ทั้ง Tank และ Healer ในตัวที่ทำดาเมจได้ ไม่จำเป็นต้องมีสายซัพพอร์ทในทีมแต่อย่างใด ... และอุปกรณ์ของเราก็แทบจะครบแล้วด้วยซ้ำ ทำให้สามารถเล่นในสไตล์ Bodyguard ตัวทำบัฟให้ทีม หรือตัวทำดีบัฟให้ศัตรูได้ดีมากๆครับ

สุดท้าย เช่นเดียวกับบิ้ว 002 คือจะมาเก่งเอามากๆก็ตอนที่มี Deva Mace จาก Act 3 แล้วเท่านั้น ผมแนะนำให้รีบพุ่งไปเอามาก่อนเลยครับ เพราะของเทพชิ้นนี้มัน OP จริงๆสำหรับ Paladin แถมพอตอนเราเลเวล 9 จะได้เวทย์ Spirit Guardians มาใช้แล้วด้วย ทำให้สามารถทำหน้าที่ Zone Control และปกป้องทีมได้ดีสุดๆเลยล่ะ แม้บิ้วนี้จะไม่ได้มีดาเมจจัดจ้านแบบบิ้ว 002 ที่เน้น Smite สายคริ หรือบิ้ว 033 ที่เน้นโจมตีด้วย Booming Blade ... แต่บิ้วนี้มีสกิลในการซัพพอร์ทเพื่อนและทำดีบัฟศัตรูได้เยอะกว่ามากๆครับ สมกับเป็นบิ้วผู้พิทักษ์ตามชื่อเลยล่ะ
Conclusion
ในตอนแรกผมก็ไม่คิดว่าจะมาทำบิ้ว Paladin เกือบเพียวแบบนี้เลยครับ ถ้าใน Patch 8 ไม่ได้มี Hexblade และ Oath of the Crown ที่สามารถใช้เวทย์อย่าง Spirit Guardians ได้เข้ามา ก็คงไม่ได้ทำบิ้วสาย Paladin ที่เป็นเมนของผมเพิ่มแล้วล่ะ 5555+

สำหรับใครที่อยากได้บิ้วที่ไม่ได้เก่งแค่การทำดาเมจอย่างเดียว แต่สามารถเล่นเป็นสาย DPS/Support ให้กับทีมได้ ก็ลองเอาไปปรับใช้กันดูนะครับ เพราะนอกจากบิ้วนี้จะทำดาเมจได้ตามมาตรฐาน Paladin แล้ว ยังสามารถทำดีบัฟใส่ศัตรูจนชนิดที่เรียกได้ว่า เพื่อนๆใช้ชีวิตได้สบายขึ้นกันเลยทีเดียวล่ะ ... เหลืออีกแค่ 3 บิ้วเท่านั้นก็จะครบ 40 บิ้วแล้ว ยังไงก็มาลองดูกันนะครับว่าจะเป็นบิ้วอะไรต่อไป

ขอตัวไปกางเวทย์ปกป้องเพื่อนคนสำคัญ (และทำดีบัฟใส่ศัตรู) ตามสไตล์ของอัศวินแห่งแสงต่อ ไว้พบกันใหม่บิ้วไกด์หน้าครับ
Bonus รวมคลิปการบิ้ว วิธีเล่น และเทสรัน
สำหรับใครที่ขี้เกียจอ่านเรียงความยาวๆของผมนะครับ ลองดูในคลิปด้านล่างได้เลย ผมทำเผื่อไว้ให้แล้ว ... สามารถพูดคุยสอบถามได้จากในคลิปหรือในไกด์นี้ได้เลยนะครับ

คลิปการทำบิ้วตั้งแต่ Level 01-12


คลิปวิธีเล่นแบบคร่าวๆและอุปกรณ์ที่ใช้


คลิป Tactician Solo Test Run

Link Guide&Build อื่นๆที่ผมได้ทำไว้
สำหรับใครที่ขี้เกียจเลื่อนหา หรืออาจจะหาไกด์ไหนไม่เจอ ลองกดไปดูในสารบัญรวมเล่มนี้ได้เลยครับ
https://test-steamproxy.haloskins.io/sharedfiles/filedetails/?id=3140547253